โครงสร้างประชากรไทยกำลังจะเปลี่ยนโฉมในระดับที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึก! เพราะ ในปี 2564 ประเทศไทยจะเข้าสู่ “สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์” นั่นหมายความว่า คนสูงวัยจะครองสัดส่วนเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ ขณะที่กลุ่มเจนวายเป็นต้นไป เรื่อยมาถึงเจนแซด และเจนอัลฟ่าจะต้องกลายเป็นพลเมืองกลุ่มน้อยในสังคมไทย
อีกเพียง 12 ปี ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอดในปี 2574 !!!ที่มีผู้สูงอายุ การเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญที่กำลังจะมาถึงอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงนี้ ส่งผลให้ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชนต้องเร่งหาทางรับมือกับโครงสร้างทางสังคมที่หันเหทิศทางการขับเคลื่อนใหม่ ผลักดันสังคมไทยก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน ผู้คนทุกวัยมีคุณภาพชีวิตที่ดี อยู่ร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หนึ่งในหน่วยงานผู้ขับเคลื่อนกระตุ้นเตือนสังคมคือ สำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. ที่มุ่งทำงานเชิงรุก เพื่อจุดประกาย กระตุ้น สานและเสริมพลังบุคคลและองค์กรทุกภาคส่วนให้มีขีดความสามารถและสร้างสรรค์ระบบสังคมที่เอื้อต่อการมีสุขภาวะอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี
“ภรณี ภู่ประเสริฐ” ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สะท้อนถึง สถานการณ์ผู้สูงอายุที่เหล่าเจนวายต้องรับฟังอย่างเข้าใจว่า ...“ภาวะซึมเศร้าและติดบ้าน เป็นปัญหาใหญ่ของผู้สูงอายุในปัจจุบัน จากสถิติพบว่า 1 ใน 3 ของผู้สูงอายุไทยมีความเปราะบางทางจิตใจ เนื่องมาจากหลากหลายปัจจัย ทั้งความเสื่อมถอยของร่างกายจนส่งกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ภาวะการพึ่งพาตัวเองลดลง จากเคยเป็นผู้นำครอบครัวกลับกลายเป็นเพียงสมาชิกในบ้านที่ต้องพึ่งลูกหลาน รู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระจึงนำมาซึ่งความวิตกกังวลต่างๆ เริ่มมองว่าตัวเองด้อยค่า โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุที่ใช้ชีวิตเพียงลำพัง เนื่องจากไม่ได้แต่งงาน (ประมาณ 13.8%) และกลุ่มที่แต่งงานแต่ไม่มีบุตร (23.3 %) เป็นกลุ่มที่ต้องเผชิญหน้ากับความโดดเดี่ยว ขาดหลักหลักประกันในชีวิต โดยเฉพาะหากไม่มีการเตรียมพร้อมเพื่อเข้าสู่วัยเกษียณที่ดีพอ อาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า และการฆ่าตัวตายได้ในที่สุด”
”เพื่อเปลี่ยนความรู้สึกเป็นภาระของกลุ่มผู้สูงอายุให้เป็นพลังจึงกลายเป็นที่มาแห่งภารกิจของสสส.ในปีนี้ที่เน้นส่งเสริมคุณภาพชีวิตกลุ่มผู้สูงอายุวัย 60-72 ปีที่ยังแอคทีฟสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ให้แข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ ห่างไกลจากภาวะซึมเศร้าและติดบ้าน ด้วยการให้การสนับสนุนกลุ่ม Young Happy ธุรกิจเพื่อผู้สังคมที่มุ่งส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้ผู้สูงวัย ก่อตั้งโดยสตาร์ทอัพรุ่นใหม่แต่เข้าใจหัวอกของผู้สูงอายุอย่างถึงแก่น ภายใต้กิจกรรมดีดีชื่อ แอคทีฟ ซิกตี้ (Active 60)”
“แม้ Young Happy จะก่อตั้งโดยคุณรุ่นใหม่แต่กลับออกแบบแพลตฟอร์มและกิจกรรมที่เข้าใจหัวอกของผู้สูงอายุอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการจัดกิจกรรมให้ความรู้ เพื่อให้ผู้สูงอายุได้ค้นพบความสามารถที่ซ่อนอยู่ของตัวเอง ได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ หรือ กิจกรรมเวิร์กช็อปเก๋ๆที่เป็นสะพานลดช่องว่างแห่งวัยในการใช้ชีวิตในสังคมยุคดิจิทัล ตั้งแต่เรียนรู้การใช้โซเชียลมีเดีย การถ่ายภาพ ตลอดจนกิจกรรมที่ช่วยสร้างคอมมูนิตี้ให้ผู้สูงอายุได้พบปะกับเพื่อนใหม่กับหลากหลายกิจกรรมที่ไม่จำเจ สอดคล้องกับวิถีความเป็นคนเมือง เช่น ชวนกันไปดูหนัง ลงคอร์สเรียนภาษาใหม่ รวมถึงการพัฒนาแอพพลิเคชั่น การใช้ช่องทางออนไลน์เป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่ให้ข้อมูลข่าวสาร ทั้งหมดนี้นอกจากจะทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกว่าตัวเองยังมีคุณค่า ไม่ใช่ภาระของลูกหลานแล้ว แต่ยังสามารถออกมาใช้ชีวิต มีสังคม พบปะเพื่อนใหม่ๆ และ ยังมีไฟที่จะทำประโยชน์ให้กับสังคมต่อไป”
ทั้งนี้ เพื่อให้เห็นภาพของผู้สูงวัยที่ยังมีไฟ และเห็นคุณค่าของตัวเองโดยไม่ปล่อยให้ร่างกายที่ร่วงโรยมาบั่นทอนจิตใจ จากนี้คือ 2 ตัวแทนวัยเกษียณที่จะมาปลดล็อกความรู้สึกเปลี่ยนภาระ ให้เป็นพลัง