xs
xsm
sm
md
lg

ลงการเมืองขอให้เลือกด้วย "ติ๊ก" เฉ่ง กฎพื้นฐานยังรักษาไม่ได้ แล้วจะไปดาวอังคารได้ยังไง!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"ติ๊ก เจษฎาภรณ์" ขึ้นแท่นผู้บริหาร เปิดตัวรายการเรียลลิตี้ จะสร้างไอดอลให้มีคุณภาพ ยันไม่วางมือการแสดง ไม่พร้อมดันลูกเข้าวงการ อยากให้เติบโตแบบธรรมชาติ เผยทวิตเกือบโดนมอ'ไซค์ชนบนทางเท้า แค่อยากให้เปลี่ยนแปลง ลั่นปล่อยปละละเลยจะยากต่อการพัฒนาคน ลงเลือกตั้งช่วยเลือกด้วย

ขึ้นแท่นผู้บริหารกับเขาบ้างแล้ว สำหรับพระเอกตลอดกาล “ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี” ที่วันนี้ได้นำตัวทีมเปิดตัว “The Brothers Thailand” โปรเจกต์ใหญ่แห่งปี ที่ได้เหล่าหนุ่มๆ ในวงการ อย่าง มาริโอ้ เมาเร่อ, อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม และ นิชคุณ หรเวชกุล มาร่วมเป็นโบร้ช (Broach ย่อมาจาก Brother + Coach) เพื่อนำประสบการณ์ในวงการ ส่งต่อให้กับ 20 หนุ่มรุ่นน้องในเวลา 90 วัน โดยไม่มีทีม ไม่มีสคริปต์ เพื่อค้นหาสุภาพบุรุษไอดอลที่พร้อมทุกด้าน โดยในงานแถลงข่าววันนี้ หนุ่มติ๊กก็ได้เผยถึงโปรเจกต์ใหญ่ในครั้งนี้ว่า

“ตื่นเต้นมากครับ ถือว่าเป็นโปรเจกต์แล้วก็ชิ้นงานใหม่ที่เกิดขึ้น แต่ผมก็มองว่าในเรื่องของการทำงานในวงการบันเทิง ที่ผ่านมานอกจากงานแสดง งานละครหรือว่าซีรีส์ หรือว่าภาพยนตร์แล้ว ผมยังเคยทำรายการ นั่นก็คือรายการเนวิเกเตอร์ ทำมา 14 ปี เราก็มองว่าวันนี้เนวิเกเตอร์ยุติบทบาทลงแล้ว แล้วเราจะทำอะไรต่อ ที่สามารถต่อยอดได้อีก"

"เราก็เลยมองว่า เราอยากหันมาพัฒนา แล้วก็สร้างคน แต่ว่าเราใส่ในเรื่องราวต่างๆ ในการที่เราได้มีโอกาสใช้ประสบการณ์ชีวิต เช่นในเรื่องของการอนุรักษ์ เรื่องของธรรมชาติในประเทศไทยเรา ได้ส่งต่อให้กับน้องๆ ได้ โดยที่ทั้งหมดคือไอดอล ผมต้องการไอดอลที่มีคุณภาพครับ"

นอกจากเป็นโค้ชแล้วยังเป็นผู้บริหารด้วย
"ใช่ครับ เราได้พาร์ตเนอร์ที่ดี พี่ต้อม จิระ และก็พาร์ตเนอร์ที่ดีมากๆ เลยทางช่อง 3 เราไม่คิดเลยนะว่าจากวันนั้นจนถึงวันนี้ เราจะได้เห็นภาพแบบนี้ ว่าเราสามารถที่จะเป็นโปรเจกต์ที่พรุ่งนี้แล้ว น้องๆ จะได้เริ่มพรีเซนต์ตัวเอง จะมาให้คณะกรรมการได้เห็นกัน ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้จะมีการแถลงข่าวเกี่ยวกับโปรเจกต์นี้ที่เราวาดฝันไว้ประมาณเป็นปีได้”

น้องชาย "ตั้น พิเชษฐ์ไชย ผลดี" ยังคงรับหน้าที่เป็นช่างภาพให้เหมือนเดิม
"คือพื้นฐานของตั้น เขาเป็นช่างภาพเนวิเกเตอร์อยู่แล้ว ก็ถือว่าเป็นช่างภาพที่ลุยฝ่าป่ามาด้วยกัน ลุยน้ำลุยทะเลมาด้วยกัน พอถึงวันนี้ติ๊กเข้ามาอยู่ในเมืองบ้างแล้ว ดังนั้นช่างภาพก็ต้องมาด้วยเหมือนกัน ยังต้องมาทำงานได้เหมือนกันครับ"

ด้วยศักยภาพและวิสัยทัศน์บวกกับประสบการณ์ที่มี ทำให้มั่นใจในการนั่งแท่นบริหารได้
"ผมคิดว่าด้วยศักยภาพของเรา ด้วยวิสัยทัศน์ของเรา แล้วก็ด้วยประสบการณ์ชีวิตของเรา เราน่าจะทำอะไรบางอย่างเขยิบขึ้นมาอีก และเรามีความเชื่อว่า ถ้าเกิดว่าเราได้คิดแล้ว เราอยากจะทำให้ประสบความสำเร็จและผมก็อยากทำอย่างนั้นให้ได้เห็นจริงๆ และสิ่งต่างๆ ที่เราทำ เราเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ในหลายๆ ภาคส่วนด้วยกันครับ ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นกับอะไรใหม่ๆ อีกครั้งหนึ่งดีกว่า"

The Brothers เป็นโปรเจกต์เดียว ที่กำลังทำอยู่ในตอนนี้
"ใช่ครับ เราอยากจะพัฒนาต่อไปครับ อย่างโปรเจกต์ The Brother รุ่นน้องที่จะเข้ามาเป็นรุ่นแรก ในครั้งหน้า รุ่นน้องพวกกนี้ อาจจะเป็นรุ่นพี่รุ่นแรกของรุ่นน้องต่อไป"

ไม่คิดวางมือกับงานการแสดง ปีหน้าได้ดูแน่กับละครดั่งดวงหฤทัย
"ยังครับ ผมคิดว่าถ้ายังไม่เบื่อการแสดงผมกันนะครับ ตอนนี้ก็จะมีรีรันเพลิงนรีกันอยู่ ส่วนดั่งดวงหฤทัยน่าจะได้ดูปีหน้าตอนนี้อยู่ในช่วงการตัดต่อแล้วก็วาง CG"

ยันไม่กระทบกับเวลาครอบครัวแน่นอน เพราะสามารถแยกเวลาได้ ในแต่ละอาทิตย์ก็สามารถสับเปลี่ยนกันไปอัดรายการได้ ไม่มีเกณฑ์ตายตัว
"ผมคิดว่ามันก็เป็นเหมือนการทำงานชิ้นหนึ่ง เราก็ต้องแยกเวลา ผมว่าคำว่าเรียลลิตี้อย่างน้อยๆ เรามีพี่อีก 4 คนช่วยแชร์ สมมติสัปดาห์นี้เป็น ติ๊ก , โอ้ สัปดาห์ต่อไปอาจจะเป็นพี่อนันดา , พี่นิชคุณ ผมว่ามันสับเปลี่ยนไขว้กันไปไขว้กันมาได้ อยู่ที่ว่าใครมีความพร้อมในด้านเวลามากกว่ากัน เราไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว จะปล่อยไปตามธรรมชาติ"

"แต่จะมีบทเรียนให้น้องได้เรียนแตกต่างกันไปในแต่ละ EP เราจะไม่มีสคริปต์ ทุกอย่างจะเรียลและแก้สถานการณ์ในตรงนั้นเลย นอกจากพี่ๆ ทั้ง 4 คนแล้ว น้องๆ จะได้เรียนรู้พื้นฐานในเรื่องของร้องเพลง การแสดง การเต้น รวมถึงการออกกำลังกาย รวมถึงปรมาจารย์พิเศษ ที่เราจะเชิญเข้าไปอีก"

ในระยะเวลา 90 วันในรายการ น้องๆ สามารถออกไปเรียนได้ ไม่ถึงขนาดจะต้องกินอยู่ในค่ายอย่างเดียว
"ไม่เสมอไปครับ เราคิดว่าน้องๆ ในวัยนี้ บางคนยังติดเรียนหนังสืออยู่ ในช่วงเวลาเรียนก็เรียนหนังสือ เรียนเสร็จก็มาหาพี่ๆ"

รับจัดคิวยาก เพราะแต่ละคนก็คิวทองกันทั้งนั้น
"ก็แน่นอนครับ เรื่องนี้มันต้องมีความยากอยู่แล้วแต่เราคิดว่ามันสามารถไขว้กันได้ ปรับกันได้ ใครไม่ว่างอีกคนก็ไปถ่ายแทนได้ เราค่อนข้างยืดหยุ่น"

ยังไม่เอาลูกเข้าวงการเพราะยังเด็ก ขำๆ ถ้าเอามาคงต้องเป็นรายการ The Father แทน
"ตอนนี้ยัง 6 ขวบอยู่เลยครับ ถ้าเกิดผลักดันลูกชายผมต้องไปทำอีกรายการหนึ่งเลยครับคือ The Father ครับ (หัวเราะ) ถามว่าเขามีแววบ้างไหม ตอนนี้ยังไม่มีแววอะไรนะครับ เขาก็ยังเป็นธรรมชาติของเด็กๆ ยังเป็นเรื่องปกติ เราก็อยากให้เขาเติบโตมาในธรรมชาติแบบเด็กๆ ค่อยๆ พัฒนาไป แต่สิ่งที่เราเสริมให้เขาได้เราก็จะทำ อย่างเช่นพ่อถนัดในเรื่องของสัตว์เล็กๆ น้อยๆ เรื่องเข้าป่า เรื่องธรรมชาติรอบๆ ตัว เราก็ใส่ในเรื่องพวกนี้เข้าไป แล้วก็ในเรื่องของการมีคุณธรรมจริยธรรม การเป็นเด็กนอบน้อมถ่อมตน เราก็จะทำให้เขาดีกว่าพ่อ"

บอกตอนนี้ลูกๆ ยังสนใจแต่ของเล่น และสัตว์ทั่วไป เริ่มชอบซูเปอร์ฮีโร่ อยากเป็นสไปเดอร์แมน
"ตอนนี้ก็จะเป็นเรื่องของของเล่นทั่วไป แล้วก็อยากเลี้ยงสัตว์ สนใจสุนัข สนใจแมว สนใจแมลง อย่างเช่น ด้วง อย่างสัตว์บางชนิดที่เหมาะแก่การเรียนรู้ของน้องๆ ผมว่าให้เขาได้มีโอกาสได้สัมผัสบ้าง อย่างเช่นปลา ด้วง อะไรที่เป็นสัตว์เลี้ยงสุนัขหรือแมว เราไม่เอาสัตว์ป่ามาเลี้ยง"

"ตอนนี้ไม่นึกเลยว่าจะมาถึงวัยนั้น วัยของเด็กที่เริ่มยืดๆ เริ่มผอมๆ เริ่มชอบซูเปอร์ฮีโร่ เริ่มต้องการชุดสไปเดอร์แมนผ้ามันๆ ไม่น่าเชื่อว่าลูกเราจะมาถึงเฟดนี้แล้ว ตอนนี้ก็จะเป็นแมงมุม เขาอยากปล่อยใยได้ ผมเชื่อว่าเด็กเด็กหลายๆ คนคิดแบบนี้ อยากให้แมงมุมกัด ผมก็พยายามอธิบายว่ามันไม่ได้เป็นแบบนั้นมันเป็นแค่ในทีวี เขาจะรู้สึกว่ายังมีความเชื่อแบบนี้อยู่ ผมก็บอกนะ เดี๋ยวพ่อจะไปหาชุดไซส์ใหญ่มาจะมาเล่นด้วย เขาก็ไม่เอา เขาบอกเขาอยากเป็นคนเดียวอยากให้พ่อเป็นผู้ร้ายไปต่อสู้กับเขา ส่วนคนเล็กยังเล็กอยู่ครับ ตอนนี้คิดว่าสองคนน่าจะพอแล้ว"

เรื่องที่โพสต์ในทวิตเตอร์ หลังเกือบโดนมอเตอร์ไซค์ชนบนทางเท้า ก็จบไปไม่ได้มีอะไรต่อ แค่อยากให้คำนึงถึงความปลอดภัยของคนใช้รถใช้ถนน และรักษากฎพื้นฐานของการอยู่ร่วมกัน
"ก็จบแค่นั้นแหละครับ ไม่มีอะไรครับ เรื่องนั้นมันจะเป็นชีวิตประจำวันที่ทุกคนอาจจะได้เจอ จะมองว่ามันเป็นเรื่องปกติไปแล้วหรือเปล่า แต่มันเป็นเรื่องของความปลอดภัยของคนใช้รถใช้ถนน เอาจริงๆ ถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในต่างประเทศ นั่นเป็นความผิดที่ยิ่งใหญ่มาก ไม่มีใครทำ ผมอยากให้ทุกคนนั้นปรับ แล้วก็หามาตรฐาน เรื่องพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันในสังคม แล้วก็การรักษากฎร่วมกัน"

"ซึ่งถ้าปล่อยปละละเลย มันก็จะทำให้ยากต่อการที่จะไปพัฒนาคน เพราะฉะนั้นถ้าเราอยากจะทำอะไรที่มันยิ่งใหญ่กว่านี้หรือเราอยากที่จะไปดาวอังคาร เราไม่มีทางทำได้เพราะว่าแค่นี้เราก็ยังทำไม่ได้ อันนี้คือพื้นฐานข้อแรกเลยด้วยซ้ำ ที่ต้องแก้ไขให้ได้ก่อน ก่อนที่จะไปดาวอังคาร"

ไม่รู้ถ้าอยากจะจริงจังกับเรื่องกฎหมายในส่วนนี้ต้องทำยังไงดี ขำๆ เลือกตั้งสมัยหน้าเลือกผมนะครับ
"ผมจะทำยังไงดีครับ(หัวเราะ) ยังไงก็แล้วแต่ ถ้าเกิดว่าสมัยหน้า รบกวนเลือกผมนะครับ (หัวเราะ)"

"คือมันมีหลายเคสด้วยกัน มันไม่ใช่แค่เคสนี้เคสเดียวมันหลายๆ อย่าง เป็นเรื่องของการดำรงชีวิตต่างๆ คือผมเห็นเลยว่าทุกคนจะใช้ชีวิตตามปกติหรือว่าคนที่เป็นผู้พิการทางสายตา หรือทางอื่นๆ จริงๆ แล้วผู้พิการต่างๆ เหล่านี้เขาสามารถที่จะดูแลตัวเองได้ ไม่อยากเป็นภาระของสังคม แต่ว่าตอนนี้สิ่งต่างๆ ในสังคม มันไม่เอื้อประโยชน์ให้กับพวกเขา ผมว่ามันน่าคิดนะครับ และมันคือการมาพัฒนาประเทศชาติร่วมกัน"
















กำลังโหลดความคิดเห็น