“เต้ย พงศกร” เตรียมตัวไปวิ่งมาราธอนที่ญี่ปุ่นเร็วๆ นี้ ตั้งใจจะวิ่งเก็บสถิติตัวเองให้ได้ครบทุกสนามระดับโลก บอกไม่มีปัญหากับงานแสดง เพราะขอล่วงหน้าเป็นปี เผยไม่เห็นตนถ่ายปฏิทินช่อง 3 เพราะไม่เคยถ่ายสักปี ไม่เคยน้อยใจ สัญญาช่องเป็นแค่สัญญาใจ ไม่ออก ไม่ย้าย จงรักภักดีช่อง 3 ฟุ้งคบสาวนอกวงการ แต่คงไม่เปิดและไม่ปิด แค่แฟนคลับเปิดใจรับได้ ตนก็โอเคแล้ว
กลายเป็นพระเอกอีกคนที่หันมาเอาดีทางด้านการวิ่งมาราธอน สำหรับหนุ่ม “เต้ย พงศกร เมตตาริกานนท์” ซึ่งล่าสุดมาร่วมงานโครงการ Run for Lung: The Guardians of the Lung ที่โรงแรมเลอเมอริเดียน กรุงเทพฯ เจ้าตัวก็เผยว่าช่วงนี้กำลังฟิตซ้อมอย่างหนัก เพราะหวังว่าคราวนี้จะทำเวลาได้ดีกว่าเดิม
“ตอนนี้กำลังเตรียมตัวไปวิ่งมาราธอนที่ญี่ปุ่นครับ ไปโอซากา มาราธอน ไปกับพี่พุฒ (พุฒิชัย เกษตรสิน) ด้วย ระยะทาง 42.95 กก. ตอนนี้ซ้อมอยู่ เมื่อเช้าตื่นตี 2 มาซ้อมวิ่ง อยากที่จะทำเวลาให้ดีกว่าเดิมครับ ก็ตั้งเป้าเวลาไว้อยากให้ดีกว่า 3 ชั่วโมง 52 นาที มันก็มีกดดันตัวเองเหมือนกัน เพราะว่ามันเป็นสนามที่สะพานค่อนข้างเยอะ แล้วสะพานจะยากที่กิโลท้ายๆ มันก็จะทรมานร่างกายหน่อย ทำไมถึงอยากไปวิ่งสนามนี้ เพราะว่าที่สนามโอซาก้า มันเป็นสนามที่ดีมากๆ หนึ่งในสามสนามวิ่ง หนึ่งสนามโตเกียวมาราธอน ฟูจิมาราธอน โอซาก้ามาราธอน ผมอยากเก็บ 3 สนามนี้ก่อนครับ”
“ถามว่าทำไมถึงชอบวิ่งมาราธอน ก็เพราะว่าเราจะได้พัฒนาตัวเอง ทำให้มีวินัย และก็เรื่องสุขภาพร่างกาย มันทำให้เราเปลี่ยนแปลงตัวเองนะ ระหว่างวิ่งมันทำให้เรามีสมาธิ และใช้เวลาช่วงที่เราวิ่งออกกำลังกาย ได้ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตด้วยครับ อาการบาดเจ็บจากการวิ่งก็มีครับ ที่สำคัญก่อนวิ่งเราต้องวอร์มก่อน เพราะว่าเมื่อก่อนพอจะวิ่งผมไม่วอร์มเลย มันก็จะมีเจ็บเข่า เจ็บกล้ามเนื้อบ้าง พอเรามาได้รู้ว่าก่อนวิ่งมันต้องวอร์มแบบนี้นะถึงจะไม่เจ็บ แล้วมันก็ไม่เจ็บจริงๆ หลังจากวิ่งเราก็ต้องมีเวลาคลูดาวน์ร่างกายสัก 10-15 นาที ส่วนบางคนที่เขามีอาการบาดเจ็บเรื้อรัง เกิดจากเขามีอาการบาดเจ็บอยู่แล้ว เขาก็ฝืนไปวิ่งต่อโดยที่เขาไม่พัก มันทำให้เกิดอาการเรื่อรัง แล้วก็ต้องพักยาวเลยทีนี้”
“ผมอยากเก็บสถิติไปวิ่งสนามระดับโลกให้ได้ครับ ทั้งหมด 6 ที่ ก็มีที่โตเกียว, ชิคาโก, นิวยอร์ก, เบอร์ลิน, ลอนดอน และ บอสตัน ตอนนี้เหลืออีก 5 ที่ ตั้งใจว่าจะเก็บให้ได้ทั้งหมดภายใน 4-5 ปี ซึ่งตอนนี้ผมก็ส่งใบสมัครที่ต่างๆ ไปแล้ว เพราะว่าในแต่ละสนามเราต้องลุ้นเขาจับสลากว่าเราจะได้ไปหรือไม่ได้ไป ตอนนี้เราก็ลุ้นที่ชิคาโกกับเบอร์ลินไว้ เดือนนี้ก็รอลุ้นเบอร์ลิน เดือนหน้าก็รอลุ้นว่าชิคาโกจะได้ไปหรือเปล่าครับ ซึ่งแต่ละที่สภาพอากาศก็ไม่เหมือนกัน มันก็มีผลกับการวิ่งครับ เพราะว่าเราซ้อมในที่อากาศร้อน พอเราไปวิ่งที่อากาศเย็นเราจะวิ่งได้ดีขึ้นด้วยซ้ำ แต่ละสนามไม่เหมือนกันเลย สนามที่ยาก คือ นิวยอร์ก เพราะว่าคุณต้องวิ่งขึ้นสนามไปรัฐโน้นรัฐนี้ ไปทุกรัฐของนิวยอร์ก และสนามที่คิดว่าน่าจะทำเวลาได้ดีที่สุดน่าจะเป็นสนามเบอร์ลิน เพราะว่าเป็นพื้นที่เรียบ”
บอกไม่น้อยใจไม่เคยได้ถ่ายปฏิทินช่อง 3 แค่ผู้ใหญ่ป้อนงานให้ตลอดก็ดีแล้ว
“เรื่องแบ่งเวลากับงานแสดง อันนี้ต้องขออนุญาตผู้ใหญ่ทางกองไว้ล่วงหน้า แต่โชคดีที่ผู้ใหญ่เข้าใจเราด้วย เพราะว่าผมขอแค่ปีล่ะครั้ง เป็นรายการที่ผมไปวิ่ง แต่ผมก็ไม่ได้ปุ๊บปั๊บบอกนะครับ ผมบอกล่วงหน้าเป็นปีเลย ส่วนเรื่องปฏิทินช่อง 3 ที่หลายคนสงสัยว่าทำไมผมไม่ได้ถ่าย คือ ผมไม่เคยถ่ายปฏิทินช่อง 3 เลยครับ และไม่คิดจะน้อยใจด้วย จริงๆ เราก็รักช่อง 3 อยู่กับช่อง 3 ที่นี่ให้ที่ทำงานเราด้วย แล้วผมก็ไม่เคยถามเหตุผลว่าทำไมไม่เอาฉันไปถ่าย กับพี่หน่อง (อรุโณชา ภาณุพันธ์ุ) ก็ไม่เคยคุยกันเรื่องนี้ ผมคิดว่าคนที่ไปถ่ายปฏิทินเขาต้องเหนื่อยกว่าเรา ไปไกล ไปถ่ายต่างจังหวัด เราไม่ได้ไปก็ไม่ได้เหนื่อยเหมือนเขา เรามองจุดนี้มากกว่า”
“เรื่องสัญญา เป็นสัญญาใจกับทางช่อง 3 มากกว่า เพราะจริงๆ ผมเซ็นสัญญากับทางบรอดคาซท์ กับช่อง 3 คือ สัญญาใจ คือ ช่อง 3 เป็นช่องที่สร้างให้เราเกิดมา ที่ผ่านมา ก็มีช่องอื่นติดต่อมาเหมือนกัน มีเยอะเลยด้วย แต่เราก็ปฏิเสธไป เพราะเรายังจงรักภักดีกับช่อง 3 ถามว่าอยากที่จะไปร่วมงานกับช่องอื่นบ้างไหม ผมว่าอันนั้นเป็นเรื่องของอนาคต แต่ตอนนี้ขอยืนยันว่าต้องเล่นกับช่อง 3 ครับ มองว่าเรายังโตไม่พอไหม คือผมยังมีอะไรมีต้องศึกษาและต้องพัฒนาอีกเยอะ ยังไม่รุ่นโตขนาดนั้น เหมือนก้าวมาในวงการไม่กี่ปีเอง 7-8 ปี ถือว่าน้อยมากๆ สำหรับรุ่นพี่หลายๆ คน”
“ละครปีหน้าเยอะมากครับ อันนี้ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ทางช่อง 3 และขอบคุณทางผู้จัดที่เล็งเห็น และให้โอกาสผมได้เล่นละคร จริงๆ เราก็ยังแฮปปี้ที่ยังมีงานกับทางช่องอย่างต่อเนื่อง ส่วนเรื่องช่องไม่เรียกเซ็นสัญญา ผมมองว่าอาจจะเป็นเพราะผมมีสัญญากับพี่หน่องอยู่มากกว่า ผมมองว่าน่าจะเป็นจุดนั้นมากกว่า”
ไม่สนโดนคอมเมนต์โจมตีที่ตนไปคอมเมนต์ไว้อาลัยซอลลี่ อดีตสมาชิกวง f(x) ที่เสียชีวิต
“ผมว่ามันเป็นสิทธิส่วนบุคคลมากกว่า ผมแค่ไปแสดงความเสียใจแค่นั้น ผมมองว่า การบูลลี่คนๆ หนึ่ง มันทำให้เขาคิดสั้นจนเกิดข่าวดังกล่าวออกไป มันเป็นสิ่งไม่ดีเลย เนื่องจากปัจจุบันนี้คนพร้อมที่จะเชื่อโลกอินเทอร์เน็ตโดยไม่มองว่าอันไหนคือความจริง หรือไม่เป็นความจริง ผมก็เห็นใจ สงสารเขาและแสดงความเสียใจต่อเขาเหมือนกัน ฟีดแบ็กผมก็เข้าไปดูเลยนะ จริงๆ ผมก็ไม่ได้โดนเยอะ ส่วนใหญ่จะเป็นคอมเมนต์แนว มันเป็นสิทธิ์ของคุณ ดีแล้วที่คุณกล้ามาแสดงความคิดเห็น อย่าไปยอมแพ้กับคนที่มาบูลลี่ ถามว่าผมซีเรียสไหม ผมไม่ซีเรียสเลย ผมคิดว่าทุกคนมีสิทธิ์ออกเสียงถึงแม้ว่าจะทำงานในวงการ หรือนอกวงการ ทุกคนมีสิทธิ์ในการปิดกั้น คนจะมาว่าผมไม่ได้”
“ส่วนคอมเมนต์ที่บอกว่าผมไปโหนกระแส อันนี้ผมไปห้ามความคิดเขาไม่ได้จริงๆ แล้วผมไม่ได้คิดอะไร ผมแค่ไปแสดงความเสียใจด้วยความบริสุทธิ์ใจเท่านั้น ถามว่าที่ผ่านมาผมเคยโดนบูลลี่อะไรบ้าง จริงๆ แล้ว เราทำงานในวงการก็จะเจอทั้งข่าวดีและข่าวไม่ดีพร้อมกันตลอดเวลาอยู่แล้ว มันขึ้นอยู่กับว่าเราจะตั้งรับกับมันอย่างไร และจะมองปัญหาให้เป็นบทเรียนแบบไหน จะมองปัญหาให้เป็นบวกอย่างไร มันขึ้นอยู่กับความคิดของเรามากกว่า ยอมรับมันได้ไหม ที่ผ่านมาเราก็ไม่โต้ตอบและไม่ลบด้วย”
เผยตอนนี้กำลังคบหาดูใจกับสาวนอกวงการ ดีใจที่แฟนคลับเปิดใจยอมรับ
“ตอนนี้ก็มีคนคุยครับ เป็นคนนอกวงการ คุยๆ กันมาสักพักหนึ่งแล้ว ทำงานด้วยกันก็เลยเจอกัน ถามว่าจะเปิดตัวไหมผมว่าไม่ดีกว่า เราอยู่แบบนี้แหละ อยู่แบบไม่เปิดและไม่ปิด ถามว่าเขาจะน้อยใจไหมที่เรายังไม่เปิด ผมว่าเขาก็เข้าใจแหละ เวลาไปไหนมาไหนก็ไปปกติ และผมโชคดีมากๆ ที่ได้เจอแฟนคลับที่รักผมจริงๆ ได้กัลยาณมิตรที่รักตัวผมจริงๆ ไม่ได้รักแบบหวังผลอะไรบางอย่าง ตอนนี้ก็โอเค แฟนคลับเขาก็รู้นะว่าผมมีคนคุย”
“ผมคิดว่าผมก็โตแล้ว วันหนึ่งมันถึงเวลาที่มันต้องเปิดก็ต้องเปิด มันอาจจะไม่ได้ถึงกับตั้งโต๊ะแถลงข่าว ผมไม่ได้กลัวเรื่องกระแสจะตกอย่างที่บอกไป ผมได้เพื่อน ได้แฟนคลับจริงๆ ไม่ได้รักแบบเต้ยห้ามมีแฟนนะ ก็ให้เวลาทำงานของมันไปมากกว่าครับ”