ชั่วโมงนี้ถ้าเอ่ยถึงฟิลเลอร์ใต้ตาคงไม่มีใครไม่รู้จัก “หมอโบ - พญ.ปาริฉัตร ตัณชวนิชย์ แห่ง “เดอ โบ คลินิก” ( de beau clinic) ล่าสุดเผยเคล็ดลับการปรับรูปหน้าแก้ไขใต้ตาให้ปลอดภัย ภายใต้สโลแกน “สวยให้มาก แต่เสี่ยงให้น้อย #เติมใต้ตามาเดอโบ” พร้อมตั้งเป้าขึ้นแท่นอันดับหนึ่งด้านปรับรูปหน้าแก้ไขใต้ตาคล้ำลึก
“หมอโบ - พญ.ปาริฉัตร ตัณชวนิชย์ แพทย์ผู้บริหาร “เดอ โบ คลินิก” ( de beau clinic) เผยว่า “จากประสบการณ์การดูแลคนไข้ความงามมายาวนานกว่า 15 ปี โดยเริ่มต้นนั้นได้จบแพทยศาสตร์บัณฑิตจากคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาลัยมหิดล หลังจากนั้นได้ไปศึกษาต่อเฉพาะทางด้านผิวหนังที่บอสตัน ยูนิเวอร์ซิตี้ ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนกลับมาทำงานเป็นแพทย์ประจำแผนกผิวหนังและศูนย์ความงาม ที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา และสั่งสมประสบการณ์จนได้เปิดคลินิกของตนเองภายใต้ชื่อ “เดอ โบ คลินิก” ( de beau clinic)
หลังจากที่เราเปิดคลินิกมา 9ปี ถือว่าค่อนข้างประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะการดูแลปรับรูปหน้า แก้ไขใต้ตาคล้ำลึก จนกลายเป็นนามสกุลของเราไปแล้วว่า “หมอโบ ฟิลเลอร์ใต้ตา” คนไข้มากกว่า 80% ที่เข้ามามักจะมาปรึกษาเรื่องใต้ตาคล้ำ ร่องใต้ตาลึก สามารถแก้ไขได้โดยการเติมเต็มฟิลเลอร์ใต้ตา อาจเพราะเราเป็นคลินิคแรก ๆ ที่ให้บริการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเห็นผลลัพธ์ชัดเจน และมีเคสรีวิวเป็นจำนวนมาก ทำให้คนไข้เกิดความเชื่อมั่น และตัวหมอเองทำเกี่ยวกับด้านนี้มา สิบ กว่าปีแล้ว ทำให้เกิดความชำนาญ
สำหรับเทคนิคในการปรับรูปหน้าและดวงตา อย่างแรกคือ การดูโครงสร้างใบหน้าของคนไข้ว่ามีปัญหาตรงไหน คนไข้ดูหน้าเหนื่อยมั๊ย ดวงตาดูเศร้า โกรธ หน้าดูบึ้งตึง หรืออารมณ์ใบหน้าเป็นอย่างไร หมอจะประเมินและแก้ในจุดที่เป็นปัญหามากที่สุดก่อน ยกตัวอย่างเช่นถ้าหน้าตาดูเหนื่อย อิดโรยอาจเป็นเพราะใต้ตาลึก คล้ำ เราจะเติมเต็มที่ใต้ตา ซึ่งจะทำให้ดูดวงตาสดใส อารมณ์ใบหน้าจะเปลี่ยนไปทันที ทำให้ดูเด็กลง บางคนใบหน้าดูบึ้งก็ต้องดูสาเหตุว่าเพราะอะไร มีร่องมุมปากตก คางหดเกร็งหรือไม่ การแก้ไขตรงร่องมุมปากจะช่วยให้ใบหน้าคนไข้ดูใจดี อารมณ์ดีและดูเด็กลง นอกจากนี้ การปรับรูปคางยังช่วยปรับรูปหน้าให้ดูเรียวขึ้น หน้าหวานขึ้นได้อีกด้วย
“หมอโบ พญ.ปาริฉัตร ตัณชวณิชย์ กล่าวต่อไปว่า “การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นเป็นบริเวณที่ละเอียดอ่อน มีความเสี่ยงเยอะ ต้องใช้ความระมัดระวังสูง การที่จะฉีดให้ปลอดภัยว่ายากแล้ว การฉีดให้สวยงามยิ่งยากมาก เพราะถ้าขาดไปนิดนึงใต้ตาไม่เต็มจะไม่สวย ถ้าฉีดมากเกินไปหรือวางฟิลเลอร์ผิดชั้นใต้ตาก็จะเป็นก้อน การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีคนไข้ต้องสวยทั้งในขณะที่หน้านิ่งและเวลาที่ยิ้มต้องดูเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อนเป็นลำ ในการรักษาจึงต้องให้เวลากับคนไข้พอสมควร อย่างตัวหมอเองจะรับเคสแค่วันละไม่เกิน 5-6 ราย เพราะแต่ละเคสใช้เวลาฉีดค่อนข้างนานประมาณ 1 – 1.5 ชม. ต้องใช้ความละเอียดและประณีตสูง ไม่อยากฉีดรีบๆแล้วเกิดความผิดพลาด นอกจากความสวยงามแล้วสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรกคือความปลอดภัย
ปัญหาจากใต้ตาคล้ำ นอกจากจะเกิดจากร่องใต้ตาลึกแล้ว ยังอาจเกิดจาก ภูมิแพ้ เช่น ขยี้ตาบ่อยๆ ทำให้เกิดรอยดำบริเวณใต้ตา ในกรณีนี้ การเติมฟิลเลอร์จะไม่ช่วยแก้ไขร้อยเปอร์เซ็นต์ จะต้องรักษาเม็ดสีบนผิวหนังของคนไข้ด้วย โดยการทาไวท์เทนนิ่ง เซรั่มทารอบดวงตา หรือทำเลเซอร์รักษารอยดำซึ่งจะทำคู่กับการเติมฟิลเลอร์ จึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
นอกจากนี้หมอโบ ยังเผยเคล็ดลับการการดูแลตัวเองทั้งก่อนหลังทำการรักษาด้วยฟิลเลอร์ พร้อมเตือนภัยฉีดไม่ดีอาจมีผลถึงตาบอดได้ โดยหมอโบ กล่าวต่อไปว่า “การเติมฟิลเลอร์ เป็นหัตถการที่ค่อนข้างเสี่ยง เพราะในใบหน้าของเราจะมีเส้นเลือดเส้นประสาทที่ต่อกันเป็นร่างแห ทั่วใบหน้า หากแพทย์ผู้ทำการรักษาไม่ชำนาญ ฉีดฟิลเลอร์พลาดเข้าเส้นเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงปลายประสาทตา สามารถทำให้ตาบอดได้ โดยบริเวณที่มีความเสี่ยงสูงได้แก่ บริเวณร่องขมวดคิ้ว จมูก หน้าผาก ร่องแก้มและขมับ ดังนั้นก่อนฉีดฟิลเลอร์เราจึงควรศึกษาให้ดี ดูหลายอย่างประกอบกัน
1.เลือกผลิตภัณฑ์ ฟิลเลอร์ต้องเป็นของแท้ ประเภท HA (Hyaluronic acid) ผ่าน อย. เพราะถ้าเกิดปัญหาขึ้น เช่นฉีดแล้วไม่สวยเป็นก้อน เป็นลำ ฉีดผิดชั้นหรือฉีดเข้าเส้นเลือด จะมีเอนไซม์ที่สลายHA ให้ออกได้ แก้ไขได้ แต่ถ้าเราใช้ฟิลเลอร์ปลอม ราคาถูก ไม่มี อย. พวกนี้จะเป็นสารเติมเต็มประเภทถาวรซิลิโคนเหลว สารประเภท Polyacrylamide ไม่สลาย ฉีดแล้วเป็นก้อนห้อยย้อย เอาออกไม่ได้ ต้องไปผ่าหรือขูดออก เหมือนอย่างหลาย ๆ คนที่เห็นในสื่อ
2. เลือกแพทย์ที่ทำการรักษา ต้องมีความรู้ความชำนาญ ไม่ควรเลือกที่ราคาเป็นหลัก แพทย์ยิ่งมีความชำนาญ มีความรู้ทางกายวิภาคเป็นอย่างดี ความเสี่ยงในการเกิดอันตรายก็จะน้อยลง 3. เลือกฉีดกับสถานพยาบาลที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข
3.สถานพยาบาลที่ดีต้องมีมาตรฐาน ยกตัวอย่างเช่นความสว่างต้องเพียงพอ ความสะอาดต้องมากเพื่อป้องกันการติดเชื้อ เครื่องมือต้องทำความสะอาดฆ่าเชื้ออย่างดี มีอุปกรณ์การแพทย์ที่พร้อมจะช่วยเหลือเมื่อเกิดปัญหา หรือเกิดภาวะแทรกซ้อน
โดยในการเตรียมตัวก่อนมาทำนั้น ควรงดรับประทานยาละลายลิ่มเลือด หรือ อาหารเสริม เช่น วิตามินอี แปะก๊วย ฟิชออยล์ 3-5 วัน เพราะอาจทำให้เกิดการช้ำได้ง่ายกว่าปกติ แต่ปัจจุบันการฉีดฟิลเลอร์มักจะไม่ค่อยช้ำเนื่องจากเราเปลี่ยนมาใช้เข็มปลายทู่ในการฉีดมากขึ้น สำหรับการดูแลหลังจากทำไปแล้ว ควรงดแต่งหน้า 24 ชั่วโมง งดรับประทานอาหารประเภทสุก ๆ ดิบ ๆ อาหารหมักดอง และแอลกอฮอล์เพราะอาจทำให้เกิดอาการบวมได้
สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา สามารถอยู่ได้นาน 1-2ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาของแต่ละคน และสภาพผิว โดยหลีกเลี่ยงการโดนความร้อนจัด เช่น การเซาว์น่าหรือโยคะร้อนบ่อย ๆ จะมีผลทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็ว หรือการนอนดึกมาก ๆ ดื่มน้ำน้อย ๆ เพราะฟิลเลอร์จะมีคุณสมบัติการดูดซับน้ำ ถ้าเราดื่นน้ำมากก็จะพองตัวเหมือนอุ้มน้ำตลอดและทำให้อยู่ทนขึ้น” หมอโบ กล่าวปิดท้าย
สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ FB : เดอโบ คลินิก ฟิลเลอร์ ใต้ตา
โบท็อกซ์ ปรับรูปหน้า หมอโบ
IG : debeauclinic
Line : @debeauclinic
โทร : 02-010-4015, 097-426-6956