“ดีเจพี่อ้อย” แนะ “มิ้ง ศวภัทร” รักไม่ผิด แต่อย่าทำผิดเพราะเรื่องความรัก คิดอะไรไม่ออกให้บอกความจริง ความถูกต้องทำร้ายตัวเองน้อยที่สุด แนะให้นิ่ง อย่าพูดอะไรที่สร้างปัญหา พ่อแม่ควรยกเป็นตำราเล่มใหญ่สอนลูก ลั่นทุกคนมีเรื่องโกหก แต่การปกปิดมันเหนื่อย
“ดีเจพี่อ้อย นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล” กูรูเรื่องความรัก ได้แสดงความคิดเห็นกรณีเรื่องรักระหว่าง “มิ้ง ศวภัทร” และ “กัปตัน ชลธร” ระหว่างมาร่วมงาน Scotch forever young presents 90's flashback ณ ห้อง Grand Ballroom โรงแรม Radisson blu plaza Bangkok โดยยอมรับว่ารักกันไม่ผิด แต่อย่าทำผิดเพราะเรื่องความรัก คิดอะไรไม่ออกให้บอกความจริงดีกว่า เพราะความถูกต้องทำร้ายตัวเองน้อยกว่า แนะให้นิ้งอย่าพูดอะไรที่สร้างปัญหา และเรื่องนี้ถือว่าเป็นตำราเล่มใหญ่ ที่พ่อแม่ควรนำไปสอนลูก
“คิดว่ามันเป็นกระแสสังคมตั้งแต่ตอนแถลงข่าวอยู่แล้ว แต่ในมุมของเราที่ฟังคลับฟรายเดย์มาเยอะ มันมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ พอวันนี้เกิดขึ้นกับคนที่เป็นที่รู้จักสิ่งที่มันช่วยกันโหมก็คือโซเชียล มันเลยเป็นประเด็นที่จากตอนแรกๆ จะเป็นเรื่องเล็กมันก็เลยกลายเป็นเรื่องที่ใหญ่ ถามว่าจะไปแสดงความคิดเห็นอะไร ตอนนี้สังคมก็คงจะแสดงความคิดเห็นและตัดสินกันเรียบร้อยแล้ว มันก็เป็นบทเรียนสอนชีวิตได้อย่างหนึ่งเหมือนกันโดยเฉพาะบ้านใดก็ตามที่มีทั้งลูกสาวและลูกชายที่อยู่ในวัยนี้ เราคงได้เห็นแล้วว่าวันนี้สังคมมีตำราเล่มใหญ่เยอะมาก”
“คุณพ่อคุณแม่ควรจะฉกฉวยใช้โอกาสนี้สอนลูกๆ ทันทีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร แน่นอนการที่มีอะไรก่อนวัยอันควรแต่ก่อนเรามักจะมีคำพูดแบบว่าทำไมเป็นความเชื่อโบราณจังเลย แต่วันนี้ความเชื่อโบราณเหล่านั้นทำให้เราเห็นว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นบ้างในวันนี้ และอีกอันหนึ่งการอยู่กับโซเชียลเยอะๆ ต้องสติเยอะๆ มันไม่สามารถเป็นการล้อเล่นได้อีกแล้ว บางคนอาจจะบอกว่าก็แค่นิดเดียวเอง แต่วันนี้โซเชียลและชาวเน็ตมีอุปกรณ์การสื่อสารอยู่กับตัว และอุปกรณ์การสืบค้นอย่างค่อนข้างลึกล้ำมาก บางทีลึกล้ำเกินกว่าเจ้าตัวเองจะรู้ด้วยซ้ำว่าทำไมรู้ไปหมดเลย”
บอกใครอยู่ในวัยนี้ต้องใช้สติ มีความรักไม่ผิด แต่อย่าทำผิดเพราะความรัก
“ในฐานะที่เป็นคนบริโภคข่าวสารก็ใช้วิจารณญาณเยอะๆ หรือใครก็ตามที่ยังอยู่ในวัยนี้ต้องใช้สติมากกว่าหลายๆ เท่า มีความรักไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่าทำผิดเพราะมันเป็นเรื่องของความรัก แล้วมาบอกว่าที่เราผิดเพราะว่าก็รัก วันนี้เราเห็นภาพของการไม่รักตัวเองเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งแล้ว การที่เราทำอะไรด้วยความผลีผลาม หุนหันพลันแล่น ไม่ค่อยรักตัวเองเท่าไหร่และคิดอะไรน้อยไปนิดนึง นี่คือผลเสียที่เกิดขึ้นตามมา”
บอกถ้าเป็นคนทั่วไปโทรศัพท์มาปรึกษาผ่านรายการ จะแนะนำให้คุยกับตัวเองให้จบ ปกปิดเรื่องโกหกมันเหนื่อย
“จะบอกเขาเลยว่ามันเป็นปัญหาที่ต้องคุยกับตัวเองให้จบก่อน พอเราไม่คุยกับตัวเองให้จบว่าเราตกลงกับเรื่องนี้ยังไง แล้วเราเริ่มไปคุยกับคนอื่น และเอาเรื่องส่วนเรามาเป็นเรื่องส่วนรวม คราวนี้ปัญหาที่เราคิดว่ามันจะเล็กมันจะใหญ่ขึ้น เรามีความเชื่ออย่างหนึ่งว่าอะไรก็ตามคิดอะไรไม่ออกให้บอกความจริง ไม่รู้จะทำอะไร ทำอะไรไม่ถูก ให้ทำในสิ่งที่ถูกต้องก่อน ความถูกต้องอย่างน้อยมันจะทำร้ายเราน้อยกว่า ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่เราเริ่มมีความไม่จริงเกิดขึ้น เราจะเหนื่อยกับการพูดไม่จริงไปอีกร้อยกว่าครั้ง เพราะว่าเพื่อปกปิดความไม่จริงอันแรกแล้วมันจะเหนื่อยมาก”
“ตัวเราเองก็ยังไม่อยากตัดสินว่าเหตุผลของน้องคืออะไร เพราะเรายังเชื่อและเคารพอย่างหนึ่งว่าทุกคนมีเหตุผลส่วนตัว คนทุกคนมีวิธีการเลือก ณ ช่วงเวลานั้นๆ เพียงแต่วิธีการเลือกนั้นต้องไม่ทำร้ายใคร นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดชีวิตของมนุษย์ ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่เรารู้สึกว่าเรามีเหตุผลส่วนตัวแต่เหตุผลอันนั้นทำร้ายคนนั้นคนนี้ วันหนึ่งมันจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง”
เชื่อไม่มีใครทำร้ายชีวิตใครได้ แนะทางออกต้องนิ่ง คนเจ็บปวดที่สุดคือพ่อแม่
“คิดว่าไม่มีใครสามารถทำร้ายชีวิตใครได้นะ เรายอมรับจุดนี้ก่อน ถ้าบังเอิญว่าเขาไม่มีภาวะเสี่ยงจะไม่มีใครสามารถปั้นเรื่องมาจ้วงเราได้ อย่างที่หลายคนเห็นในโซเชียลเรื่องที่จริงที่สุดคือน้องก็เคยคบหากันจริงๆ นั่นแหละอันนั้นคือเรื่องที่จริงที่สุด เพราะฉะนั้นเรายังไม่เชื่อว่าใครจะสามารถทำร้ายชีวิตใครได้ เราเชื่อว่าปากของใครก็ทำให้เราเป็นอย่างที่เราไม่ได้เป็นไม่ได้”
“ถ้าถามว่าวันนี้จะหาทางออกในเรื่องนี้อย่างไร คิดว่าในที่สุดน้องคงต้องนิ่งในส่วนหนึ่งด้วยวัยของน้องเองด้วย เมื่อไหร่ก็ตามที่มีพายุพัดซ้ายพัดขวาอยู่แล้วพอเราไม่นิ่งพอ ยิ่งออกมาพูดกับคนเยอะๆ จะยิ่งสร้างปัญหามัดตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆแล้วเรื่องมันจะไม่จบ ในวันนี้น้องยังเป็นเยาวชน น้องยังต้องมีอนาคตที่ยาวไกลกว่านี้ น้องมีพ่อแม่ มีหัวใจของพ่อแม่ซึ่งน้องต้องแบกไว้ ไม่แน่คนที่เจ็บปวดที่สุดก็คือคนที่รักน้องที่สุด เรารู้สึกว่าก็นิ่งเถอะ แล้วให้เวลามันเดินทางของมันต่อไป เราไม่ได้บอกว่าเวลาทำให้คนลืม แต่เวลาทำให้น้องมีสติมากขึ้นว่าในที่สุดแล้วน้องจะรับมือกับเรื่องนี้ยังไง เพราะวันนี้เราผูกมันจนแน่นจนมันไม่สามารถเคลียร์ได้ในวันเดียวแล้ว”
“ทุกคนมีเรื่องโกหกวันละเรื่องอย่างต่ำ เช่นบางคนถามว่าเป็นไรหรือเปล่า เราบอกไม่เป็นไร แต่ที่จริงมันอาจจะไม่โอเคก็ได้ แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่เรื่องโกหกนั้นไม่ทำร้ายใคร เราว่ามันก็จบที่เรา เริ่มที่เราจบที่เรา เราจะรู้ว่าหลอกคนอื่นได้แต่หลอกตัวเองไม่ได้ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเริ่มพูดในสิ่งที่มันเริ่มไปกันใหญ่ เริ่มไม่จริง เริ่มไปกระทบคนอื่น ทำร้ายคนนั้นคนนี้ แล้ววันหนึ่งมันจะเห็นผลของสิ่งนั้นทันที”
แจงกรณีที่สื่อมวลชนถูกวิจารณ์ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลโทรศัพท์ไปสอบถาม ลั่นทุกคนมีสิทธิ์ปกป้องตัวอง
“จริงๆ เคยพูดแทนสื่อหลายๆ คนเสมอเพราะว่าเราจะแอบคิดแทนเวลามีข่าวอะไรเกี่ยวกับน้องๆ สื่อมวลชน ทุกคนต้องการข่าว แต่บางทีการละเมิดไม่ละเมิด เขาก็มีสิทธิ์ในการปกป้องเขาเช่นกัน เช่น น้องเอาไมค์มาจ่อแล้วเราบอกว่าขออนุญาตไม่ให้สัมภาษณ์นะคะ ทุกคนก็สามารถปกป้องในสิทธิ์ของตัวเองได้เช่นกัน”
“แต่คราวนี้อย่างที่บอกทุกคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง ถ้าบางครั้งหน้าที่มันอาจจะไปกระทบกันบ้าง การปกป้องสิทธิ์ก็ต้องเป็นสิทธิ์ของน้อง เช่น น้องไม่อยากคุย น้องไม่พร้อมให้สัมภาษณ์ในตอนนี้ น้องก็สามารถปฏิเสธได้ เพราะในวันนี้ต่อให้น้องไม่ให้ข่าว ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวมันกำลังตามไปสืบไปค้น ตอนนี้ทุกอย่างมันกำลังร้อน แล้วยิ่งออกมาพูด ใส่เชื้อไฟลงไปเรื่อยๆ มันตีฟู”
“ถามว่าย้อนกลับไปเรื่องนี้คืออะไร เป็นเรื่องความสัมพันธ์ของคนสองคน คนหนึ่งจะจบ คนหนึ่งไม่ยอมจบ แล้วมันก็เริ่มไปเรื่อยๆ มีสิ่งนั้นสิ่งนี้มากดดันกัน เมื่อไหร่ก็ตามที่เรื่องส่วนตัวกลายเป็นเรื่องส่วนรวม แล้วเรารับมือไม่ไหว มันจะใหญ่เกินจริงไปมาก คุณพ่อคุณแม่เอาเรื่องนี้สอนลูกที่บ้านว่าอะไรเกิดขึ้นบ้าง มีความรักได้ไม่ผิดเลย แต่ถ้ามีความรักแล้วรีบร้อน ร้อนรน ใช้เวลากับความสัมพันธ์น้อยไป ใช้เวลาในการคิดไตร่ตรองน้อยไป นี่คือผลเสียที่เกิดขึ้น เราไม่ต้องลงไปเจ็บเอง มีภาพให้เราได้เห็นแล้ว สังคมได้เห็นว่าทำแบบนี้มันโอเคหรือไม่โอเคยังไง เราเห็นพิษภัย เห็นผลของมันแล้วจริงๆ”
(ติดตามทุกข่าวสารในแวดวงบันเทิงทั้งหมดได้ที่ https://mgronline.com/entertainment)