“แพท” ไม่ชินปาก ขออนุญาตเรียกพ่อว่าพี่ บอกพ่อตัวจริงดูเด็กจนถูกมองว่าจ้างมา ก่อนเผยดรามาชีวิตสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ รอ “เบนซ์” ออกจากคุกมาเคลียร์สถานะครอบครัว วอนอย่าคิดว่าทิ้ง แบกภาระหนักตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา
เป็นคนที่ชีวิตมีแต่เรื่องดรามาจริงๆ สำหรับนักแสดงสาว “แพท ณปภา ตันตระกูล” ที่ล่าสุดออกมาเปิดเผยตัวตนของพ่อที่แท้จริงว่าคือคนที่ตนเรียกว่าพี่ชายมาตลอดทั้งชีวิต ในขณะที่แม่ป่วยอัลไซเมอร์ก็ไม่ใช่แม่แท้ๆ ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสเจอสาวแพทในงานซีไลฟ์ แบงคอก เปิดตัวโซนใหม่ “มหัศจรรย์ ลูกหมีขาว ผจญภัยขั้วโลกเหนือ” ชั้น บี 1-2 ศูนย์การค้าสยามพารากอน เจ้าตัวเลยมาเปิดใจอีกครั้งว่าตนไม่ได้ต้องการกระแสสงสารจากสังคม เพียงแต่อยากออกมาเปิดเผยความจริงเพื่อไม่ให้สับสนกัน รวมถึงทำเพื่อลูกชายสุดที่รัก “น้องเรซซิ่ง” ในอนาคตด้วย
“แพทไม่ได้คาดหวังฟีดแบ็กจากคนภายนอกเลยว่าเขาจะต้องมาสงสารหรืออวยพร อวยชัยอะไร ที่แพททำ แพททำให้ลูกและให้กับคุณพ่อแท้ๆ ก่อนหน้านี้เราก็คิดมาตลอดตั้งแต่คุณแม่ป่วยแล้ว และมาชัดเจนที่สุดเลยคือพอมีลูก แล้วเราต้องสอนลูก มันก็กลายเป็นคำถามกับตัวเราว่าเราจะสอนยังไง สอนเหมือนที่เราโดนสอนมาหรือสอนเรื่องจริง เราคิดแล้วว่าก็ต้องสอนแบบเรื่องจริงสิ คนนี้คือใคร แล้วคนที่นอนอยู่คือใคร แม่เกิดมายังไง ถูกเลี้ยงดูมายังไง”
“มันเลยกลายเป็นคำถาม ตอนที่ลงคลิปคนก็ถามว่าทำไมแพทให้เรซเรียกคุณยายว่าทวด เราก็ไม่ได้ตอบคำถามนั้น ถ้าวันนี้เราเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งก็คงไม่มีคนอยากรู้ แต่ตอนนี้แค่เราลงคลิปแล้วลูกเรียกเราว่าทวดคนก็สงสัยแล้ว แล้วสอนเรซซิ่งให้เรียกพ่อว่าคุณตา คนก็สงสัยว่าทำไมเพราะคุณตาตายไปแล้ว ทำไมถึงมีตาอีก”
“เราเลยคิดว่าเปิดเผยดีกว่า รวมถึงคุณพ่อก็กลับมาอยู่กับแพทประมาณ 7-8 เดือนแล้ว แพทก็อยากทำอะไรให้เขาสักอย่างหนึ่ง เขาก็โอเคที่แพทเรียกพี่ แต่ลึกๆ แล้วเขาคงอยากได้สถานะของเขากลับ เราก็เริ่มจากการที่ให้เรซเรียกคุณตา เขาก็แฮปปี้แล้วในระดับหนึ่ง เหลือแค่เราคนเดียวเลย เราก็ยังคิดอยู่ เรารู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นพ่อ แต่พอคนอื่นมาเจอเราหรือเจอพี่เชษฐ์ เราก็แนะนำว่าเออ...นี่พี่เรา แต่ตัวเขาอยากให้เราแนะนำว่านี่คือพ่อเรา เราก็ 2 เด้งเลยทำให้ลูกด้วย ทำให้คุณพ่อเราด้วย”
บอกยังไม่พร้อมที่จะเรียกว่า “พ่อ” แต่สบายใจมากขึ้นที่ได้เปิดเผยความจริง
“พร้อมมั้ยที่จะเรียกพ่อเหรอ ยังค่ะ เราคุยกันแล้ว ก็บอกว่าพี่เชษฐ์ แพทไม่ได้จริงๆ คือ 32 ปี ก่อนหน้านี้เราก็เข้าใจมาตลอด 20 ปี ประจวบกับเราพอรู้เรื่องเขาก็ไม่ได้อยู่กับเรา พอไม่ได้อยู่ด้วยกันความใกล้ชิดมันก็ไม่ได้แน่นมาก เราก็ยังเรียกพี่มาตลอด จนตอนนี้เรา 32 แล้วจะให้เปลี่ยนมันก็จะเป็นกึ๊กกั๊ก เราก็เลยตัดปัญหาว่าในความรู้สึกคือพ่อนะ แต่เราขออนุญาตเรียกพี่ เราก็บอกเขาว่าจะได้ดูเด็ก ซึ่งเขาก็ดูเด็กมากจนบางคนถามว่าดิฉันไปจ้างใครมาเป็นพ่อ ด้วยความที่เขาอายุ 58 ปี แต่เขาตัวเล็กหน้าเด็ก แล้วอีกอย่างหน้าไม่ค่อยจะเหมือนแพทเท่าไหร่ด้วย แพทดันไปเหมือนคุณปู่ คนก็จะสงสัยว่าใช่หรือเปล่า ก็อยากจะบอกว่าใช่ค่ะคนนี้พ่อแพท”
“ได้บอกแล้วสบายใจมาก (ลากเสียงยาว) อย่างแรกเลยเวลาแขกไปใครมาหรือพี่ๆ นักข่าวมาเจอ เราก็สามารถบอกได้ว่านี่พ่อแพทเอง จะได้ไม่ต้องมางึกๆ งักๆ ว่าอะไรยังไง คือตอนนี้เราสบายใจ เรซซิ่งก็ไม่ต้องมานั่งปวดหัวว่าอะไรยังไง แพทก็มองว่านี่แหละดีที่สุด ถามว่าตัดสินใจนานมั้ย แพทอยากที่จะเปิดไปเลย จริงๆ มันเริ่มจากก็อต (จิรายุ ตันตระกูล) ไปออกรายการตี 10 ก็อตเขาถูกป้อนข้อมูลอย่างถูกต้องตั้งแต่แรก”
“ทางฝั่งคุณปู่เขาปลูกฝังกันมาว่าเราคือใคร แต่บังเอิญก็อตไม่รู้ว่ากระแสตอบกลับมามันคืออะไร รายการเขาให้เขียนแผนผังครอบครัว มันคนละโซนกับเรื่องของเรา เขาเล่าว่าพ่อของเขาเป็นน้องของปู่เรา แต่จริงๆ เราบอกกับทุกคนว่าพ่อของก็อตคือน้องของพ่อเรา มันไปกันคนละเรื่อง ซึ่งมันคนละเรื่อง แล้วมันใช่เหรอให้เราเดินไปบอกก็อตว่าพูดอย่างนี้ได้มั้ย มันไม่ใช่แล้ว แพทเลยบอกว่าก็อตพูดไปเลย เดี๋ยวถึงเวลาแพทพูดของแพทเอง ตามศักดิ์ ก็อตต้องเป็นอาของแพท แต่แพทแก่กว่า ก็อตเลยตัดปัญหาเรียกแพทว่าพี่”
บอกที่เลือกจะปิดบังไว้ก่อนเพราะแม่ขอเอาไว้ กลัวว่าถ้าเปิดเผยแล้วตนจะทิ้งแล้วหนีไป
“คือตอนที่เรารู้ก็อายุประมาณ 20 แล้วคุณแม่เขากลัวมาก พอทุกคนมารับรู้ แล้วคนพูดถึงเยอะ เขากลัวว่าเราจะไม่รักเขา กลัวว่าสิ่งที่เขาทุ่มเทให้เด็กคนอื่นมา 20 ปีมันจะสูญหายไป เพราะแค่เขาไม่ใช่แม่ เขาเลยบอกว่าเรารู้กันแค่นี้ได้มั้ย ไม่ต้องบอกใครได้มั้ย เราก็โอเค เราเข้าใจ แม่ไม่ต้องกลัว แม่เลี้ยงแพทดีขนาดนี้ ไม่มีทางว่าเรื่องแค่นี้จะทำให้แพทหมดรักแม่ได้ แต่เข้าใจนะว่าเด็กบางคนพอมารู้เรื่องก็ไม่เอาแล้ว หนีออกจากบ้าน ไม่รักแล้ว ไม่ใช่พ่อแม่ แพทบอกเลยว่ามันไม่เกิดขึ้นกับแพทแน่นอน เพราะตลอดเวลา 20 ปี เราไม่เคยขาดความรัก เลยไม่โหยหาความจริงอะไรทั้งนั้น หลังจากที่ทราบความจริงก็สัญญากับแม่ว่าจะไม่บอกใคร แต่ในใจลึกๆ คิดว่าเดี๋ยวมันก็ถึงเวลามันต้องเปิดเผย จะปิดแบบนี้ไม่ได้ เพียงแต่ตอนนี้เราทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่เลี้ยงเรามาสบายใจก่อนดีกว่า”
“กับคุณพ่อตั้งแต่กลับมาอยู่ด้วยกันเราก็กำลังปรับตัวค่ะ ทุกคนคงถามว่าต้องปรับตัวเลยเหรอ จริงค่ะ แพทดูแลตัวเองมานานมาก เริ่มตั้งแต่แม่ป่วย ตอนนั้นแพทอายุ 21 แม่เริ่มมีอาการป่วย แพทก็ร่วมดูแลตัวเองโดยที่ไม่มีเขาอยู่ข้างๆ เราก็กลายเป็นผู้หญิงที่แกร่ง แล้วแม่ก็สอนให้เราพึ่งตัวเอง เราโทร.หาเขาน้อยมาก เพราะจิตใต้สำนึกเราคิดว่าเขาเป็นพี่ เพราะเราเรียกเขาพี่มาตลอด สิ่งที่เราให้เขามาตลอด 20 ปีคือพี่ชาย ณ ตอนนี้ถึงจะรู้มาแล้ว 10 ปี ก็แล้วแต่มันไม่ง่ายสำหรับแพทในการปรับตัว แพทอยู่คนเดียวแบบนี้ ดูแลตัวเองแบบนี้มานานมาก เป็นเสาหลัก”
“เราเข้าใจว่าเขาทำงาน แล้วเขากลับมาปีละครั้ง สองปีครั้ง แล้วตอนแรกก็กลับมาในฐานะพี่ชาย ตอนหลังกลับมาในฐานะพ่อ แต่ว่ากลับมาปุ๊บก็อยู่เดือนหนึ่ง 2 เดือนไปแล้ว แล้วอีกอย่างหนึ่งพี่ชายแพทเขามีครอบครัวใหม่ด้วย แต่ว่าตอนนี้ไม่แน่ใจอาจจะเลิกกันไปแล้ว แต่เขามีครอบครัวใหม่อยู่ที่โน่น ณ ตอนนั้น แล้วก็มีน้องลูกครึ่งรัสเชีย ซึ่งเป็นสาว 15 แล้ว นั่นคือระยะที่แพทกับพ่อมีระยะห่างกัน แล้วพอเขากลับมาอยู่ทางนี้ก็ต้องให้เวลาตัวเราที่จะมีอีก 1 คนที่ต้องดูแลเพิ่มขึ้นมา”
“คนที่มาฟ้องตอนนั้นก็คือเป็นคุณปู่ของแพทค่ะ คือในใบเกิดแพท ปู่กับย่าเซ็นรับมาตั้งแต่แรกแล้ว คือเขายกให้ตั้งแต่คลอดเลย น่าจะเลี้ยงแพทอยู่ประมาณ 1-2 อาทิตย์ แล้วคุณย่าเขาเห็นก็เหมือนกับเอ็นดู แล้วผู้ชายจะเลี้ยงเด็กอ่อนยังไง ก็เลยตัดปัญหาว่ายกให้ฉันเลย แล้วคุณก็อยู่ในฐานะของพี่ชายไป ไม่น้อยใจเลยค่ะ ทำไมถึงไม่มีไม่รู้ ไม่มีน้อยใจแม่แอ๋ว (แม่ตัวจริง) ไม่มีน้อยใจพ่อเชษฐ์ ลึกๆ เราขอบคุณด้วยนะที่เลือกให้มันเป็นแบบนี้ เพราะว่าเราก็ไม่รู้ว่าถ้าเราถูกเลี้ยงมาจากคุณพ่อคุณแม่จริงๆ วันนี้เราจะได้อยู่ตรงนี้หรือเปล่า เพราะคุณย่าชอบตรงนี้ แล้วแกก็สนับสนุนทุกอย่าง เรียนทุกอย่าง พาไปทุกที่ที่อยากไป ไม่งั้นแพทก็ไม่รู้ว่าจะได้เป็น แพท ณปภา วันนี้หรือเปล่า”
บอกไม่รู้ว่าตัวเองอยากเจอแม่มั้ย ยังไม่รู้ความรู้สึกตัวเอง แต่ถ้าแม่จะมาหาตนเองก็ไม่มีปัญหา
“คุณพ่อบอกว่าไม่ต้องตาม เขาไม่ได้อยู่ไหนไกล ถ้าอยากจะเจอให้บอกเขา เหมือนคุณพ่อน่าจะยังติดต่ออยู่ แต่ว่าไม่ได้ใกล้ชิดมาก เพราะว่าทางคุณแม่เขามีครอบครัวใหม่แล้ว แต่ถามว่าอยากเจอมั้ย อันนี้เป็นคำถามที่ทุกวันนี้ยังให้คำตอบตัวเองไม่ได้เลย เพราะเราไม่เคยขาดความรัก เรามีแม่อีกคนเหรอ แล้วเราจะทำยังไงดี เจอแล้วเราจะพูดกับเขาคำแรกว่าอะไร เพราะเราไม่เคยเห็นหน้า ไม่มีรูป พ่อก็บอกว่าเดี๋ยวจะเป็นตัวกลางให้ อยากเห็นหน้า อยากเจออยากรู้ว่าแม่หน้าตาเป็นยังไง สวยเหมือนเรามั้ยหรือสวยกว่า แต่ถ้าแม่อยากมาแสดงตัวก็ได้เลย จริงๆ เขาเคยมาแล้ว แต่ว่าแพทไม่เคยอยู่เลย มา 2-3 ครั้ง พอแพทไม่อยู่เขาก็กลับไม่เคยทิ้งเบอร์หรืออะไรไว้เลย ก็มาได้เลย แม่รู้ว่าแพทอยู่ไหนเพราะแพทไม่เคยย้ายไปไหนอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด”
บอกถ้าชีวิตจะมีดรามาอีกก็คงเหลือแค่รอ “เบนซ์ เรซซิ่ง” ออกมาเคลียร์เรื่องชีวิตครอบครัวกันเท่านั้น
“ก็คงเป็นเรื่องเดียวที่เหลืออยู่ในชีวิต เรื่องใหญ่เหมือนกันว่าเราจะกลับมาได้อยู่เป็นครอบครัวมั้ย หรือแพทต้องเป็นซิงเกิลมัมแบบนี้ยาวต่อไปหรือเปล่า ก็ต้องรอดูกันยาวๆ ค่ะ วาดฝันรอมั้ยเหรอ ก็มีคุยค่ะ คุยกับพี่เบนซ์แล้วว่ามันยังตอบอะไรไม่ได้เลย แล้วตอนนี้เรื่องมันก็ไม่จบ มันก็ยังไม่สิ้นสุด ก็ลุ้นไปพร้อมๆกันกับเขา แล้วก็บอกเขาว่าถ้าวันหนึ่งทุกอย่างมันจบเลยนะ แล้วเขาได้ออกมาก็บอกเขาว่าต้องมานั่งจูนกันใหม่นะเบนซ์ ก็พูดกับเขาตรงๆ เขาก็รับได้ค่ะ ที่ต้องมานั่งจูนกันใหม่เพราะเรื่องราวที่มันผ่านกันมาระหว่างเราสองคนมันหนักมาก ทั้งที่ก่อนมีเรื่อง จนมีเรื่อง จน ณ ตอนนี้มันมีหลายอย่างที่แพทแบกรับมาหนักมาก ถึงเวลาที่ออกมาก็คงต้องมานั่งคุยกันว่าเรายังจะไปกันแบบ 3 คน หรือเราจะไปกันแบบ 1 กับ 2”
“ก็คุยกับเขาแล้วค่ะ ว่าเดี๋ยวค่อยออกมาคุยกันดีกว่า ที่ต้องบอกไปตั้งแต่ตอนนี้ คือเราก็อยากบอกตรงๆ ว่าเราเลี้ยงลูกมานะ คนเดียวปีกว่า คนเดียวจริงๆ ถึงวันหนึ่งถ้าคุณอยากเข้ามามีส่วนร่วม คุณคงต้องทำอะไรสักอย่าง เพราะตอนนี้แพทรับภาระทุกอย่างเลยของลูก ค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ค่าพี่เลี้ยงที่น้องเขามาช่วย ค่าเรียนเสริมของลูกแพทก็ดูแลเองทุกอย่าง เราก็บอกเขาตรงๆ ว่าภาระตั้งแต่ก่อนหน้านี้จนถึงตอนนี้ มันก็ทำให้แพทคิดอะไรได้หลายอย่าง เพราะฉะนั้นออกมาแล้ว ก็ต้องมานั่งจูนกันอีกทีหนึ่งว่าเราจะเอายังไงกันดี เรา 3 คน”
บอกครอบครัวฝ่ายชายก็ไม่ได้มาดูแลเรื่องค่าใช้จ่าย บอกทำใจถ้าอนาคตโดนหาว่าทิ้งสามี
“ทางคุณแม่สามียังไม่ได้ซัปพอร์ตอะไรค่ะ เราก็เลยยังต้องคุยกันก่อน เราก็คิดว่าทางคุณย่าเขาคงคิดว่าเราไหวด้วย แล้วเราก็ไม่ได้ขอความช่วยเหลือด้วย เพราะเราก็ยังไหว ยังไม่ได้หนักมาก เลยยังไม่ได้ไปขอความช่วยเหลือจากทางฝั่งพี่เบนซ์ ขอเลี้ยงเองก่อน แต่ก็ได้พาเรซซิ่งไปหาบ้างค่ะ ช่วงที่พี่เบนซ์ขึ้นศาล แต่คุณพ่อพี่เบนซ์ไม่อยู่แล้วค่ะ ก็จะได้พาไปหาคุณย่าเขาตอนขึ้นศาล แค่นั้นจริงๆ เพราะเราก็ไม่ได้มีเวลาเหลือที่จะพาลูกไปเล่นแล้วก็ไปรับกลับ แล้วแพทก็ติดลูกมาก เราก็ไม่สะดวกที่จะไปทิ้งเอาไว้แล้วพอทำงานเสร็จก็ไปรับ เพราะงานเราก็ไม่เป็นเวลาเดี๋ยว 2 ทุ่ม เดี๋ยว 3 ทุ่ม เดี๋ยว 4 ทุ่ม สู้เอาอยู่ใกล้ๆ กับเราดีกว่า”
“ถามว่าเดือนๆ หนึ่งเราต้องหาเงินเท่าไหร่ ตอนนี้มันก็จะมีของลูกเพิ่มเข้ามาที่เราจะต้องจัดการตัวเอง เดือนๆหนึ่งก็เป็นแสนค่ะ เพราะก็จะมีค่าแพมเพิส ค่ายา ค่านมต่างๆ จะไม่ให้ลูกไปเรียนเลยก็กะไรอยู่ ก็ต้องมีค่าเรียนลูกนิดหน่อย อนาคตก็ต้องมีค่าเรียนจริงๆ ที่ไม่ใช่ค่าเรียนเสริมอีก ก็นั่นแหละถึงต้องคุยกับพี่เบนซ์ ว่าถึงเวลาแล้วล่ะที่เราต้องคุยกัน เพราะตอนนี้ที่เราไม่พูดหรือไม่ขอ เพราะคิดว่าเราไหว เราก็เลยยังไม่พูด ตลอดระยะเวลา 1 ปีกว่าๆ ที่ผ่านมา”
“กลัวจะมีดรามาในอนาคตว่าเราทิ้งเขามั้ยเหรอ อย่าใช้คำว่าทิ้งเลย แพทเข้าใจนะคนอยู่ข้างใน แต่คนข้างนอกก็จะโดนหนักกว่าคนข้างในคือถ้าวันนี้เราเดินออกมา คนก็จะบอกว่าตายแล้วรอไม่ได้ ทิ้ง สงสารเบนซ์ แต่ก่อนที่จะไปคิดตรงนั้น คุณต้องคิดถึงคนข้างนอกก่อนด้วยว่าเขารับภาระอะไรอยู่ แล้วเขาจะใช้ชีวิตต่อยังไงกับสิ่งที่เขาแบกรับไว้ มันคงไม่ใช่การตัดสินใจแค่แว้บเดียวหรือคนเดียว คือแพทต้องคุยกับพี่เบนซ์ทุกอย่างอยู่แล้ว แต่การคุยคือตอนนี้เขารับรู้แค่ว่าเราสบาย เราไม่เหนื่อย เขาไม่ต้องรับผิดชอบอะไร แต่ตอนนี้เรากำลังจะบอกเขาว่ามันไม่ใช่ ต่อให้คุณอยู่ข้างใน แต่คุณสามารถดูแลเราสองคนได้นะ ไม่ได้หมายถึงว่าเราจะแข็งแรงแบบนี้ตลอดไป มันก็เป็นการบอกให้เขาเข้าใจ”
(ติดตามทุกข่าวสารในแวดวงบันเทิงทั้งหมดได้ที่ https://mgronline.com/entertainment)