หลังจากที่หลายคนคาดเดากันว่า เหตุการณ์ 13 ชีวิตทีมหมูป่าอะคาเดมี ติดอยู่ในถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน น่าจะได้รับการถ่ายทอดออกมาเป็นภาพยนตร์ไม่วันใดก็วันหนึ่งเป็นแน่ ล่าสุดมีรายงานว่า ทีมงานฮอลลีวูดของสหรัฐอเมริกา ได้ปักหลักที่บริเวณถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน เพื่อรอเก็บข้อมูลทำภาพยนตร์แล้ว
รายงานระบุว่าได้มีโปรดิวเซอร์ชาวอเมริกัน 2 คน เตรียมนำเรื่องราวการกู้ชีพที่ถ้ำหลวงฯ ไปทำเป็นภาพยนตร์ และคาดว่าอาจประสบความสำเร็จในระดับบ็อกซ์ออฟฟิศเลยทีเดียว
“ผมมองเป็นภาพยนตร์ระดับฮอลลีวูดที่มีนักแสดงระดับเอ-ลิสต์รับบทนำเลยนะ” ไมเคิล สก็อตต์ พาร์ตเนอร์ของ Pure Flix บริษัทผลิตภาพยนตร์เผยกับทางสื่อ AAP
บริษัท Pure Flix เป็นบริษัทผลิตภาพยนตร์ที่ตั้งอยู่ในรัฐอริโซนา และลอสแองเจลิส โดยระบุว่าเป็นบริษัทที่ทำงานกันแบบครอบครัว และด้วยความศรัทธา โดยภาพยนตร์ที่เคยสร้างชื่อเสียงให้บริษัท คือ เรื่อง “God’s not Dead” เมื่อปี 2014 ซึ่งทำรายได้ทั่วโลกไปทั้งหมด 70 ล้านเหรีญสหรัฐฯ จากทุนสร้างเพียง 2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ทั้งไมเคิล สก็อตต์ และ อดัม สมิธ โคโปรดิวเซอร์ ได้เริ่มทำการสัมภาษณ์ผู้คนที่อยู่บริเวณโดยรอบถ้ำหลวงบ้างแล้ว และจะตามเก็บข้อมูลจากปากคำของผู้ที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์กู้ภัยครั้งนี้ แม้ว่าภารกิจจะยังไม่เสร็จสิ้นก็ตาม
สก็อตต์ และ สมิธ ได้วางแผนที่จะเขียนเรื่องราว และสัมภาษณ์ตัวละครสำคัญจากทีมช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นทีมกู้ภัยชาวต่างชาติ, หน่วยซีลของไทย, เด็กๆ ที่ติดอยู่ในถ้ำ รวมถึงครอบครัวของเด็กๆ สมาชิกทีมหมูป่า เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องที่สุดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในภาวะที่ทุกอย่างยังไม่เรียบร้อย และยังไม่สำเร็จลุล่วง น่าจะทำให้ทีมงานสร้างหนังได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปในทางลบกับการตามเก็บข้อมูลในช่วงที่กำลังอ่อนไหวเช่นนี้ แต่ทางสมิธ ที่แต่งงาน และมีภรรยาเป็นคนไทย และใช้เวลาอยู่ที่เมืองไทยปีละ 3 เดือน ก็ได้ยืนยันว่า “ตอนนี้มีบริษัทโปรดักชันหนังทีมอื่นสนใจที่จะทำเรื่องนี้เหมือนกัน ดังนั้น เราต้องรีบทำให้เร็วที่สุด”
ส่วนการสัมภาษณ์นั้น ได้รับการยืนยันว่าจะไม่มีการกดดันใดๆ ทั้งสิ้น “ผมบอกกับพวกเขาว่า เมื่อเรื่องนี้ซาๆ ลงเมื่อไหร่ เรามานั่งคุยกัน และจะมีการสัมภาษณ์แบบเจาะลึกว่า จริงๆ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
สก็อตต์ ได้วางโครงเรื่องคร่าวๆ ว่า เรื่องราวของการกู้ภัยในถ้ำหลวงฯ จะมีตัวละครหลักอยู่ 2 คน คือ นักดำน้ำชาวอังกฤษที่เป็นผู้พบเด็กๆ เป็นคนแรก ซึ่งค่อนข้างเหมาะกับการทำงานของ Pure Flix
“เรื่องนี้ค่อนข้างเหมาะกับดีเอ็นเอของพวกเรา และก็มีเรื่องราวที่เป็นแรงบันดาลใจอย่างมากจริงๆ มันเป็นเรื่องของจิตใจ และการกระทำที่เหลือเชื่อ ของคนที่เป็นฮีโรผู้กล้าหาญ มันเป็นสิ่งที่เหลือเชื่อมากๆ และเรามองว่า มันสามารถสร้างแรงบันดาลใจที่ดีให้กับคนอีกหลายล้านคนทั่วโลกด้วย”
ในส่วนของ สมิธ ที่จัดตั้งบริษัท KAOS Entertainment ในกรุงเทพฯ ก็ได้เผยว่า “มันไม่ใช่เรื่องของการเมือง มันไม่ต้องมีระเบียบวาระใดๆ ทุกคนเท่าเทียมกันหมด และทุกคนมาเพื่อเข้าช่วยเหลือจริงๆ”
ส่วนภาพยนตร์เรื่องนี้คาดว่าน่าจะได้เริ่มโปรดักชันและการถ่ายทำจริงๆ กันในช่วงปลายปี 2019 เลยทีเดียว