“ชาคริต” คุณพ่อยุค 4G บินไปเกาหลีถ่ายทำรายการ 3 เดือน ใช้วิธีเฟสไทม์หาเมียเพื่อเช็กลูก ฟุ้งลูกพัฒนาการดี รู้ซึ่งหัวอกพ่อแม่ตายไม่ได้ เปิดใจได้บรรยากาศแฟมิลี่เดย์ที่อบอุ่นกลับมา แม้แม่ป่วยแต่มีความรักเข้ามาทดแทน
ชีวิตกำลังรุ่งเลยทีเดียว สำหรับ “ชาคริต แย้มนาม” ล่าสุดได้ทำรายการ The Team Chef ร่วมกับสถานีโทรทัศน์ JTBC ประเทศเกาหลี ออนแอร์ทางช่องวัน ซึ่งเจ้าตัวเผยในงานแถลงข่าว “ONE สนั่นจอ” เสิร์ฟโปรแกรมเด็ดสุดพรีเมี่ยม ที่ GMM STUDIO ชั้น 3 ด้านหลังอาคาร GMM Grammy Place ขอบคุณ “บอย ถกลเกียรติ วีรวรรณ” เผยว่าคนที่โดดลงเรือลำเดียวกันต้องใช้ใจร่วมกันจริงๆ
“ดีครับ เริ่มงานกันมาสักพักแล้ว ก็เริ่มติดต่อมาทางผมตั้งแต่กันยายนปีที่แล้ว คุยถึงความเป็นไปได้ พอเราเริ่มเห็นเป็นรูปธรรม ทำความรู้จักกันมากขึ้น เห็นฟอร์แมตของรายการต่างๆ ทั้งจุดประสงค์และความตั้งใจของเขาที่ต้องการจะทำ เรารู้สึกว่าอยากให้รายการนี้มาอยู่ที่ช่องวัน ก็เลยพาททีมโปรดิวเซอร์ของทางเกาหลีมาคุยกับทางพี่บอย (ถกลเกียรติ วีรวรรณ) หลังจากนั้นเราก็ติดต่อกันมาเรื่อยๆ บินไปบินมาระหว่างไทย เกาหลี ประชุมกันหลายอย่าง ผมเองก็ต้องแยกร่างเข้าประชุมด้วยหลายครั้ง”
“พอลงตัวแล้วทุกอย่าง ฉายสองช่องพร้อมๆ กัน ทั้ง JTBC และช่องวัน ในวันและเวลาเดียวกัน ทุกวันเสาร์ สี่โมงครึ่ง ของเขาเร็วกว่าเราสองชั่วโมง ของเขาก็เป็นหกโมงครึ่ง ซึ่งในเรื่องการถ่ายทำ ที่เกาหลีจะถ่ายไปออกอากาศไป เขาอยากเห็นความสดและการถ่ายทำของเขาก็ไม่มีสคริปต์ จะมีกฎกติกาการแข่งขันที่จะบอก ที่เหลือก็ไหลกันไปตามที่เห็นมันถึงเกิดความสด ผมเลยเข้าใจว่าทำไมเราดูรายการเกาหลีมันถึงเรียลกึ่งเรียลลิตี้เลย มีกล้อง 60 ตัว เขาเก็บทุกภาพทุกโมเมนต์และตัดต่อกันเร็วมาก”
“อย่างใครที่เป็นแฟนซีรีส์เกาหลีจะดูเป็นภาษาเกาหลีและอ่านซับ พอมาเป็นรายการมาออนช่องเรามันทำแบบนั้นไม่ได้ เราก็ต้องพากษ์ไทยทับและตัดต่อใหม่ให้เข้ากับสไตล์ออนแอร์ของเรา ให้คนดูเข้าใจง่ายขึ้น แต่ฟอร์แมตเรื่องดีเทลต่างๆใกล้เคียงกัน มีความร่วมมือกันที่เป็นทีมเวิร์กระหว่างช่องวันกันทีมจากเกาหลี ก็ต้องขอบคุณช่องวันและพี่บอยมากๆ มีงานรายละเอียดอีกเยอะเพราะงานค่อนข้างยากมีการจัดการเยอะมันใช้เวลาค่อนข้างเยอะ คนที่กระโดดมาลงเรือลำเดียวกันใช้ใจมาจริงๆ”
บอกต้องบินไปถ่ายทำเกาหลี 3 เดือน ใช้วิธีเฟสไทม์หาเมีย เช็กลูก
“ตอนนี้ผมทำรายการ เดอะ ทีม เชฟ ต้องบินไปถ่ายทำที่เกาหลีเดือนละ 3 ครั้ง ยาวไปจนถึงเดือน ก.ย. ซึ่งเป็นช่วงที่น้องกำลังเล็กอยู่ จริงๆ เราเลี้ยงลูกแบบย้อนยุค แต่ถ้าเดินทางก็ต้องพึ่ง 4G เฟสไทม์หาภรรยา เช็กว่าลูกเป็นยังไง เขาจะคอยอัปเดต ส่งรูปลูกให้ดูตลอด เปิดกล้องให้คุยกับน้องบ้าง แต่ไม่ได้บ่อยเท่าไหร่ เพราะเราถ่ายค่อนข้างเยอะ ไม่อยากไปกวนเขามาก”
เข้าใจหัวอกพ่อแม่ เราจะตายไม่ได้
“ก็ไม่รู้สึกกังวลอะไร แต่เข้าใจความรู้สึกที่ว่าเราเป็นพ่อเป็นแม่คนแล้ว เราตายไม่ได้ ความรู้สึกนี้เริ่มมา เริ่มเข้าใจคำพูดของพ่อกับแม่ที่ว่าไม่อยากให้ลูกโตเลยเป็นยังไง เป็นความรู้สึกนี่แหละคือครอบครัว ผมโชคดีที่ลูกแข็งแรง เราคิดไปเองว่าเขาไม่รู้เรื่อง ทั้งที่ความจริงเขารู้เรื่องนะ คุยกับเขาเยอะ บอกให้ทำอะไรบ่อยๆ สักพักเขาทำตามจริงๆ สมองเขาเริ่มพัฒนา เขาตอบสนองเราตลอดเพียงแต่พูดไม่ได้ เขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่มหัศจรรย์มาก ผมรักเขามากๆ เลย เขาทำให้ชีวิตเราเติมเต็มจริงๆ ไปแต่ละครั้งก็ใช้เวลาไม่นานเลยครับ ไปไฟล์ตวันศุกร์ ถ่ายวันเสาร์ กลับวันอาทิตย์ เช้าวันจันทร์ต้องทำงานต่อ”
“ก็เริ่มกลับมาออกกำลังกายแล้วครับ ช่วงปลายปีที่แล้วหยุดพักละคร เพื่อไปเซ็ตระบบธุรกิจ ก็ปล่อยปะละเลยตัวเองจนเริ่มอ้วน น้ำหนักขึ้นเยอะ ก็เข้ายิมตอนนี้น้ำหนักลงมาหน่อยแล้ว คอยคุมน้ำหนัก คุมอาหาร”
ปลื้มลูกพัฒนาการเร็ว เป็นสิ่งที่เข้ามาเติมเต็ม ถึงแม่ป่วยแต่มีความรักเข้ามาทดแทน ได้บรรยากาศแฟมิลี่เดย์ที่อบอุ่นกลับมา
“เรื่องลูกไม่มีอะไรให้ห่วงครับ เหมือนเขารู้ เวลาที่เราจะบินเขาจะร้องไห้ เบะปาก มีพฤติกรรมแปลกๆ ซึ่งจะเป็นแบบนั้นถัดไปอีก 1 วัน แต่พอเรากลับมา เขาได้ยินเสียงเราก็จะเบะปากรอว่าเมื่อไหร่จะมากอด มาอุ้มเขาสักที อ้อนมาก”
“เขาพัฒนาการเร็วมาก เป็นเด็กแข็งแรงมาก ต้องขอบคุณคำแนะนำจากคุณหมอ เพื่อนๆ และผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์มาก่อนที่คอยให้คำแนะนำ ข้อดีของการมีลูกคือทำให้ญาติๆ มีเวลามาเจอกันบ่อยขึ้น ได้รับความรู้สึกเป็นเด็กกลับมาอีกครั้ง มีบรรยากาศแฟมิลี่เดย์ที่อบอุ่น ขณะที่แม่ป่วยก็มีความรักในครอบครัวเข้ามาทดแทน ต้องขอบคุณลูกที่เข้ามาเติมเต็ม”
(ติดตามทุกข่าวสารในแวดวงบันเทิงทั้งหมดได้ที่ https://mgronline.com/entertainment)