ต้องรับสภาพ “ไก่ วรายุฑ” ลั่นไม่มีสิทธิ์ได้พระนางเบอร์ใหญ่ๆ จนขี้เกียจทำละคร!

“ไก่ วรายุฑ” ลุยละครมากขึ้น บอกก่อนหน้านี้หายหน้าเพราะขี้เกียจทำละคร ยังไม่ทิ้งตัวตน ต้องอลังการ ยันหลอกคนดูไม่เป็น เข้าเนื้อก็ไม่เป็นไร ได้ความสะใจก็พอ แจงเหตุทำไมพระนางวนอยู่ที่ “สน ยุกต์ – แพทริเซีย” บอกไม่มีสิทธิ์ได้พระนางเบอร์ใหญ่ๆ ช่องเลือกให้ถ้าไม่เหมาะก็ด่าตนไม่ได้ ด่ามาจะด่ากลับ ขอ “บอย ถกลเกียรติ” อยากร่วมงาน “เจษ”

เจ้าของสโลแกน อลังการดาวล้านดวง ต้องยกให้ “ไก่ วรายุฑ มิลินทจินดา” แม้ในระยะหลังๆ จะหายหน้าไปจากงานผู้จัด แต่ล่าสุดไก่ก็กลับมาลุยละครมากขึ้น โดยเจ้าตัวยอมรับกับ MGR Online ว่าทุกวันนี้ละครเปลี่ยนไป ในขณะที่ตนยังเป็นคนที่มีความคิดแบบคนหัวโบราณ ต้องปรับตัวและเปลี่ยนแปลง แต่จะไม่ทิ้งความอลังการ ซึ่งเป็นตัวตน

“ทุกวันนี้การทำละครมันเปลี่ยนไปมาก ถามว่ากดดันอะไรมั้ย มันกดดันมาก มันกดดันตัวเอง เพราะความคิดเรามันยังเป็นโบราณ คือเรายอมรับว่าความคิดเรายังโบราณ สมัยก่อนเราก็คิดตามแบบที่ละครมันควรจะเป็น คิดตามแบบที่ครูสอนมา แต่พอ ณ ปัจจุบันตั้งแต่ปีที่แล้วจนมาถึงวันนี้ ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมด แม้ครูเล็ก ภัทราวดียังบอกเลยว่าไก่ทุกอย่างมันเปลี่ยนไป เธออย่าเอาสิ่งที่เธอเคยเป็นมาเป็น แต่เธอเอาสิ่งที่เคยเป็นทำให้มันเป็น คือสิ่งที่เคยเป็นก็ให้มันเป็นแบบนี้ ปรับให้มันเป็นปัจจุบันแต่อย่าทำตามแบบเดิม”

“ยอมรับว่าเมื่อก่อนเคยติดรูปแบบเดิมๆ เพราะละครมันเป็นรูปแบบเดิมๆ เกือบทุกเรื่อง มันเป็นสูตรสำเร็จ ซึ่งเราไม่โทษใคร เราโทษตัวเองที่เราอ่านนวนิยายเยอะไป แล้วเขาเล่าเรื่องแบบนั้น เราไม่กล้าไปบิดเนื้อเรื่องของเขา แต่เดี๋ยวนี้เจ้าของบทประพันธ์เขาให้เราสามารถบิดได้บ้างตามสมัย จึงมีทางให้เราได้ทำอะไรมากขึ้นกว่าเก่า แม้จะฉีกออกจากเดิมได้แต่เราก็ต้องเอาของเก่าเก็บไว้บ้าง เพราะเวลาเราซื้อเรื่องเขา หัวใจของเรื่องอยู่ที่เนื้อหา”

บอกละครไม่มีสูตรสำเร็จ เก่ง เฮง มีคนดู ทำให้ดีแทบตายถ้าไม่สนุกคนก็ไม่ดู
“ในวันนี้การทำละครของเรา บวกกับความต้องการของคนดูมันมากขึ้น มากกว่าความต้องการของคนทำ คนดูเขามีโอกาสที่จะเลือก อะไร ยังไงก็ได้ ในปัจจุบันนี้ละครไม่สูตรสำเร็จใดๆ ตอนนี้คือสูตรเก่ง เฮง มีคนดูเท่านั้น ทำให้ดีแทบตายถ้าไม่สนุกก็ไม่มีคนดู รวมไปถึงจังหวะที่ออนแอร์ เพราะต้องเจอกับคู่แข่งหลายช่อง”

หลอกคนดูไม่เป็น ยังเน้นความอลังการ เพราะเป็นตัวตน ยันยอมเข้าเนื้อ ขาดทุน ดีกว่าให้คนมาด่า อุตส่าห์สร้างชื่อ 30 ปี
“อันนั้นมันคือความสวยงาม ความยิ่งใหญ่มันคือตัวตนของเรา มันคือลายเซ็นของเรา อย่างเรื่องล่าสุดก็มีไปถ่ายถึงเมืองนอก เราหลอกคนดูไม่เป็นนะ เราหลอกอย่างอื่นพอแล้ว เราจะยังต้องทำหลอกภูมิอากาศอีกเหรอ เรื่องขาดทุนอันนั้นมันก็ต้องช่างมันนะ แหม...เราสร้างชื่อเสียงมากว่า 30 ปีในวงการทีวี แล้วอยู่ดีๆ จะให้คนมาด่า ด้วยการไม่ยอมไปถ่ายสถานที่จริงเพราะด้วยเรื่องเงิน มันยอมไม่ได้ ถ้าเป็นหิมะ คุณจะหลอกยังไง ซึ่งถามว่างบที่ได้ในวันนี้กับเมื่อก่อนมันต่างกันมั้ย มันก็ได้เท่าเดิม แต่เพียงว่าทุกอย่างมันแพงขึ้น เราก็ต้องยอมรับ ว่าไม่ได้กำไร อาจจะเสมอตัว หรือบางทีอาจจะต้องเข้าเนื้อบ้างตามสถานการณ์ ซึ่งบางครั้งก็ต้องยอมเพราะว่าเราก็ได้เขามาเยอะ แต่เรื่องแบบนี้ยอมไม่ได้จริงๆ อะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิด อย่ามาบลูสกรีนกับฉันนะ ฉันไม่ยอม”

“พอละครออนแอร์ ฉากนั้นมันจะประสบความสำเร็จแค่ไหน มันคือความสะใจที่เราได้ทำมันออกมา (ยิ้ม) คือถ้าเราไม่ไปคนดูอาจจะเขียนด่า แต่ถ้าพอออนแอร์ออกไปคนดูอาจจะไม่พูดถึงเลยก็ได้ คือบางคนเขาก็ไม่ได้ปลื้มที่แกไปเมืองนอกหรอกนะ”

ไม่ทิ้งความอลังการแต่ต้องอยู่ในงบที่อยู่ได้
“เราก็อลังการในงบที่เราอยู่ได้ แต่เราจะทิ้งความอลังการตรงนั้นไปไม่ได้ เราอาจจะอลังการในฉากนี้ แต่เราอาจจะต้องไปลดในส่วนอื่นแทน เราต้องแบ่ง เราต้องทอน ทุกอย่างมีมันมีนิ้วโป้ง นิ้วก้อย หัวแม่มือ เราจะให้เท่านิ้วกลาง มันก็ไม่ได้ แค่ถ้าย้อนกลับไปเมื่อก่อน เราก็ตะบันทำไปเลย เมื่อก่อนไม่ยอมเลย แต่เดี๋ยวด้วยทุกอย่างมันแพงขึ้น ก็ต้องมีการเฉลี่ยมันมากขึ้น เราต้องทำให้เขาเข้าใจ ทำให้เขารู้ว่าเราเสนอตรงนี้ เรามั่นใจว่าความอลังการมันยังขายได้ บางสิ่งบางอย่างคนยังไม่เคยเห็น”

ยอมรับก่อนหน้านี้ขี้เกียจเป็นผู้จัดละคร
“บางทีก็ขี้เกียจทำบ้าง ตอนนี้ที่เรากลับมาทำละครเยอะขึ้น เพราะลูกน้องเราโตขึ้น เราเชื่อว่าเขาสามารถคุมแทนเราได้ เราก็เปิดกล้อง ให้ลูกน้องคุมเรื่องนี้ เราก็ไปคุมอีกเรื่องหนึ่ง เราเชื่อในความสามารถของเด็กเราแหละ เราจึงกล้าเปิด ตอนนี้ก็ทำพร้อมกัน 2 เรื่อง อย่างเมื่อก่อนเรายังไม่เชื่อในความสามารถของเด็กเราว่าทำได้มั้ย ไม่อยากปล่อยงาน”

รับสภาพพระนาง “สน ยุกต์ - แพทริเซีย” เพราะไม่มีสิทธิ์ได้พระนางเบอร์ใหญ่ๆ อยากดึง “เจษ เอ็กแซ็กท์” มาร่วมงาน
“คือต้องบอกว่าพระเอกเบอร์ใหญ่ๆ เราไม่มีสิทธิ์ที่จะได้ เพราะเราไม่เคยจองตัวดารา เราไม่เคยจองดาราข้ามปี และสาเหตุที่ไม่สามารถจองได้คือเวลาเราอ่านบทประพันธ์แบบเต็มๆ ถึงจะวางตัวละคร ไม่ใช่อ่านแต่เรื่องย่อแล้วเลือกคนนี้เป็นพระนางเลย และถ้าผู้ใหญ่เลือกให้ ถ้าเราไม่เอาก็คือไม่เอา และถ้าไม่เหมาะคุณรับผิดชอบมั้ย เราพูดแบบนี้เลยนะ สมมติว่าคุณเลือกตัวนี้ให้ฉัน ถ้าละครออกมาไม่ดี คุณรับผิดชอบนะ ต้องคุยกันแบบนี้ คุณอย่ามาด่ามาเรานะ ไม่งั้นเดี๋ยวฉันจะด่ากลับ และทางช่องก็บอกว่าเราสามารถเอาดาราที่อื่นมาเล่นได้ แต่ผู้จัดคนอื่นอาจจะไม่มีดาราคนอื่นมาเล่นให้ นอกจากสน ตอนนี้ก็มอง เจษ (เจษฎ์พิพัฒ ติละพรพัฒน์) ที่ชอบเพราะเขาเล่นเรื่องพิษสวาท เขาเล่นได้ดีมาก ยังเคยบอกกับคุณบอย (ถกลเกียรติ วีรวรรณ) ว่าถ้ามีโอกาสอยากจะขอตัวมาเล่นที่ช่อง 3 คุณบอยบอกโอเค เราว่าเขาเล่นเก่ง ด้วยสายตาที่สื่ออารมณ์ เรื่องเรตติ้งไม่มีความกดดันเลย เราไม่สนใจ เพียงแค่คิดว่าของดี ของสนุกใครก็ต้องดู ถ้ามันสนุกเรตติ้งมันจะมาเอง”

แจงเหตุไม่รีเมกละครเก่า เพราะเป็นมาสเตอร์พีชไปแล้ว อนาคตไม่มีอะไรจะทำแล้ว ค่อยรีเมก แต่ยอมรับกลัวไม่ดีเท่าเดิม
“เข้าใจว่าตอนนั้นประสบความสำเร็จ และบทมันก็มีอยู่แล้ว แต่เราคิดว่าทำไว้ดีแล้ว หรือมาสเตอร์พีชไปแล้ว แล้วเราได้ตัวละครที่เหมาะสมกับบทแล้ว สมัยก่อนเราจะเอาตัวละครจากที่ไหนก็ได้ เพราะทุกคนตรงกับคาแรคเตอร์ตามบทประพันธ์ มันสมบูรณ์ด้วยตัวของมันเอง และถ้าตอนนี้ช่อง 3 เอารักเดียวของเจนจิรามาทำล่ะ ใครจะเป็นวิลลี่ (วิลลี่ แมคอินทอช) ใครจะเป็นจอย (ศิริลักษณ์ ผ่องโชค) เราก็เคยคิดนะว่าน่าจะเอามาทำใหม่ แต่ถ้าไม่มีอะไรจะทำแล้ว ก็ค่อยเอาของเก่ามารีเมกใหม่ เพราะเราก็กลัวว่าถ้าเอามาทำแล้ว และทำไม่ดีเท่าของเก่า ก็อย่าทำดีกว่า”

“อย่างดั่งดวงหฤทัย ถ้าเราไม่แน่จริง เราไม่เอากลับมาทำใหม่หรอก ทั้งๆ ที่ก็เคยถูกรีเมกมาแล้ว 2 ครั้ง หรืออย่างด้วยแรงอธิฐานเราก็ไม่กลัว อะไรที่เราคิดว่าต้องดีกว่า ต้องได้ เราถึงกล้าทำ เพราะเราไม่ได้ทำละครล้าหลัง ชีวิตเราอยู่กับปัจจุบัน ไม่เคยเอาความสำเร็จในอดีตมาบอกทุกคน แต่คนจะติดภาพไปเอง อยากจะบอกให้ลืมๆ มันไปบ้าง แล้วค่อยมาติดตามผลงานใหม่ๆ ของเราดีกว่า”

(ติดตามทุกข่าวสารในแวดวงบันเทิงทั้งหมดได้ที่https://mgronline.com/entertainment)