Congratulation! เจนี่ She ทำได้ สอบผ่านว่าที่สะใภ้ตระกูล ณ ป้อมเพชร-อัลภาชน์ “คุณแม่มิกกี้” ชมเป็นผู้หญิงสมัยใหม่ทั้งเก่งทั้งแกร่ง จิตใจดี รักครอบครัว ลั่นไม่สนใจอดีตบอกทุกคนมีบทเรียนทั้งดีและไม่ดี สิ่งสำคัญกว่าคือเอาบทเรียนมาพัฒนาให้ดี ส่วนเรื่องอายุที่ห่างกันใช่ปัญหา ต่างฝ่ายต่างเติมเต็มกันและกัน ให้คำแนะนำกันไปในทางที่ดี ส่งเสริมซึ่งกันและกัน รอลุ้นข่าวดีปลายปี
มาแรงแซงทุกคู่เลยทีเดียวสำหรับข่าวของ “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ” กับหวานใจคนใหม่ ไฮโซหนุ่ม “มิกกี้ นนท์ อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร” หรือ มิกกี้ เดอะเฟซ ที่ร่ำรือกันว่า ความรักสุกงอมเตรียมจะเข้าพิธีวิวาห์ปลายปีนี้ทั้งที่ยังคบหากันไม่ถึงปี แต่บางกระแสก็ว่าไม่น่าจะใช่เร็วๆ นี้เพราะเจนี่เองมีข่าวเรื่องความรักผ่านมามากมาย การที่ครอบครัวของฝ่ายชายที่อยู่ในตระกูลดังยอมรับได้นั้น น่าจะต้องใช้เวลาศึกษาดูใจกันอีกซักพัก
คุณแม่ของมิกกี้ “ดร.สิริพร ณ ป้อมเพชร” ได้เปิดใจกับทีมข่าว Manager online ถึงเรื่องราวถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ว่า พัฒนามาจากการชื่นชอบการออกกำลังกายเช่นเดียวกัน การที่ทั้งคู่ทำธุรกิจด้านสุขภาพ และทั้งคู่ทำงานด้วยใจรักไม่ได้ทำเพื่อเงินเป็นที่ตั้งเหมือนกัน เติมเต็มซึ่งกันและกัน เจนี่เป็นสาวเก่งอ่อนน้อมแต่ก็แข็งแกร่ง รักครอบครัว จิตใจดี ตั้งใจกับงานทุกอย่างที่ทำ เห็นคุณค่าและให้เกียรติกันและกัน
“ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เกิดขึ้นเพราะว่าเขาร่วมงานกิจกรรมออกกำลังกายด้วยกัน ตั้งแต่เมื่อช่วงปีที่แล้ว เขาก็สนิทกันมากขึ้น และใช้เวลาในการออกกำลังกายด้วยกัน มิกกี้ก็ดูแลเรื่องสุขภาพเรื่องโภชนาการให้ และคุณเจนี่เองก็แนะนำมิกกี้ในหลายๆ เรื่องไม่ว่าจะเรื่องการงาน เรื่องการดูแลตัวเอง หรือเรื่องการบริหารจัดการเวลา คือเขาดูแลซึ่งกันและกัน”
“อย่างมิกกี้เขาก็มีจุดแข็งในศาสตร์เรื่องการออกกำลังกาย และโภชนาการ และเขาก็จะออกแบบการออกกำลังกายที่เหมาะให้ ส่วนทางคุณเจนี่ก็มีประสบการณ์ในการทำงาน การทำธุรกิจ ในการคุยกับลูกค้า ในการคุยกับ Service Providers การต่อรองในการทำงาน คุณเจนี่เขาก็จะแนะนำให้”
“อีกอย่างคือเขามีเรื่องของการรักครอบครัวเหมือนกัน เพราะคุณเจนี่รักครอบครัวมาก รักคุณแม่กับน้องสาวมาก แล้วมิกกี้เองก็รักครอบครัว มีอะไรก็จะเอาเรื่องครอบครัวมาที่หนึ่ง เรื่องสุขภาพคนในครอบครัว และเรื่องการทำมาหากินเป็นเรื่องรองมา คือคบกันมีแต่พัฒนาไปในทางที่ดีค่ะ”
“พ่อแม่ก็สังเกตนะเวลาที่เขาอยู่ด้วยกัน คุณเจนี่มีความเป็นผู้ใหญ่และเขาเป็นผู้หญิงสมัยใหม่ เขามีความสามารถมากมาย ทำงานได้หลากหลาย เขามีความกตัญญู เขารักครอบครัวมาก เขาเป็นคนที่รู้ว่าเมื่อไหร่ควรจะอ่อนโยนอ่อนน้อม และเมื่อไหร่ควรจะเข้มแข็งและแข็งแกร่ง”
ยอมรับแรกๆ จับตาความสัมพันธ์ของทั้งคู่
“ถามว่าผ่านไหม ตอนแรกเราก็ยอมรับว่าเราก็ต้องดูนะ เพราะมาจากแบ็กกราวนด์ต่างกัน แต่พอดูแล้วเขาส่งเสริมกัน ผู้ชายก็ช่วยดูแลในเรื่องสุขภาพที่คุณเจนี่เขาสนใจที่เขาต้องการอยู่แล้ว เพราะเขาต้องออกหน้าจอ เขาต้องดูแลรูปร่าง และต้องดูแลเรื่องอาหาร มิกกี้ก็จะแนะนำ แล้วเขาก็มีฟิตเนสเหมือนกัน เจนี่มี 911 ของมิคกี้มี อีท แอนด์ เทรนด์ คาเฟ่ เขาจะสั่งอุปกรณ์มาเขาก็ปรึกษากัน เขาจะออกแบบยิม ออกแบบสตูดิโอ เขาก็ปรึกษาหารือกัน นี่ตั้งแต่ต้นปีแล้วนะ”
“พ่อแม่ก็เริ่มสังเกตว่าเขาเริ่มสนิทสนมกันมากขึ้น ดูแลกันและกันมากขึ้นและเป็นห่วงกันเรื่องการขับรถ คุณเจนี่ก็จะเตือนเรื่องอย่าขับรถเร็ว มิกกี้ก็จะคอยเตือนในเรื่องการออกกำลังกายอย่าหักโหม การรับประทานอาหาร เพราะบางทีคุณเจนี่ทำงานเยอะก็ไม่ได้ทานอาหาร ก็ดูแลและฟังกัน”
“คือเขาอยู่ด้วยกันเขายกย่องส่งเสริมกันพูดง่ายๆ เราก็ดูแล้วว่าส่งเสริมกันดี และไม่ใช่แค่แม่นะคะ คุณพ่อก็ดูเหมือนกัน และโดยเฉพาะคุณพ่อค่อนข้างจะหวงลูกชายด้วย แล้วคุณพ่อก็จะสอนลูกเสมอเรื่องน้ำใจนักกีฬาและเรื่องการเป็นสุภาพบุรุษ การยกย่องให้เกียรติผู้หญิง”
ไม่สนใจอดีตของ “เจนี่” ถึงจะเคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว เพราะเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่มีบทเรียนที่สวยงามและไม่สวยงาม
“คุณพ่อคุณแม่มองว่า ธรรมชาติมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาทุกคนมีข้อบกพร่อง มีบทเรียนที่สวยงามและไม่ค่อยสวยงามนัก สิ่งที่สำคัญกว่าคือการที่เอาข้อบกพร่องมาพัฒนาตน พัฒนาชีวิตในทางที่ดีขึ้น บทเรียนที่ไม่ค่อยสวยงามเอามาเรียนรู้และแก้ไข บทเรียนที่สวยงามเอามาทำให้สวยงามยิ่งขึ้น”
ฝ่าด่านคุณพ่อหวงลูกชายมาก แต่ยอมใจ “เจนี่” สอบผ่านเพราะเป็นผู้หญิงที่รักครอบครัว ไม่ได้แรงเหมือนบทที่เล่นในละคร
“คุณพ่อ (สุภรัตน์ อัลภาชน์) เขาหวงลูกชายมาก แล้วคุณพ่อก็จะดูเยอะมาก มิกกี้ก็มาบอกว่าตั้งแต่แรกๆ ว่าอยากจะแนะนำเพื่อนคนสนิทให้คุณพ่อคุณแม่ได้รู้จัก แล้วเขาก็พามาให้รู้จัก ครั้งแรกที่เจอก็เห็นว่าผู้หญิงคนนี้น่ารักและดูตรงๆ ดี คือไม่ขาวก็ดำ ไม่มีเทา คือเป็นคนพูดตรงๆ มีอะไรเราถามตรง เขาก็ตอบตรง”
“เขาพูดเลยว่าชีวิตหนูอย่างนี้ๆ นะ เขาเล่าตรงๆ เลย ไม่มีจริตเลย กิริยามารยาทอ่อนน้อม เราก็รู้สึกว่าเขาเป็นคนน่ารัก และดูเป็นคนจริงใจ จากนั้นเราก็ดูพัฒนาการมาเรื่อยๆ แล้วเราก็เห็นว่าเขาคบกันอยู่ในสายตาผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่เฉพาะฝ่ายเรานะ ฝ่ายคุณเจนี่ด้วย”
“ฉะนั้นตั้งแต่เขาคบกันมา 6-7 เดือนก็พัฒนาไปในทางที่ดีดูแลกันและกันดี และทำธุรกิจเหมือนกันในเรื่องการส่งเสริมด้านสุขภาพ ก็พากันไปในทางที่ดี และมีความเหมือนกันที่คุณพ่อคุณแม่สังเกตุก็คือในเรื่องของการทำมาหากินด้านสุขภาพ มีความตั้งใจจริง ทำด้วยความรัก ไม่ได้เอาเงินเป็นตัวตั้งทั้งคู่ อีกเรื่องคือเรื่องความกตัญญู รักครอบครัวทั้งคู่ อันนี้สำคัญมาก เราก็ดูว่าเขาเป็นผู้หญิงสมัยใหม่ เราดูจากในบทบาทที่เขาเล่นเขาจะแรง แต่จริงๆ แล้วไม่เลยนะ
“ทางคุณแม่เขาเองก็หวงและห่วงลูกสาวมาก เขาก็มีลูกสาวอยู่สองคน น่ารักทั้งคู่ ครอบครัวรักกัน คุณเจนี่ก็รักคุณแม่และน้องสาวมาก ผู้ใหญ่ก็ได้คุยกันค่ะ สองครอบครัวก็รู้จักกัน และเราก็ดูแลและเป็นกำลังใจให้เด็กๆ ทั้งสองคน”
อายุห่างกันไม่ใช่ปัญหา ทุกคนมีข้อบกพร่อง มีบทเรียนชีวิต
“มิกกี้ตอนนี้อายุย่าง 29 คุณเจนี่ 36 เขาก็ห่างกันประมาณ 7 ปี อย่างที่บอกมิกกี้เกิดและโตที่ต่างประเทศ มิกกี้ดูแลตัวเองและรู้ว่าจะทำอย่างไรกับชีวิตให้ตัวเองและครอบครัวมีความสุข มีความภูมิใจ มิกกี้ผ่านการตัดสินใจ รู้ผิดรู้ถูก ช่วงอยู่ต่างประเทศมา 10 กว่าปี เขาก็เป็นผู้ใหญ่มาโดยตลอด เขาเกิดที่อเมริกาและเขากลับไปเรียนตั้งแต่ชั้นประถมแล้วก็ต่อมัธยม บางคนเข้าใจว่ามิกกี้ไปแค่เรียนปริญญาตรี มิกกี้เรียนจบประดับประถม ระดับมัธยม และระดับปริญญาตรีที่อเมริกาค่ะ ที่รัฐออริกอน และไปต่อปริญญาโทอีก 2 ปีที่เมืองเพิร์ท ออสเตรเลีย และกลับมาอยู่เมืองไทยได้ประมาณ 3 ปีกว่าค่ะ”
“ตอนนี้เขาสองคนก็ดูแลกันดี และเป็นเพื่อนทางปัญญาด้วยกันดี คือเขาคิดในเรื่องของการทำมาหากิน ไม่ใช่ว่าคุยกันไปวันๆ เที่ยวใช้เงินกันไปวันๆ มันไม่ใช่แบบนั้น พ่อแม่กล้าพูดเขาเป็นเพื่อนทางปัญญากัน คุยกันแล้วมันมีสาระ ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ ”
“ครอบครัวเราสอนกันมาเรื่องการให้เกียรติกัน ทุกคนตัดสินใจอะไร ณ ตอนนั้นมันก็เป็นการตัดสินใจของเขา และตอนที่มารู้จักกันทั้งคู่ก็โสด และทั้งคู่ก็มีกิจกรรมที่ชอบเหมือนกัน ส่วนเรื่องข่าวดีก็ขอให้เป็นกำลังใจให้ทั้งคู่ เรื่องจะมีข่าวดีปลายปี ก็ให้ติดตามดีกว่าค่ะ”