“น้ำตาล พิจักขณา” เรียนรู้และอดทน คบ “ไผ่ พาทิศ” เผยอีกฝ่ายติสต์ เข้าป่าติดต่อไม่ได้ 1 เดือน โอดมันเกินไป เคยตามไปด้วยแต่ไม่เวิร์ก สกิลไม่ถึง ขออยู่สวยๆ ดีกว่า สิ่งเดียวที่ขออย่าขาดการติดต่อ แจงแบรนด์อาหารเสริมไม่กระทบ ตั้งใจทำแบบคุณภาพ มองผลระยะยาว ดาราทุกคนระวังตัวเรื่องรับรีวิวสินค้ามากขึ้น เพราะเชื่อกระแสไม่ได้อีกต่อไป
ลงขันทำธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารเสริมควบคุมน้ำหนัก S360 และรายการ “Sis Chit Chat” พากินพาเที่ยว ที่ออกอากาศทางช่องยูทิวบ์ด้วยกัน สำหรับ “น้ำตาล พิจักขณา วงศารัตนศิลป์” กับ “ปราง กัญญ์ณรัณ วงศ์ขจรไกล” ซึ่งก่อนหน้านี้ ปรางโดนดรามาถาโถมใส่เพราะออกมาบอกว่าไม่รับรีวิวสินค้าเพราะมีจรรยาบรรณ ทำให้ถูกเหน็บว่าเป็นเพราะมีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเป็นของตัวเองต่างหาก ล่าสุดได้เจอตัวสาวน้ำตาลในงานบวงสรวงละคร “ลิขิตแห่งจันทร์” ณ บริษัท อาหลอง กรุ๊ป จำกัด เจ้าตัวก็เผยว่าเหตุการณ์จากแบรนด์ “เมจิกสกิน” ก็ไม่มีผลกระทบจังๆ กับธุรกิจของตน มองแง่ดีทำให้ผู้บริโภคตระหนักถึงความปลอดภัย
“คือผลกระทบที่มาถึงเราโดยตรงจังๆ เลยตอนนี้ยังไม่มีค่ะ เพราะตาลว่าอาจจะเป็นในแง่ดีมากกว่า ที่มีกระแสข่าวแบบนี้ออกมา ทำให้ผู้บริโภคตระหนักถึงความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งเราก็ภูมิใจนำเสนอมากว่าของเราปลอดภัยจริงๆ สามารถตรวจสอบได้ ไม่ว่าจะเป็น อย. หรือสารต้องห้ามต่างๆ เพราะว่านอกจาก อย. แล้ว เราก็ยังมีส่งตรวจในแลปที่ได้มาตรฐานสากลที่สามารถเชื่อถือได้ค่ะ”
“ตาลได้ติดตามข่าวมาอยู่บ้างอยู่แล้วค่ะ แต่ก็อย่างที่ข่าวออกไป รวมถึงหลายๆ แบรนด์ที่โดน ก็ในโลกโซเชียล ค่อนข้างจะควบคุมยากในแง่ของคำพูดต่างๆ บางทีอาจจะไม่ได้มาจากในตัวของแบรนด์หรือว่าในของตัวแทน แต่ว่ามากจากปากต่อปาก มันก็สุ่มเสี่ยง”
“มองว่าเป็นการดิสเครดิตมั้ย ที่จริงแล้วตาลว่าไม่ค่ะ ต่างคนต่างตั้งใจสร้างแบรนด์ของตัวเองมากกว่า แล้วตาลก็เชื่อว่าทุกคนเองก็อยากจะให้สินค้า รวมถึงในตัวแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ออกมาปลอดภัยสู่ผู้บริโภคมากที่สุด ซึ่งตัวตาลเองที่บอกว่าติดตามข่าวจากแบรนด์อื่นๆ บ้าง เราก็ติดตามแค่ข่าวแค่นั้น แต่ว่าในส่วนของตัวแบรนด์ เราก็โฟกัสในส่วนของแบรนด์ S 360’ ของเรา ว่าเราจะทำให้ผู้บริโภคเชื่อมันในตัวผลิตภัณฑ์ของเราได้ยังไง ซึ่งทางตาลเอง รวมถึงทีมงานเราก็มีการโพสต์ภาพเอกสารบางอย่างที่สามารถเผยแพร่ได้ ว่าของเราปลอดภัยจริงๆ แล้วก็ได้มาตรฐาน”
“ตอนนี้ไม่มีอะไรถึงตัวตาล รวมถึงตัวแบรนด์เองก็ยังไม่มีค่ะ อย่างที่บอกว่าถ้าคนที่ติดตามตาล รวมถึงติดตามแบรนด์มาก็จะเห็นว่ากว่าเราจะเปิดผลิตภัณฑ์ S 360’ ขึ้นมา เราใช้ระยะเวลาค่อนข้างนานเป็นปีเหมือนกัน ในการทดลองสูตรต่างๆ เพื่อที่จะให้ผลิตภัณฑ์ของเราปลอดภัยได้มาตรฐานจริงๆ เพราะว่าพอกินเข้าไปแล้วมันมีผลต่อร่างกายผู้บริโภค เราก็เล็งเห็นถึงความสำคัญตรงนี้ รวมถึงตัวตาลเองก็เคยกินในส่วนของอาหารเสริมต่างๆ เราก็เอามาลบข้อดีข้อเสีย จนตอนนี้ได้ผลดีต่อตัวเรา แล้วเราก็จริงใจจริงๆ ที่เราจะเอาผลิตภัณฑ์ตัวนี้ให้กับผู้บริโภคทุกคน”
เชื่อแบรนด์ที่ทำเพื่อผู้บริโภค และตั้งใจทำแบบมีคุณภาพ จะสามารถผ่านตรงนี้ไปได้
“ตาลว่าที่จริงแล้วหลายๆ แบรนด์ตาลก็ว่าน่าจะได้รับผลกระทบตรงนี้ แต่มันเป็นเรื่องดีนะคะตาลว่า ที่มันเป็นกระแสในเรื่องของอาหารเสริม มันทำให้หลายๆ คนก่อนที่จะซื้ออะไรมาบริโภค มีการเช็ก อย. มากขึ้น เช็กส่วนผสมสารต้องห้ามมากยิ่งขึ้น ซึ่งตรงนี้ก็เป็นข้อดีเหมือนกัน ตาลว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันต้องใช้ระยะเวลาค่ะ มันสำคัญมากๆ แล้วตาลก็เชื่อว่าแบรนด์ที่ทำเพื่อผู้บริโภคจริงๆ ที่ใส่ใจจริงๆ แล้วก็ตั้งใจทำแบบมีคุณภาพจริงๆ ก็จะสามารถผ่านตรงนี้ไปได้”
ปรึกษา “ปราง กัญญ์ณรัณ” หุ้นส่วน ประชุมทุกเดือน มองระยะยาวแบบยั่งยืน
“คือคุยอยู่แล้วค่ะ ตัวตาลเองแล้วก็ปราง รวมถึงหุ้นส่วน เรามีการประชุมกันทุกเดือนอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ตรงนี้ขึ้นมา เราก็ประชุมกันว่าผลิตภัณฑ์ของเรา เรามองในระยะยาวแบบยั่งยืน เราไม่ได้คิดที่จะเกาะกระแสหรือว่าทำเพื่อที่จะกอบโกยผลประโยชน์กับผู้บริโภคซึ่งเรามองในแง่ของระยะยาว แล้วก็เราไม่ได้หยุดแค่อาหารเสริมตัว S 360’ ตัวนี้ เรายังมีผลิตภัณฑ์ตัวอื่นอีกที่เรากำลังคิด ก็อย่างที่บอกว่าเราประชุมกันคุยกันอยู่แล้ว แล้วตาลกับปรางเองก็มองว่ามันก็เป็นแง่ดี”
“ตาลมองว่า เราเล็งเห็นปัญหานี้มาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ตาลกับปรางก็คุยกันมาตั้งแรกอยู่แล้วว่าขนาดตัวเราเองกินอาหารเสริมก็มีทั้งเห็นผล ไม่เห็นผล เราถึงข้อดีและข้อเสีย การที่มาทำอาหารเสริมตรงนี้มันก็มีเหมือนกัน ดังนั้นสิ่งที่เราจะยืนยันให้ผู้บริโภคเห็นได้ก็คือตาลเองก็ทำรายการ ซึ่งรายการตรงนี้ตาลเรียนภาพยนตร์มา ก็เลยอยากจะมีรายการเป็นของตัวเอง ก็เลยแบบว่างั้นเราเอาผลิตภัณฑ์ของเรามาร่วมกับรายการมั้ย ทำให้ผู้บริโภคเห็นว่าเรากินจริงๆ ใช้จริงๆ มันไม่มีอะไรที่เป็นอันตราย เราก็ยังใช้ชีวิตกันปกติทั่วไป”
“ก็พลิกวิกฤตเป็นโอกาสให้คนรู้จักแบรนด์ ที่จริงรายการนี้ตาลทำควบคู่กับแบรนด์มาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว เพื่อที่จะแสดงถึงความจริงใจให้ทุกคนเห็นว่าตัวตาลเอง ไม่ได้อยู่ในฐานะพรีเซ็นเตอร์ว่าคนที่อยู่ๆ คิดจะมาฉวยโอกาสกับผู้บริโภค เราตั้งใจที่จะทำแบรนด์ของเราออกมาให้ดีที่สุด เรามองในแง่ของระยะยาว ดังนั้นไม่ได้กอบโกยระยะสั้นๆ ซึ่งเราเองก็ไม่ได้แบบเปิดตัวยิ่งใหญ่เพื่อที่จะกอบโกยอะไร ค่อยๆ ทำเล็กๆ ของเราไปเรื่อยๆ ซึ่งเรามั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ของเรามั่นใจ”
บอกดาราทุกคนระวังตัวเรื่องรีวิวสินค้ามากขึ้น เพราะเชื่อกระแสไม่ได้แล้ว
“คือที่จริงแล้ว ตาลว่านักแสดงหลายๆ คนก่อนที่จะรีวิวอะไร ก็ต้องมีการศึกษามาอย่างดีอยู่แล้ว แล้วเรายิ่งเห็นข่าวแบบนี้มันก็ทำตัวนักแสดงเอง รวมถึงทุกๆ คนที่จะรีวิวอะไรก็แล้วแต่ ระวังตัวเองมากยิ่งขึ้น มีการตรวจสอบมากยิ่งขึ้น เพราะว่าบางทีเราเชื่อกระแสไม่ได้แล้วค่ะ”
ชอบคลิป “ไผ่ พาทิศ” ตัดต่อให้ แต่เปิดใจแอบหงุดหงิดนิดหนึ่ง
“เขาเป็นคนชอบตัดต่ออะไรแบบนี้ เหมือนเป็นรุ่นพี่เรียนภาพยนตร์ เขาไม่ได้ทำเพื่อเซอร์ไพรส์แต่เขาตั้งใจมาก จนบางทีเราหงุดหงิด อยากไปเที่ยวที่ต่อไปแล้ว เขาก็ยังถ่ายอยู่ ก็ดีนะคะ เขาได้ค้นพบในสิ่งที่เขาชอบ และทำออกมาดี จนขนาดเราที่เรียนมายังยอม ถามว่าชอบมั้ยก็ชอบค่ะ เพราะเราได้ภาพสวย (หัวเราะ)”
“ส่วนถามว่าจะเป็นภาพพรีเวดดิ้งมั้ย โห...มันนานเกินไปค่ะ (หัวเราะ) จริงๆ มันเป็นการเล่าชีวิตแต่ล่ะวันที่พวกเราไปเจอมากกว่า เหมือนแบ่งปันประสบการณ์ เราก็คงไม่ได้ไปเที่ยวทริปไกลๆ กันบ่อยๆ ซึ่งเขาเองก็อยากทำรายการของเขาเองด้วย อยากมีช่องทางของเขา”
ไม่แพลนเรื่องแต่งงาน แต่แพลนเรื่องทำธุรกิจร่วมกัน
“ยังค่ะ มีแต่วางแผนในการทำธุรกิจร่วมกัน ซึ่งตอนนี้ กำลังโฟกัสในเรืองธุรกิจ มันเพิ่งเริ่มต้น ถามว่าเขาอยากแต่งมั้ยก็ไม่นะคะ ยังไม่เห็นเขาพูดอะไรในเรื่องนี้ ส่วนมากคุยเรื่องของธุรกิจมากกว่า บางทีไปเที่ยวเราเห็นแต่ล่ะที่มีอ่างอาบน้ำ มีแต่น้ำไม่มีฟองสบู่ เราก็ทำส่งตามโรงแรม และขายเองด้วย ซึ่งเราลงมาทำด้วยกันทั้งหมด”
“หลายๆ คนก็เตือนเหมือนกันเรื่องที่เราทำธุรกิจด้วยกัน แต่ไม่ได้มีแค่ตาลกับพี่ไผ่ ยังมีหุ้นส่วนเพื่อนๆ กัน อยากทำมันออกมาให้ดีที่สุด และอยากให้มันประสบความสำเร็จ เพราะเราก็ตั้งใจ”
ไม่ห้าม “ไผ่” ไปใช้ชีวิตในป่า บอกต่อให้เป็น 1 วันหรือ 1 เดือนก็ชิน ชี้รู้จักระดับหนึ่ง มีความติสต์ค่อนข้างสูง
“เขาถ่ายละคร 3 เรื่อง นี่เพิ่งปิดกล้องไป หลังจากนี้แหล่ะค่ะ จะเข้าป่ายาวแล้ว เพราะเขาพูดไว้ตั้งแต่แรกว่า พอปิดกล้องละครเขาขอไปใช้ชีวิตแบบนี้ ถามว่าชินมั้ยก็ชินมาก จะวันหนึ่งหรือเดือนหนึ่งเขาเดินเข้าป่า เราก็ชินแล้ว แรกๆ ก็ไม่เข้าใจว่า เอ๊ะ ยังไง เราก็รู้จักเขามาระดับหนึ่ง แต่เราไม่รู้ว่าเขามีความติสต์ค่อนข้างสูง ช่วงที่เรามีปัญหากัน เป็นช่วงที่เขาไม่รับงานเลย อยากไปใช้ชีวิตของเขา เราก็รู้ว่าเขาเต็มอิ่มแล้วได้เล่นหลายบทบาทแล้ว ก็อยากลองไปใช้ชีวิตดู พอเขาไปจะเขาเต็มอิ่มแล้ว เขากลับมา มันก็โอเคไม่ได้มีผลเสีย”
สิ่งเดียวที่ขอ ให้ติดต่อกัน ยันไม่ได้คบกันเพื่อตั้งรับถึงขนาดติดต่อไม่ได้ 1 เดือน
“เรื่องที่ตาลขอได้คือเราของการติดต่อมากกว่า ตอนแรกติดต่อไม่ได้เลย คือเราทุกคนเราไม่ได้มาตั้งรับแบบนี้ ว่าเราจะติดต่อกันไม่ได้ 15 วัน หรือว่า 1 เดือน ซึ่งมันเกินไป เราควรมีการอัปเดตกันว่าแต่ล่ะวันเป็นอย่างไรบ้าง อย่างน้อยมันยังเป็นความสบายใจของเรา ว่าโอเคยังอยูดีกันดีนะ ยังปลอดภัยนะ เพราะเขาเข้าไปอยู่ในป่า อยู่กลางทะเลเราก็เป็นห่วง เราก็ห้ามบ้างเท่าที่ห้ามได้ (ยิ้ม)”
ถ้าแต่งก็ต้องคุย เคยไปด้วยแต่ไม่เวิร์ก สกิลไม่ถึง ขออยู่สวยๆ ดีกว่า
“ต้องคุย ถ้าหนักขนาดนั้นคงไม่ค่ะ เราเคยไปกับเขานะ แต่รู้สึกว่าไม่เวิร์ก ตาลว่าก็ลุยระดับสูงแล้ว แต่การเข้าป่ามันไม่เหมาะกับผู้หญิง สกิลเราไม่ถึงจริงๆ เรื่องห้องน้ำ อาหารการกิน กิจกรรมของเขา ไม่เหมาะกับเรา เราอยู่ของเราสวยๆ ดีกว่า เขาเคยเกิดอุบัติเหตุบ้างค่ะ อย่างท้องเสีย โน่นนี่ พอเขากลับมาก็บอกว่าหายแล้ว เราก็ไม่เครียดค่ะ”