“แต้ว ณฐพร” เคลียร์ทุกเม็ด ถูกแฉจ้างเป็นบอส ได้เงินแล้วเทลูกทีม ชี้ถูกดิสเครดิตเป็นเรื่องปกติการทำธุรกิจ ยันจะเดินหน้าต่อ แต่ขอดูทิศทางลม เชื่อไม่กระทบภาพลักษณ์นางเอกเพราะคนละส่วนกัน ยันเตือนก่อน ถ้าไม่จบค่อยปรึกษาทีมกฎหมาย เผยไม่รักเด็ก ให้เปลี่ยนผ้าอ้อมยังส่ายหน้า เล่นได้แต่เลี้ยงไม่ได้ ไม่พร้อมมีลูกเอง
ถูกดรามาไปด้วย หลังจากที่ “เมจิกสกิน” ถูกตามเช็กบิล เปิดโปงเป็นสินค้าลวงโลก ขั้นตอนผลิตไม่ได้มาตรฐาน สวมอย.ปลอม จนลามมาถึงแบรนด์อาหารเสริม ธุรกิจนางเอก “แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์” ทำร่วมกับ “มะตูม เตชินท์” ซึ่งมีชาวเน็ตออกมาแฉว่าเป็นแบรนด์ที่จ้างดารามาเป็นบอส พอได้เงินแล้วเทลูกทีม จ่ายของให้ตัวแทนไม่ครบ
ล่าสุดแต้วเปิดใจถึงกระแสดังกล่าวในพิธีบวงสรวงละคร “รักจังเอย” คาดเป็นผลจากแบรนด์เมจิกสกินที่ทำให้แบรนด์ออนไลน์อื่นๆ ได้รับผลกระทบไปด้วย ยันไม่กระทบความน่าเชื่อถือ เดินหน้าต่อ แต่ขอดูทิศทางลม
“แต้วว่ามันน่าจะเป็นกระแสต่อมาจากแบรนด์ที่เป็นประเด็นอยู่ตอนนี้ ทำให้แบรนด์ที่เป็นออนไลน์ทั้งหลายโดนกระทบไปหมด รวมถึงแบรนด์ของเราด้วยมันก็เกิดขึ้นได้ ซึ่งก็ดีที่ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานราชการ ผู้บริโภค ออกมาตั้งคำถาม มันจะได้เป็นโอกาสให้เราออกมา ชี้แจงให้มันเคลียร์กัน”
“ไม่หนักใจนะคะ ด้วยการที่เรามาทำตรงนี้แล้วเราก็ ได้ตรวจสอบความมั่นใจไม่ว่าจะเรื่องของผลิตภัณฑ์ ความปลอดภัย และเรื่องของรูปแบบ การทำธุรกิจ อย่างค่อนข้างถี่ถ้วนแล้ว เรารู้สึกว่ามันไม่มีอะไรที่น่ากังวล”
ไม่หวั่นถูกพุ่งเป้ามาที่แบรนด์ตน ยันไม่กระทบความน่าเชื่อถือ ถูกดิสเครดิตเป็นเรื่องปกติของการทำธุรกิจ
“เท่าที่เราได้ดูข่าวมันก็เหมือนมีรูปภาพและคำพูดที่ชี้นำมาทางเรา แต่ว่าด้วยทางปฏิบัติเท่าที่เราทราบมาตลอดคือไม่มีการทำอย่างนั้นแน่นอน เราได้มีการวางแผนการทำตลาดมาหลายรูปแบบ แล้วเราไม่ได้ทิ้งตรงนี้แน่นอน เรามองว่ามันเป็นธุรกิจที่สามารถเติบโตกว่านี้ด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นไม่รู้จะทิ้งทำไม”
“ถามว่าเราเป็นนางเอกจะกระทบความน่าเชื่อถือมั้ย ก็ไม่นะ แต้วมองว่ามันเป็นธุรกิจอนาคตในเรื่องของการทำออนไลน์ แล้วในเมื่อมันไม่เคยเกิดขึ้นแบบเป็นทางการมาก่อน มันก็จะมีการตรวจสอบ ตั้งคำถามและทำให้มันถูกต้อง”
“ลูกทีมไม่ได้ติดต่อมานะคะ เพราะทุกคนก็อยู่ในส่วนของการทำงานร่วมกันกับทางบริษัท เขารู้ว่าอะไรเป็นความจริงแค่ไหน ซึ่งเท่าที่ผ่านมาก็ยังไม่ได้มีใครมาเคลมเพื่อที่จะเรียกร้องอะไรเลย ทุกอย่างก็รันไปตามปกติ เรื่องถูกดิสเครดิต ในธุรกิจทุกอย่างมันมีการแข่งขันอยู่แล้ว ฉะนั้นเรื่องแบบนี้ก็เกิดขึ้นได้ ตัวเรามีหน้าที่แค่เรียนรู้ แก้ไข และทำให้มันถูกต้องแค่นั้นเองค่ะ”
วอนแยกประเด็นเป็นนางเอกมีความเสี่ยง บอกเป็นธุรกิจที่เลือก อย่าเอามาเกี่ยวข้องกัน ย้ำ “มะตูม” ไม่ต้องขอโทษ เพราะเป็นพาร์ตเนอร์ร่วมกัน
“มันเหมือนเป็นการตัดสินใจของเราด้วย ต้องแยกกันให้ชัดเจนว่าหน้าที่นักแสดงตรงนี้ก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง ส่วนตรงนั้นเป็นธุรกิจที่เราเลือกที่จะไปทำ ฉะนั้นอย่าเอามาเกี่ยวข้องกัน ส่วนเรื่องที่ดีเจมะตูมออกมาขอโทษทุกคนที่ชวนมาทำธุรกิจ แล้วดันมีข่าวต่างๆ อาจทำให้เสียชื่อเสียงนั้น เขาก็ห่วงใยในฐานะที่เป็นพาร์ตเนอร์ เขาชวนมาด้วยความหวังดี อยากให้ทุกอย่างมันไปในแง่ดีไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเองหรือว่าชื่อเสียงของเรา เพราะถ้าเกิดมันประสบความสำเร็จก็ดีด้วยกันทั้งหมด แต้วก็ต้องขอบคุณที่เขาออกมาขอโทษ แต่ว่าจริงๆ ไม่ต้องขอโทษก็ได้ คือเราเหมือนเป็นพาร์ตเนอร์กันก็ต้องจับมือกันไป ดีก็ดีด้วยกัน มีปัญหาก็ต้องร่วมกันแก้ไข”
ส่งสัญญาณเตือนก่อน ถ้าไม่จบจะมีเรื่องกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง
“ถามว่าได้คุยกับกลุ่มพาร์ตเนอร์มั้ย จริงๆ เรื่องนี้มันก็มีวิธีการจัดการอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเตือน หรือว่าถ้ามันยังไม่จบก็อาจจะมีเรื่องของกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย”
เดินหน้าต่อ แต่ขอดูทิศทางลม ต้องถอยและก้าวให้เป็น
“แต้วก็ยังเดินหน้าต่อนะคะ แต่ว่าก็ต้องดูทิศทางลมด้วย (หัวเราะ) ถ้าเกิดว่ามันยังเป็นกระแสที่โหมมากเราจะไปต้านกระแสสมอยู่ก็คงยาก การทำธุรกิจต้องรู้จักถอยและก้าวให้เป็นค่ะ ถามว่าคุณพ่อคุณแม่มีเป็นห่วงบ้างมั้ย เรียกว่าทุกการตัดสินใจของแต้วก็จะมาจากครอบครัวอยู่แล้ว เพราะแต้วก็ถือว่าใหม่กับประสบการณ์ในการทำธุรกิจนี้ด้วย คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้มีการเตือนอะไรเพราะทุกก้าวได้มีการปรึกษากันว่าควรไปในทิศทางไหน แต้วก็ค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเองมีที่ปรึกษาที่ดีค่ะ”
รับแม่อยากให้มาคุยกันมากกว่าโพสต์ในโซเชียลหากมีหลักฐาน ยันไม่กระทบยอดขาย
“ใช่ค่ะ การโพสต์มันก็เป็นแค่คำพูด ถ้ามีข้อติหรือมีอะไรที่อยากจะเคลม เราก็ยินดีอยู่แล้ว คือมันไม่ใช่เป็นแค่ข้อเสีย แต่มันจะทำให้เราก้าวไปสู่การปรับปรุงที่ดีขึ้น ถ้ามีหลักฐานแต้วว่าก็น่าจะเอาออกมาชี้แจงกัน ถามว่ากระทบยอดขายมั้ยก็ไม่นะคะ ธุรกิจของแต้วคือ 18+ ดำเนินมา 5 เดือน เรียกว่าเป็นระยะเวลาที่น้อยมากกับการที่ประสบความสำเร็จในระดับนี้ แต้วก็คิดว่ามันยังโตไปได้อีก ส่วนเรื่องของตัวแทนเขาเกาะกลุ่มกันมาจากผลิตภัณฑ์ตัวก่อนแล้วเพราะฉะนั้นก็ค่อนข้างจะเหนียวแน่นค่ะ”
หลงหลานมาก แต่เวลาไม่เอื้อให้ไปเล่นได้ทุกวัน
“3 เดือนแล้ว อ้วนถ้วนอุดมสมบูรณ์ ก็มีความเห่อนิดหนึ่ง ไม่ถึงขั้นว่าช่วยเลี้ยงอะไรเรียกว่าไปช่วยเล่นมาก ไปแกล้งเล่น มีเห่อกว่านี้คือคุณตาคุณยาย ขานั้นเขาจะเช้าถึงเย็นถึง แต้วจะแบบถ้าคุณตาคุณยายไปแต้วก็ตามไปด้วย เราก็อยากไปหาไปเล่นกับเขานะแต่ด้วยงานมันก็ไม่เอื้ออำนวยให้เราไปได้ทุกวัน ถ้าว่างก็อยากจะไปเล่นกับเขา”
ไม่รักเด็ก ไม่โอเคถ้าหากจะมีเป็นของตัวเอง เล่นได้แต่เลี้ยงไม่ได้
“ถามว่าอยากมีเป็นของตัวเองมั้ย (ส่ายหน้า) ดูวุ่นวายมาก ไม่โอเค เล่นได้นะให้เลี้ยงไม่ได้นะ เล่นลูกคนอื่นน่าจะสนุกกว่า พี่ต้น (อาชว์ ไหลสกุล) เองก็เคยเจอหลานแล้ว แต่เขาไม่ได้มาเล่นกับเด็กเล็กๆ เขาจะเล่นกับเด็กโตๆ หน่อย เขาจะชอบจะเล่นด้วย พี่ต้นเขาชอบเด็กมาก แต่แต้วไม่รักเด็กค่ะ ไม่ใช่คนที่เจอเด็กแล้วจะวิ่งเข้าหา ดูเป็นบางคน บางอารมณ์”
“เจอแบบนี้ก็คิดนะคะว่าจะเป็นแม่ได้มั้ย แต่ไม่ได้อะไรมาก มาถึงตอนนั้นมันก็คงจะเป็นความรู้สึกของแม่ไปเอง ไม่ใช่ว่าเห็นตอนนี้แล้วอยากจะมี จะต้องมีของตัวเอง ที่เห็นตอนนี้เห็นแต่ความวุ่นวาย ถ้าแต้วเป็นแม่ก็คงเครียดน่าดู แต่ก็ลูกของตัวเองอ่ะเนอะ แต้วว่าต้องรออีกสักระยะหนึ่ง ที่เราจะรู้สึกตัวเองว่าอยากจะมีครอบครัว อยากจะก้าวไปอีกสเต็ป เรายังต้องมีการมีงานอะไรอีกที่รับผิดชอบ”
บอกให้เปลี่ยนผ้าอ้อมยังส่ายหน้า
“ความรู้สึกระหว่างเด็กทั่วไปกับหลาน ก็ต่างนะ เพราะเราสนิทกับพี่สาวเรา แล้วนี่ก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพี่สาว เขาเป็นคนในครอบครัว แล้วเราก็อินไซต์กว่าเราก็เห็นความวุ่นวายด้วยตัวเอง เราเห็นการเปลี่ยนผ้าอ้อม ตอนเขาโวยวาย ตัวแต้วเองยังไม่เคยเปลี่ยนผ้าอ้อมให้นะ ไม่เอาอ่ะ แค่พี่ให้ดมๆ เราก็ส่ายหน้าไม่เอาล่ะ มันยังเป็นเรื่องห่างไกลเรามาก”
(ติดตามทุกข่าวสารในแวดวงบันเทิงทั้งหมดได้ที่ https://mgronline.com/entertainment)
