สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ “สวลี ผกาพันธุ์” ศิลปินแห่งชาติ ด้านคนบันเทิงร่วมไว้อาลัยและรดน้ำศพ ยอมรับเป็นความสูญเสียที่กะทันหัน ขาดเสาหลักวงการเพลง บอกเป็นตัวอย่างที่ดีแก่รุ่นลูกรุ่นหลาน เชิดชูเป็นปูชนียบุคคลระดับตำนาน
เมื่อเวลา 16.50 น. วันนี้ (2 พ.ค.) สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ผู้แทนพระองค์อัญเชิญน้ำหลวงอาบศพพระราชทานให้แก่ “สวลี ผกาพันธุ์” หรือ “นางเชอร์รี่ เศวตนันทน์” ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงไทยสากล-ขับร้อง) พุทธศักราช 2532 ณ ศาลาพระครูประจักษ์ วัดธาตุทอง ทั้งนี้เวลา 16.25 น. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ โปรดให้ “คุณหญิงเพ็ญศรี ไชยยงค์” ผู้แทนพระองค์ เชิญน้ำหลวงอาบศพแก่สวลี ผกาพันธ์ุและเชิญพวงมาลาประทานไปวางหน้าหีบศพด้วย
โดยบรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าของญาติพี่น้อง เพื่อนสนิท ศิลปินแห่งชาติ และคนวงการบันเทิง ที่มาร่วมแสดงความเสียใจเป็นจำนวนมาก อาทิ ตุ๊ก วิยะดา, เท่ห์ อุเทน, วินัย พันธุรักษ์, รุ่งฤดี แพ่งผ่องใส, ชรินทร์ นันทนาคร, สุชาติ ชวางกูร, ศรีไศล (สุชาตวุฒิ) วรานนท์, สุเทพ วงศ์กำแหง ฯลฯ รวมถึงบรรดาแฟนเพลงเข้าร่วมพิธีรดน้ำศพอย่างคับคั่ง
ซึ่ง “สุเทพ วงศ์กำแหง” ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงไทยสากล-ขับร้อง) ปี 2533 เผยว่า “ต้องเรียนไว้ตรงนี้เลยว่าผมมีความเสียใจมาก ในตอนนี้คนไทยได้ขาดบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเพราะว่าในตอนนี้จะหาคนที่มีความสามารถในการร้องเพลงจะหาใครเหมือนพี่รี่ไม่มีแล้ว สำหรับผมนั้นไม่ได้ถือว่าเขาเป็นเพื่อนนักร้องธรรมดา แต่เขาคือครูบาอาจารย์ของผม ตั้งแต่ผมเริ่มต้นร้องเพลงก็ได้พี่รี่เป็นตัวอย่างที่ดีเสมอ ทำให้ผมร้องเพลงดีขึ้น เคยได้ร่วมร้องเพลงกับพี่รี่ก็ทำให้ผมมีชื่อเสียงมากขึ้น”
“สิ่งดีๆ ต่างๆ ที่ผมได้รับจากพี่รี่ถือเป็นบุญคุณที่ยิ่งใหญ่ ด้วยความจริงใจผมเสียดายพี่รี่ รู้สึกเหมือนตอนนี้ขาดคนที่ไว้ใจและคนที่รักไปอีกคนหนึ่ง รู้สึกก็เสียใจมากครับ เสียใจแทนแฟนเพลงของเขาด้วย เพราะบทเพลงของพี่เขาทุกเพลงเป็นบทเพลงที่มีคุณค่า ทำให้คนรุ่นหลังเห็นว่าการขับร้องเพลงที่ดีนั้นเป็นอย่างไร เพราะพี่รี่เป็นคนมีความสามารถในการขับร้องเพลงที่ดีอย่างไม่มีใครเหมือน ตอนการทำงานที่นี่เป็นคนที่มีอารมณ์ขันอยู่เรื่อยๆ เป็นคนที่สามารถถ่ายทอดความรู้ความสามารถให้กับคนรุ่นหลังอยู่เรื่อยๆ”
ทางด้านนักแสดงรุ่นใหญ่ “นันทวัน เมฆใหญ่” กล่าวว่า “พอทราบข่าวก็รู้สึกตกใจ เพราะผมกับพี่รี่ถือว่าเป็นเพื่อนบ้านกัน เราก็มักไปไหนมาไหนด้วยกันอยู่เสมอหากมีโอกาส พอทราบข่าวเรารู้สึกก็ช็อก เพราะว่านับเป็นข่าวที่กะทันหันมาก เราได้ข่าวว่าตอนเกิดเหตุพี่รี่กำลังทานยาและคิดว่าเขาคงทานยาปริมาณมาก ก็คงจะติดคอแล้วสำลัก กว่าที่คนรอบตัวจะได้ยินเสียงนั้นก็ไม่ทันแล้ว รู้สึกเสียใจเพราะเราก็ผูกพันกัน ไว้ใจ ไม่สามารถที่จะบรรยายความเสียใจออกมาเป็นคำพูดได้ เป็นความสูญเสียที่กะทันหันเกินไป แต่ก็ต้องยอมรับ”
“แต่สิ่งหนึ่งที่พี่รี่มีความประสงค์อยู่เสมอนั่นคือต้องการจะจากไปโดยไม่ทำให้ใครเดือดร้อน พี่รี่ไม่กลัวตาย แต่ไม่อยากให้พี่น้องลำบาก ซึ่งก็ถือว่าเขาประสบตามที่เขาได้ภาวนาเอาไว้ ซึ่งถือว่าการเสียชีวิตของเขาขาดเสาหลักในวงการเพลง พี่รี่เป็นปูชณียบุคคลของวงการเพลง และเป็นต้นแบบที่ดีของน้องๆ รุ่นหลัง สามารถถ่ายทอดเรื่องราวอันเป็นประโยชน์ให้แก่น้องๆ รุ่นหลังได้เป็นอย่างดี”
“พี่รี่ชอบสอนหวังดีกับน้อง และเป็นผู้ที่มีระเบียบวินัยในการทำงานอย่างสูง ถือเป็นนักร้องที่ครบเครื่องมีทั้งความสามารถทั้งนิสัยที่ดีและเป็นต้นแบบที่ดีให้น้องเสมอ และพยายามทำให้วงการเพลงลูกกรุงสืบสานต่อไปได้”
ส่วนทางด้าน “นายชรินทร์ นันทนาคร” ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงไทยสากล-ขับร้อง) ปี 2541 กล่าวว่า รู้สึกเสียดายที่ต้องเสียบุคคลสำคัญที่มีประโยชน์ต่อสังคม ครูสวลี ถือว่าเป็นครูเพลงในตำนาน มีความเมตตาอารีสั่งสอนดูแลรุ่นน้องที่ก้าวเข้ามาในวงการบันเทิงในยุค 2532 แม้ว่าตอนนั้นครูสวลี จะเป็นนางเอกที่มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ก็ไม่เคยถือตัว และเมื่อเช้านี้เพื่อนได้โทรศัพท์มาแจ้งว่าครูสวลีเสียชีวิต ตนยังไม่เชื่อ เพราะเมื่อต้นปี 2561 ครูไม่มีอาการเจ็บป่วยใดๆ แต่หลังจากนี้จะเก็บความรู้สึกดีๆ และคำสอนของครูไว้ในใจตลอดไป
ส่วนศิลปินรุ่นน้องอย่าง “ต้น สุชาติ ชวางกูร” ก็เผยว่า ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่น่ารัก ท่านจะสอนน้องๆ เรื่องร้องเพลงไม่ให้ร้องเพี้ยน ท่านเป็นพี่ที่น่ารักมากครับ ตอนที่ทราบข่าวก็ตกใจ ไม่อยากเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ก็เช็กข่าวจากหลายทางเลย ทั้งเฟซบุ๊ก ทั้งเว็บข่าว พอรู้ว่าเป็นเรื่องจริงก็เสียใจ ก็อยากจะบอกท่านว่าพวกเราทุกคนรักท่าน ท่านเป็นปูชนียบุคคลที่เป็นต้นแบบในการร้องเพลงให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้สืบสานกันต่อไป เพลงที่ท่านร้องสุดยอดยอดจริงๆ แต่ท่านไปสบายมาก ไม่ต้องเจ็บ ไม่ต้องป่วย ไม่มีสายระโยงระยางใดๆ ทั้งสิ้น ตอนนี้ก็ยังทำใจไม่ได้หรอก มันกะทันหันเกินไป แต่ท่านก็จะอยู่ในใจพวกเราตลอดไปครับ
ทั้งนี้จะมีกำหนดสวดพระอภิธรรมศพระหว่างวันที่ 3 - 8 พ.ค. เวลา 19.00 น. ณ ศาลาพระครูประจักษ์ วัดธาตุทอง กรุงเทพฯ จากนั้นจะเก็บศพไว้บำเพ็ญกุศล 100 วัน และ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) จะดำเนินการขอพระราชทานเพลิงศพต่อไป
