“หลุยส์ สก็อต” ขำๆ เรื่องแต่งงานกลายเป็นวาระแห่งชาติ วอนแฟนคลับตีโจทย์ให้แตก “นุ่น รมิดา” บอกอยู่ก่อนแต่งเพราะเป็นเจนฯ ใหม่แล้ว ไม่ได้อยู่ในละครบุพเพฯ แจงไม่ได้แพลนเรื่องแต่งงานตั้งแต่แรก แต่ถ้านุ่นพร้อมแต่งก็ให้บอก ขอโทษทำแฟนคลับเสียความรู้สึก ชิ่งกลับก่อนในงานบอลช่อง 3 ยันบาดเจ็บและไม่อยากเห็นแก่ตัว
ทำเอาฮือฮาเลยทีเดียว หลังจากที่ “นุ่น รมิดา ประภาสโนบล” ออกมายอมรับตรงๆ ว่าอยู่ก่อนแต่ง “หลุยส์ สก็อต” อีกฝ่ายแซบมาก เป็นคนที่คู่ควร ซึ่งทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตามมาเรื่องความเหมาะสม ล่าสุดหนุ่มหลุยส์ก็ขอชี้แจงประเด็นดังกล่าวในงานแถลงข่าว “โพรเทคส์ ฟอร์ เมน ไอซ์ ช็อค...ระเบิดพลังความเย็นสะใจ” ลานกิจกรรมด้านหน้าอาคารซีพี ทาวเวอร์ ถนนสีลม วอนทุกฝ่ายตีโจทย์ให้แตก
“ที่เขาบอกว่าอยู่ก่อนแต่งหรือแต่งก่อนอยู่ คือไม่ใช่ว่าอยู่กินกันแบบสามีภรรยา เราต้องตีโจทย์ให้มันถูกต้องก่อน อีกอย่างมันเป็นเจนเนอเรชั่นใหม่แล้ว มันอยู่ในยุคใหม่ มันไม่ได้อยู่ในบุพเพสันนิวาส เรามีความเข้าใจกัน และเรามีกฎของดาราอยู่แล้ว”
“ก็ไม่ซีเรียสกับกระแสครับ ผมว่าแต่ละคนเขาก็มีความคิดของเขาเอง และมีขอบเขตของเขาเองด้วย บางคนเขาอาจดูว่าไม่เหมาะสม หรือบางคนก็อาจจะมองว่าเป็นเรื่องโอเค เพราะมีกันเยอะที่เขาก็เป็นแบบนี้ ผมว่าก็มีกลุ่มที่เข้าใจ แต่สำหรับเราแฮปปี้กับแบบนี้นะครับ”
บอกข่าวถูกปรุงรสให้แซบกว่าเดิม ไม่โทษนุ่น อายุเยอะ มีความรับผิดชอบแล้ว
“ผมว่ามันมีกระแสข่าวด้วยที่มันเพิ่มเติมบวกกันไป ใส่ไข่กันไป ปรุงรสให้มันแซ่บขึ้นกว่าเดิม ซึ่งผมก็โทษเขาไม่ได้ เพราะเวลาเราไปเที่ยวไหนเราก็ไปด้วยกัน มันเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ความจริงเราก็อายุเยอะกันหมดแล้วล่ะ (หัวเราะ) และเราก็มีความรับผิดชอบของเราเอง เราก็มีขอบเขตอย่างที่ผมบอก เขาก็ยังสามารถไปไหนมาไหน เขาก็ยังอยู่คอนโดของเขาเอง เป็นการคบกันในความสัมพันธ์แบบปัจจุบันครับ ไม่ได้ตีกรอบให้กันและกันครับ”
“แพลนปีนี้ยังนะครับ ก็พยายามจะคุยกับเขา และลองดูว่าเราจะตกลงกันได้ปีไหน ช่วงไหน เข้าฉากแต่งงานมาเยอะ มีแต่คนส่งรูปภาพมาให้ครับ แล้วก็มาแซวๆ กันมากกว่า ส่วนที่บอกว่าขอแต่งไปแล้ว อย่างที่ผมบอกไปว่ามันเป็นความรู้สึกที่ดีของผมในจุดๆ หนึ่งกับเขา และผมอยากที่จะให้เขารู้ว่าเรารู้สึกยังไงกับเขา และมีของขวัญให้เขาอันนั้นมันแน่นอนเป็นเรื่องปกติที่ผมอยากจะแสดงความรักให้เขา”
อยากมีลูก และนุ่นต้องเป็นฝ่ายบอกว่าพร้อม สงสารฝ่ายหญิงต้องแบกภาระ
“ก็อยากจะมีครับ แต่เราคิดว่าเราทำหน้าที่นั้นได้ดีหรือยังล่ะ ถ้าคิดว่าทำได้เราก็โอเค เราก็ต้องคุยกันทั้งคู่ เพราะมันไม่ใช่แค่ผม เพราะเอาจริงๆ ผู้หญิงจะเหนืื่อยกว่าผู้ชายด้วยซ้ำ เขาต้องแบกภาระนั้น ถ้าเขาคิดว่าเขาพร้อมเราค่อยคุยกัน เขาต้องเป็นคนบอกเราว่าพร้อมแล้วนะ”
ไม่มีแพลนแต่งงานตั้งแต่แรก จริงจังเมื่อไหร่ค่อยกลับมาคุยกัน
“งานแต่งไม่ใช่เลื่อนครับ แต่ยังไม่มีแพลนตั้งแต่แรก เพราะเราคุยกันยังไม่มีน้ำหนักว่าจะแต่งเมื่อไหร่ ปีไหน ยังไง ถ้ามีน้ำหนักมันก็ต้องมีแพลน แต่ถ้าเรายังคุยกันเล่นๆ ยังเป็นการแซวกันอยู่ ก็เลยคิดว่าถ้าเราเอาจริงกันเมื่อไหร่เราค่อยมาคุยกันจริงๆ จังๆ”
“เรื่องอยากมีลูกก่อนแต่งก็ไม่นะ แต่ผมก็ไม่ได้บล็อกไอเดียนั้น มันไม่มีแพลนจริงๆ คือถ้ามีเราก็โอเคได้แน่นอนอยู่แล้ว และถ้าเราอยากจะแต่งมันแค่คุยตกลงกับเขาเท่านั้นเอง ว่าอยากจะแต่งก่อนหรืออยากที่จะมีก่อน”
ขำๆ การแต่งงานของตนเป็นวาระแห่งชาติ
“เริ่มรู้สึกนิดๆ ครับ (ยิ้ม) แต่ก็ไม่ได้กดดันนะครับ แต่คือเราตอบไปบ้างแล้ว แต่มันก็ยังวนกลับมาที่เดิม คำตอบของเราคงยังไม่เป็นคำตอบที่เขาต้องการ”
“เรื่องคุยกับครอบครัวนุ่น แน่นอนผมต้องได้คุยกับเขาอยู่แล้วครับ เพราะเราเองก็รับผิดชอบ ก็คุยกับเขาครับ แต่ถามว่าผู้ใหญ่ซีเรียสมั้ยว่าจะมีลูกก่อน จริงๆ เราก็ไม่ได้คุยไปถึงขนาดนั้น แต่เขาก็พูดว่าฝากดูแลน้องด้วย อันนั้นแน่นอนครับ”
แจงดรามาปล่อยแฟนๆ รอเก้อ เพราะชิ่งกลับก่อนในงานบอลช่อง 3 ยันอยากให้ทุกคนสนุก ไม่อยากเห็นแก่ตัวต้องให้ทุกคนมาส่งที่ลานจอดรถ
“เรื่องนั้นผมก็ต้องขอโทษทุกคน ซึ่งผมก็ขอโทษไปแล้ว ผมเจ็บตั้งแต่ก่อน 5 นาทีแรกแล้ว ตอนที่เจ็บผมก็คะยั้นคะยอเพื่อที่จะให้วิ่งต่อให้ได้ อย่างน้อยลงแล้วก็ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และตอนที่เราจะต้องไปแต่งตัวเพื่อที่จะขึ้นรถโชว์ช่วงบุพเพสันนิวาส ผมพยายามออกก่อนเวลา 20 นาทีที่เขามีจังหวะให้เราออก เราก็บอกทีมงานว่าขอลงก่อน เพราะเริ่มไม่ไหวแล้ว เริ่มเจ็บ เขาก็บอกว่าลงต่ออีกแป๊บหนึ่ง สุดท้ายมันเจ็บมากจริงๆ”
“เรื่องแฟนๆ รออันนั้นไม่ได้ทราบ จนกลับไปแล้วครับ ผมก็เลยส่งข้อความขอโทษทุกคนว่าเราไม่ได้ตั้งใจให้ออกมาเป็นแบบนี้ ผมก็ไม่รู้ว่าจะแจ้งเขายังไง จะรอจนสุดท้ายหรือจะแจ้งเขาว่าเราบาดเจ็บ เพราะผมออกก่อนเกมจะเลิกนานอยู่เหมือนกัน ถ้าเราบอกให้เขาออกมาโดยที่เขาอาจจะดูบอลอยู่ หรือเขาอาจจะกำลังสนุกอยู่ ผมก็ไม่อยากไปบอกว่าให้ออกมาได้แล้ว จะกลับแล้วนะ มาส่งผมขึ้นรถ คือผมว่าอันนั้นมันเห็นแก่ตัวไปนะถ้าเราบอกเขาแบบนั้น ถ้าเขาสนุกอยู่ผมก็ไม่อยากยุ่ง แต่ผมก็ส่งข้อความไปแล้วว่าขอโทษนะ ต้องกลับแล้วล่ะ”
“ไม่รู้เขาจะเสียความรู้สึกมั้ย ถ้าเขาเสียความรู้สึกไปตอนนั้น มันเป็นความรู้สึกที่เข้าใจผิดกัน ผมไม่ได้อยากให้มันออกมาเป็นแบบนั้น ผมยังอยากให้เขาสนุกกันต่อ เพราะเราก็ไม่ได้ไปเชียร์เราคนเดียว ยังมีคนอื่นๆ ที่เขาชอบอยู่เหมือนกัน เขาก็อยากที่จะไปเชียร์คนอื่นด้วย แต่ไม่ใช่ว่าให้ออกมาเพื่อที่จะไปส่งผมขึ้นรถ สำหรับผมคิดว่ามันเห็นแก่ตัวนะ”