“แอนนี่ บรู๊ค” บอกค่าเทอมแพง ค่าแรงต่ำ ทิ้งงานเมืองนอกไม่ได้ ช็อกคำตอบ “น้องฑีฆายุ” ไม่แคร์แม้ไม่มีพ่อ เพราะไม่ได้อยู่ในชีิวิตเราแล้ว เลื่อนผ่านข่าวทวงคืนความเป็นธรรมให้ “ฟิล์ม” เชื่ออีกฝ่ายก็เหนื่อยพอกัน ยัน 8 ปีที่ผ่านมาไม่เคยพาดพิง เผยโสด เจอผู้ชายหล่อให้ตายแต่เบียดเบียนก็ไม่เอาแล้ว
แม้จะมีข่าวออกมาสะกิดความรู้สึกบ้างกรณีถูกชาวเน็ตทวงคืนความเป็นธรรมให้ “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” เรื่องมหากาพย์ลูกใครหว่าที่ทำเอาแทบหมดอนาคต ล่าสุด “แอนนี่ บรู๊ค” ก็เผยระหว่างมาร่วมงานโกดังมหาสนุก by Joker Variety ณ สตูดิโอมนตรี ลาดพร้าว 101 แค่เห็นข่าวก็เลื่อนผ่านแล้ว อัปเดต “น้องฑีฆายุ” ฉลาดและขี้อ้อน จนไม่อยากไปทำงานที่เมืองนอก แต่ก็ทิ้งไม่ได้เพราะค่าเทอมแพง ค่าแรงต่ำ
“ตอนนี้จะ 8 ขวบแล้วค่ะ ค่อนข้างจะฉลาดเลยทีเดียว ตัวสูงประมาณเกือบ 140 แล้วค่ะ ช่างพูด ช่างจา ขี้อ้อน ทำให้แม่ไม่อยากจะบินไปไหนแล้วเนี่ย อยากจะหางานในเมืองไทยทำแล้ว ตอนนี้ก็เริ่มมีแล้วค่ะ ทำอาหารเสริมของตัวเองด้วย ก็ค่อยๆ ทำไป แล้วก็มีงานพรีเซ็นเตอร์บ้าง ถ่ายภาพนิ่งบ้าง ส่วนงานต่างประเทศอันนั้นเราไปเมื่อไหร่ก็ได้ค่ะ เพราะมันไม่ได้ประจำอยู่แล้ว บางที่อาจจะไปประจำ เพราะได้ไป Work Permit ไป 3-6 เดือน ถ้าสมมติว่าเศรษฐกิจมันไม่ดีเราก็ต้องหาลู่ทาง เพราะว่าค่าเทอมแพง ค่าแรงต่ำนะ (หัวเราะ) ก็ต้องหาเงินคนเดียว แอนดูแลคนหลายชีวิตเหมือนกันค่ะ มันก็ต้องขยันเพราะว่าหาอยู่คนเดียว ถ้าสมมติว่างานที่นี่ไม่พอก็ต้องไปทำที่โน่นทำที่นี่ ได้มาก็เก็บไว้ ไม่ค่อยได้กินเท่าไหร่ ก็รับงานแทบจะทั้งกลางวัน กลางคืนเลย แทบจะไม่ค่อยได้นอนนะ 3 - 4 ปีมานี้นอนน้อยมาก ก็ทรุดโทรมลงนิด หน่อย เหนื่อยมากกว่า”
รับมีแต่เด็กเข้ามาจีบ มาแล้วเบียดเบียน ขอเงิน ไม่เอา หล่อให้ตายก็ไม่เอา
“มันไม่มีน่ะสิ (หัวเราะ) ก็มีเข้ามานะ แต่ส่วนมากจะเด็กกว่า แล้วแอนไม่ค่อยชอบ เพราะพูดจาไม่รู้เรื่อง แรกๆ ก็เหมือนจะเข้าใจดี จริงๆ เด็กกว่าไม่เป็นไรหรอกถ้ามาช่วยกันทำมาหากิน แต่ถ้าเด็กกว่าแล้วมาขอตังค์เรา หรือมาเบียดเบียนก็ไม่เอา จะหล่อให้ตายแค่ไหนก็ไม่เอา”
“ก็ค่อนข้างกลัวค่ะ อีกอย่างคือรอคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่า แต่มันไม่มี ก็รอๆ ไปก่อน เราไม่ได้สรรหา ไม่ได้ออกไปเที่ยวเยอะๆ เพื่อจะเจอใคร ถ้าทำงานแล้วไปไหนๆ ได้เจอก็ให้เป็นเรื่องของโชคชะตาไป ก่อนหน้านี้ก็มีเด็กๆ มาจีบ มาๆ ไปๆ ถ้าคบไปแล้วแอนรู้สึกว่าเขากำลังจะมาเบียดเบียนเรา หรือคบไปแล้วชีวิตเราแย่ลง ก็จะรีบบอกเลิกเลย คนคุยๆ ตอนนี้ก็มี แต่รอดูก่อนว่าเป็นคนดีมั้ย ยังไม่ให้เจอลูกจนกว่าเราจะมั่นใจ แต่ตอนนี้หัวใจก็ยังว่างนะคะ (หัวเราะ) ก็คนไทยนี่แหละค่ะ ก็คุยๆ ไปก่อน ขอเวลาดูอีกนิด ถ้าไม่ใช่ก็รีบตัด”
แค่เห็นข่าวเรียกร้องความยุติธรรมให้ “ฟิล์ม รัฐภูมิ” ก็เลื่อนผ่านแล้ว 8 ปีที่ผ่านมาไม่เคยพาดพิง
“อยากจะบอกเลยว่าไม่ได้ดูข่าวพวกนี้เลย เห็นปั๊บรีบเลื่อนผ่านเลย เพราะคิดว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับเรา แม้ว่ามันมีพาดพิงถึงเรา แต่ตลอด 8 ปีที่ผ่านมาที่เลี้ยงดูน้องฑีมา ไม่เคยไปยุ่งและไม่เคยพูดถึง ไม่เคยพาดพิงและไม่เคยไปเกี่ยวด้วย เพราะฉะนั้นถ้าจะมีกระทู้ขึ้นมามันก็เป็นเรื่องของคนๆ นั้น มันไม่เกี่ยวกับแอนแล้ว ถามว่ากระทบจิตใจมั้ย ชินชาได้แล้วมั้ย เพราะว่าหนักกว่านั้นก็เจอมาแล้ว มันเลยจุดนั้นมาแล้ว เลยมาเยอะแล้ว (หัวเราะ)”
“แอนไม่รู้นะเพราะไม่ได้อ่าน เลยไม่รู้ว่าเรื่องมันใหญ่หรือมันเล็กหรือรู้สึกอะไรมากแค่ไหน หรือเขาตอบเขาคุยอะไรกับสื่อ อย่างที่บอกว่าเลื่อนผ่านจริงๆ ไม่ได้อ่าน ไม่ได้ดูเลยจริงๆ คนใกล้ตัวส่วนมากถ้าเกิดมีข่าวหรืออะไร ถ้าเป็นรูปน้องฑีก็จะบอกแค่ว่ารูปน่ารักจังเลยแค่นั้นจบ แต่ถ้าเกิดเป็นข่าวแบบนี้ก็มารู้ทีหลังจริงๆ เลยค่ะ ก็ไม่มีใครมาซ้ำเติมหรือมาพูดให้เราไม่สบายใจ คนรอบข้างเราส่วนใหญ่เขาจะรักเรา เราก็แคร์คนที่รักเราดีกว่า คนที่เขาไม่ได้รักเราหรือพยายามจะทำลายกำลังใจของเราด้วยการเอาข่าวมาพูด คือรอบๆ ตัวแอนไม่มีคนแบบนี้อยู่ด้วย แอนตัดไปตั้งนานแล้ว อย่างที่สื่อก็รู้อยู่แล้วว่าแอนไม่เคยพาดพิง ไม่เคยพูดถึง เวลาเห็นข่าวก็เลื่อนผ่านจริงๆ ทีวีเดี๋ยวนี้ก็เปิดเสียงไว้เป็นแบ็กกราวน์ให้มันไม่เหงา เพราะฉะนั้นมีใครขึ้นมาบนทีวีเราก็ไม่รู้หรอก เพราะดูลูกอยู่ ดูโซเชียลโน่นนี่ ถามว่าเข้มแข็งมั้ย ก็ที่สุดของที่สุดแล้วที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะทำให้ชีวิตตัวเองและคนรอบข้างที่อยู่ในชีวิตแอน”
ช็อกคำตอบ “น้องฑีฆายุ” ไม่แคร์ แม้ไม่มีพ่อ เพราะไม่ได้มาอยู่ในชีวิตของเรา
“ก็คุยกันตรงๆ เพราะเขาโตแล้ว ก็บอกเขาว่าเขาไม่ได้อยู่ในชีวิตของเรา น้องแคร์มั้ย เขาก็บอกว่าใช่ครับ เขาไม่ได้อยู่ในชีวิตของเรามาตั้งแต่แรกแล้ว ผมไม่แคร์ครับ ไม่แคร์ก็คือจบ ด้วยความที่เขาเรียนโรงเรียนนานาชาติด้วย แต่ไม่ได้แปลว่าเขาหัวสูงนะคะ ก็ยังให้เขามีความเป็นไทยอยู่ ยังนอบน้อมอยู่ แต่คำว่าไม่แคร์ของเขาคือในเมื่อเราเลี้ยงเขาอยู่ เราดูแลเขาอย่างเต็มที่ รอบข้างลุงๆ ป้าๆ ที่บ้านก็ให้ความรักเขาอย่างเต็มที่ เราก็เลยคุยกับที่บ้านว่าในเมื่อโตแล้วก็พูดไปเลยแล้วกันว่าแคร์มั้ยที่จะมีหรือไม่มี เขาบอกว่าในเมื่อครอบครัวของเรามีแค่นี้ ทำไมต้องแคร์ เขาพูดเป็นผู้ใหญ่มาก ช็อกเหมือนกันว่าลูกเรามีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าอายุเขา แล้วเขาก็ไม่เคยถามถึงเรื่องนี้อีกเลย คือมันไม่อยู่ในสมองเขาค่ะ”
“ไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรนะ ไม่ทราบว่าอะไรเกิดขึ้น พอทุกวันนี้เราไม่ได้เสพสื่อ เราเลื่อนผ่านไปซะ ใครจะหยิบมันขึ้นมาก็ให้เป็นเรื่องของเขาไป เราไม่พูด ไม่ต้องไปตอบโต้ อยู่เฉยๆ ของเรานิ่งๆ เงียบๆ ตั้งใจทำมาหากิน ไม่ไปเบียดเบียนใครก็พอแล้ว ก็เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ไม่พูด ไม่ตอบโต้อะไรทั้งสิ้น ที่สำคัญไม่ได้เห็น ไม่ได้อ่านด้วยค่ะ”
เข้าใจ “ฟิล์ม” ต้องตอบคำถามเป็นเรื่องปกติ เชื่อที่ผ่านมาคงเหนื่อยเหมือนกัน
“ไม่เป็นไรค่ะ วงการอย่างนี้มันก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว นักข่าวถามเขาก็ต้องตอบเป็นเรื่องปกติ แอนเข้าใจ แอนไม่ได้ซีเรียสอะไรเลย เห็นเขาทำงาน เขาก็มีภาระหน้าที่ของเขา เขาก็มีพ่อแม่ต้องดูแล แอนก็มีลูกต้องดูแล ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างทำงานไป เท่าที่เป็นอยู่มันก็ดีอยู่แล้ว เขาก็น่าจะมีชีวิตที่โอเค ก็คงจะเหนื่อยๆ พอๆ กันกับแอนนั่นแหละ”
“ส่วนน้องตอนแรกช็อกที่เขาตอบมาแบบนั้น แต่ดีใจที่สิ่งที่เราปลูกฝังหรือพยายามให้เขามาตลอดเกือบ 8 ปีมันสัมฤทธิ์ผลในวันที่เขาโตขึ้นมา และเขาโตมาอย่างแข็งแรงจริงๆ อย่างที่เราคิดไว้ โดยที่เราไม่ต้องพยายามป้อนข้อมูลโน่นนี่ ตอบแค่นี้แม่ก็สบายใจ ทำงานต่อได้ค่ะ