“อาร์ต พศุตม์” รับเรียก 1 ล้านเล่นหนังเลิฟสกอร์ แต่ถูกต่อค่าตัวเหลือ 8 แสน สัญญาก็มีปัญหา ล่าสุดให้เงินมาแค่แสนเดียว เผยไลน์ถามก็ไม่อ่านไม่ตอบ ก่อนเคลียร์เจ้าของค่ายหนังจะจะกลางรายการ ยันไม่ได้อาฆาต อยู่ดีๆ โดนตัดจากหนังเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี
จากกรณีที่นักแสดงหนุ่ม “อาร์ต พศุตม์ บานแย้ม” ออกมาแหกค่ายหนัง “เลิฟสกอร์” โดยเผยว่าถูกต่อค่าตัวจาก 8 แสนเหลือแค่ 2 แสน จนกลายเป็นข่าวสะเทือนวงการ และอยู่ดีๆ ก็ตัดบทตนทิ้งซะดื้อๆ ทั้งที่ยังถ่ายไม่จบ ล่าสุดโหนกระแส วันที่ 28 ธ.ค. ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์ - พฤหัสบดี เวลา 20.30 - 21.00 น. ทางช่อง 28 ก็ได้เชิญอาร์ตมาพูดคุยเปิดใจถึงประเด็นดังกล่าว
“พี่หนุ่มเคยเห็นผมด่าจริงจังแบบนี้กี่คน ถ้าด่าเล่นๆ มีเยอะ ด่าเสียหายแทบจะไม่มี ผมเล่นหนังเรื่องเลิฟสกอร์ รักเก็บแต้ม อันนี้ต้องขอโทษน้องพลอยชมพู กับน้องตูมตาม ยุทธนาก่อน ไม่ได้ออกมาดิสเครดิตไม่ให้ใครไปดูหนังเรื่องนี้นะ หนังเรื่องนี้จริงๆ มีเนื้อเรื่องดี แต่ด้วยเจ้าของหนังไม่โอเค”
"ผมไม่กลัวเขาฟ้องครับ เพราะสิ่งที่ผมทำ ให้ผมพูดวันนี้อีก 10 ปีข้างหน้าผมก็พูดเหมือนกัน เพราะผมพูดเรื่องจริงถ้าจะฟ้องก็ได้เลยครับ อยากฟ้องก็ฟ้อง แต่ผมก็มีทุกอย่างหมดของผมเหมือนกัน”
บอกผู้กำกับติดต่อให้เล่นหนัง 13 คิวเรียก 1 ล้าน โดนต่อค่าตัวเหลือ 8 แสน
“มีพี่คนหนึ่งติดต่อมาติดต่อว่าให้มาเล่นเรื่องนี้ วันนั้นทำบุญอยู่ จ.กระบี่ ถ้าจำไม่ผิดนะ ก็โทร.มารับเล่นหนังมั้ยก็รับครับ ใช้ทั้งหมด 13 คิวตอนแรกผมเรียกไป 1 ล้านด้วยซ้ำ รู้สึกว่าคิวที่แน่จริงผมไม่แน่ใจ แต่รู้สึกถ่าย 8 คิว ผู้กำกับเป็นคนติดต่อผมมาครับ ส่วนเขาเป็นอะไรกับเจ้าของหนัง อันนี้ในเบื้องต้นผมไม่รู้”
“ผมเรียก 1 ล้าน 13 คิว เขาก็ต่อผมมาเหลือ 8 แสน ผู้กำกับต่อหลังจากนั้นประมาณครึ่งชม. เขาอาจไปคุยกับใครก่อนผมไม่แน่ใจ ผมบอกก็ได้นะ เหลือ 8 แสน ผมก็โอเค ผมตีเฉลี่ยแล้ว คิวประมาณเจ็ดแปดหมื่นต่อวันก็โอเค แล้วมีการโปรโมต 5 คิว มันไม่ได้ใช้ทั้งวัน ใช้ทั้งวันจริงๆ แค่ 8 วันถูกมั้ยครับ ก็รับเล่น ก็มีการนัดเจอกัน กับเจ้าของหนัง ก็นัดเจอที่คริสตัลปาร์ค สตาร์บั๊ก มีผู้กำกับ แม่เขา เจ้าของหนัง ร่างสัญญามาให้ผมแผ่นหนึ่ง ผมก็คิดว่าสัญญาทำไมเป็นแพทเทิร์น มันมีอะไรไม่รู้จุ๊กจิ๊กๆ ผมอ่านแล้วไม่โอเค งั้นผมขอใช้สัญญาเดียวกับแกรมมี่ได้มั้ย สัญญาเดียวกับน้องตูมตาม น้องพลอย ให้เหมือนกัน"
"ก็หายไป สักพักหนึ่งวันเปิดกล้อง 30 - 40 เปอร์เซ็นต์ ข้อตกลงในสัญญาจ่าย ประมาณสองแสนกว่าบาท วันบวงสรวงจริงๆ ต้องจ่ายให้ผมงวดแรก 30 เปอร์เซ็นต์ วันบวงสรวงไม่จ่าย ไม่จ่ายก็ไม่เป็นไร โอเค คิวแรกก็ไปถ่ายให้ เปิดกล้องเลย ถ่ายเสร็จปุ๊บ เดี๋ยวคิวสองพี่จ่ายให้นะ ผู้กำกับเป็นคนพูด คิวสองถ่ายจบ สี่โมงห้าโมงเย็น อาร์ตๆ เดี๋ยวไปคุยกับเจ้าของหนังหน่อย ก็ไปนั่งคุยในมุมเงียบๆ เขาบอกว่าพี่อาร์ตครับ เดี๋ยวผมขอเป็นเดือนหน้าได้มั้ย คือ อีก 9 วันก็สิ้นเดือน แต่เขาขอไปจ่ายสิ้นเดือนถัดไปอีกเดือนหนึ่ง เป็นอีก 39 วัน ซึ่งผมไม่โอเค นี่คืองวดแรก ผมบอกว่าไม่ได้หรอก ผู้จัดการพี่ไม่ยอมแน่ พี่ขอสิ้นเดือนนี้แล้วกัน ซึ่งอีก 9 วัน เขาก็บอกว่าครับๆ เดี๋ยวจะรีบให้ แล้วก็หายไปเลย ซึ่งเกินวันสิ้นเดือน ผมก็ถามว่าตกลงจะยังไง ก็ไม่อ่านไลน์ ไม่อ่านสองอาทิตย์ สามอาทิตย์ ที่เขาไปออกข่าวว่าเขาติดต่อผมไม่ได้ ผมเจอตัวยากมั้ยอ่ะ ไม่ยากนะ เบอร์ผมมี ไลน์มี”
“ผมก็ถามทางผู้กำกับว่าจะยังไงต่อ เพราะเขาคุยกับผมว่าทางผู้กำกับสั่งไม่ให้พูดอะไร ทางผู้กำกับก็บอกว่าเขาจะไปเคลียร์ฝั่งนี้ให้ คือต่างฝ่ายต่างโยนให้กัน แต่ผมเป็นคนแปลกอย่างหนึ่ง ถ้ามีอะไรให้คุยกัน ผมโอเคกว่า แต่ทางเจ้าของหนังไม่คุย ไม่ตอบ ไม่อือ ไม่แอะ เลือกวิธีหายไปเลย นี่ถ่ายไปสองคิวแล้วนะครับ คิวแรกไม่ให้ คิวสองก็ไม่ให้ นั่งคุยกันคิวสองแล้ว คิวแรกไปเสร็จผมก็กลับเลย เพราะไม่ให้ก็ไม่เป็นไร ผมไม่เกเร งานถ่ายเสร็จก็กลับ คิวสองก็ถ่ายเสร็จ คุยกันถึงกลับ คือในบทตัวละครเป็นบทที่ค่อนข้างน่าสนใจ จากครูที่เข้าใจผิดว่ามีอะไรกับนักเรียน แต่จริงๆ ไม่ใช่ ครูคนนี้กำลังช่วยเด็กคนนี้อยู่ โดยที่คนอื่นมาฟังแล้วเข้าใจผิดว่าครูคนนี้เคลมเด็ก แต่ไม่ใช่ ครูกำลังหาทุนให้เด็กคนนี้ แต่ด้วยคำพูดในบท เลยทำให้ตัวละครตัวนี้มีมิติ ผมเลยเล่น แต่กลับกลายเป็นว่าจาก 8 คิว เหลือ 3 จากค่าตัว 8 แสนขอเหลือ 2 แสน เจ้าของหนังมาบอกผม ตอนต่อรองล่าสุดให้ใครมาคุยก็ไม่รู้ ชื่อโก”
บอกคู่กรณีติดต่อมาอีกครั้งตอนที่ตนไปขี่มอเตอร์ไซค์รับส่งประชาชนที่สนามหลวง
“เขากลับมาตอนที่ผมกำลังจะไปขับมอเตอร์ไซค์ขี่รับส่งประชาชนเดือนต.ค. ก่อนหน้านั้นหายไปสี่เดือน ผมก็ยังคุยกับน้องตูมตามเลย ว่าน้องยังถ่ายอยู่เปล่า น้องบอกว่ายังถ่าย เรื่องเงินเขาสองคนคงไม่มีปัญหาเพราะเขามีสัญญาแกรมมี่ อย่างที่บอกว่า เขาเซ็นสัญญามา 7 แสน จากค่าตัว 8 แสน อ้าว ตัวเลขผิด ก็กลับไปแก้สัญญา สัญญากลับมาใหม่สมมติต้องจ่ายผม 1 ส.ค. ก็เป็น 31 อ้าว ตัวเลขผิด ก็ไปแก้มาใหม่ แก้กลับมา จาก 30 เปอร์เซ็นต์ เหลือ 20 เปอร์เซ็นต์ 10 เปอร์เซ็นต์ ไปแก้มาใหม่อีก”
“เขาก็มีไลน์คุยกันบ้างครับ แต่ส่วนใหญ่จะคุยกับผู้กำกับ ว่ามันคืออะไร เป็นยังไง แล้วผมก็ได้รับเงิน 1 แสนมา จากทางผู้กำกับไปคุยกับเจ้าของหนัง บอกว่าเป็นค่าเสียเวลา ผมจะไม่รับ แต่ทางเจ้าของหนังบอกว่าเอาไปก่อน โอเค งั้นโอนมา เจ้าของหนังก็โอนให้ผู้กำกับสองแสน ถึงผม 1 แสน อีก 1 แสนมีชี้แจงอยู่ใจไอจีผม ว่าเขาเอาไปทำอะไรบ้าง เสร็จเขาก็ไปให้ข่าวว่าทำไมโอนไปสองแสนแต่ถึงอาร์ตแสนเดียว อ้าว ก็ไปดูในไลน์สิ ว่าโอนมาสองแสน แต่ผู้กำกับเอาไปทำอะไรบ้าง”
แต่ทีนี้ ปัญหาคือ ณ วันนี้ภาพยนตร์เรื่องนี้จะฉายลงโรง ต้องไม่มีคุณ?
“ต้องไม่มีนะครับ เขาไม่ได้จ่ายค่าตัวผมนะ (ถ้าวันนี้เขาเอาเงินมาให้คุณแปดแสน ถ่ายแค่ 3 คิว จบมั้ย?) ได้ วันนี้ผมบอกตรงนี้เลยว่าผมไม่ได้อาฆาตแค้นเจ้าของหนังหรือทางผู้กำกับหรือใครก็แล้วแต่ที่เกี่ยวข้อง แค่เขาออกมายอมรับผิดว่าเขาไม่ได้จ่าย แค่นั้นก็จบแล้ว สำหรับผม เรื่องเงินถ้าเขาไม่ใช้ผม ไม่จำเป็นต้องให้ผมก็ได้ แต่หนังเขาต้องไม่มีผมนะครับ เพราะในบทผมเป็นคนเดินเรื่อง ผมก็ถามน้องที่ถ่ายอยู่เขาบอกว่าบทก็เปลี่ยนไป เอาตัวนี้มาแทนตัวนั้น ตัวนั้นมาแทนตัวนี้ แล้วจะออกมาในรูปแบบไหน”
เผยมีคนโดงโกงเพียบ แม้แต่นักข่าวที่เป็นพีอาร์ก็โดนเขี่ยออก
“ใช่ๆ เขาบอกว่าพี่อาร์ตก็โดนเหรอ หนูถ่ายมาเป็นปียังไม่ได้เลย ทั้งทีมโดนโกงหมดเลย ถ้าเขาไม่ได้ทำคนอื่นจะมีแบบนี้มั้ย นักข่าวบางคนยังโดนเลย เอาไปทำพีอาร์แล้วไม่ได้ตังค์ เขี่ยออก ผมได้คุยกับเขาก็เนี่ยแหละครับ ที่มาต่อผม 2 แสน ก็ตั้งแต่ต.ค. ก็ไม่ได้คุยอีกเลย ส่งไลน์ไป ที่ส่งไปล่าสุดเพราะได้ข่าวว่าเขาติดต่อผมไม่ได้ ก็บอกเหรอ ติดต่อไม่ได้ใช่มั้ย ก็โอเค 26 เดือน 12 ยังไม่อ่านผมเลยนะ ก็เป็นแบบเนี้ย ไม่อ่าน ไม่อือ ไม่แอะ แล้วมาบอกว่าคุยกับผมแล้วผมมีอารมณ์ ผมว่าผมคุยกับคนดีมากนะ”
หนุ่ม กรรชัยสายตรง “ม็อบ ภูมเดชา” เจ้าของค่ายหนังสดๆ กลางรายการ เจ้าตัวก็ยอมรับว่าติดต่อผ่านคนกลางทั้งหมด
ม็อบ : “ก็ต้องบอกก่อนว่าตั้งแต่เริ่มต้นมา ขั้นตอนการติดต่อ ทั้งหมด จะผ่านคนกลาง เพราะผมไม่รู้ว่าวงการบันเทิงเขามีวิธีหรือขั้นตอนยังไง ผมไม่ได้ให้ผู้กำกับไปคุยครับ จริงๆ แล้วนักแสดงที่มีการเลือกมาเป็นพระเอกนางเอก คือตูมตามกับพลอย แต่ทราบว่าคุณอาร์ตเล่นครับ”
“เรื่องสัญญาในตอนแรกมีการทำ แต่ทางคุณอาร์ตเขาบอกว่าอยากให้ปรับเปลี่ยนสัญญา ผมก็ให้คนกลางคือผู้กำกับเป็นคนร่างสัญญาตรงนี้ขึ้นมา ซึ่งหลังจากนั้นที่มีการพูดคุยเรื่องสัญญา คือตัวผมเองมาคุยกับพี่อาร์ต ก็พยายามไปดูในส่วนสัญญาก็ยังไม่มีการเซ็นสัญญาอะไรอะไรเกิดขึ้น ส่วนที่ไปเจอกันที่คริสตัล ปาร์คก่อนหน้านั้นทางผู้กำกับเขาแจ้งมาว่าเขาจะคุยกับคุณอาร์ต แล้วให้ม็อบไปนั่งเป็นพยานด้วย ผมก็ไปโดยไม่รู้เรื่องอะไรนะครับ”
โบ้ยผู้กำกับให้ต่อรองเรื่องค่าตัวอาร์ต
ม็อบ : “ในส่วนตรงนี้ระหว่างนั้นต้องบอกว่าระหว่างวันมีการถ่ายทำอยู่ ทางผู้กำกับเขาไม่ว่าง เขาต้องอยู่หน้าเซ็ต แล้วมาขอร้องให้เราคุยต่อรองประมาณนี้กับพี่อาร์ต เป็นทางเขาที่มาขอร้อง เพราะเขาคุยตรงนี้ไม่ได้ ผมก็ไม่ได้รู้ว่าในการตกลงเขาตกลงกันยังไง ซึ่งม็อบก็ทราบวันนั้นนั่นแหละครับ (คุณเป็นเจ้าของแต่ผู้กำกับให้ไปต่อรองแทนมันดูไม่เมคเซ้นส์?) ผมก็บอกก่อนว่าตอนหลังม็อบก็เริ่มที่พอจะทราบระบบในการทำงาน อะไรหลายๆ อย่างดูไม่พร้อมก็ต้องขอโทษจริงๆ ม็อบก็ยอมรับผิดเพราะม็อบไม่เคยทำงานในวงการบันเทิง เพิ่งจะทราบตอนหลังนี้”
“เรื่องเงิน 2 แสนจริงๆ ม็อบพูดคุยหลังจากที่เกิดปัญหา และก็รู้แล้วว่าเกิดจากปัญหาอะไร ผมก็คิดว่าไม่ได้โทษพี่อาร์ตเลย ผมก็คิดว่าพี่อาร์ตเป็นคนทำงาน ผมเคารพกับทางพี่อาร์ต ไม่อยากเสียความรู้สึกกับทางพี่อาร์ต ก็เลยยื่นข้อเสนอในส่วนตรงนั้นเป็นค่าเสียเวลา หลังจากที่มีการเปลี่ยน ก็ยอมรับว่ามีปัญหาในเรื่องการทำงาน ม็อบก็ต้องเปลี่ยนนักแสดงใหม่ ก็ต้องเพิ่มคิวถ่ายทำทุกๆ อย่างและเพิ่มค่าใช้จ่ายในส่วนนั้น”
คุณม็อบติดต่อคุณอาร์ตไม่ได้ จริงรึเปล่า?
ม็อบ : “ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่ติดต่อแต่ติดต่อไม่ได้ แต่พี่อาร์ตมีการติดต่อก่อนหน้านี้เพื่อพูดคุยกัน แต่มีการปฏิเสธมาหลังจากนั้นมีการคุยในเรื่องของเชิงข้อตกลง ด้วยความที่ม็อบเองก็ไม่รู้ ก็ถามความเห็นพี่เขาว่าถ้าสถานการณ์แบบนี้ผมต้องทำยังไงดีครับ ผมเรียนถามด้วยความเคารพว่าแล้วควรทำอย่างไร เขาก็บอกว่าให้เป็นทางม็อบแล้วกัน ก็เลยคิดว่าเพื่อความแฟร์ทั้สองฝ่าย ก็มีการปฏิเสธมา พอยิ่งคุยก็กลัวว่าเดี๋ยวจะยิ่งทะเลาะกัน ก็เลยไม่คุยดีกว่า”
เจ้าของค่ายหนังยอมรับผิด ยันยังเคารพอาร์ต ด้านพระเอกดังถือโอกาสสั่งสอนใครโกงใครให้พูด ไม่งั้นจะเดือดร้อน
ม็อบ : “เรื่องความเข้าใจผิด ส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับจริงๆ ว่าม็อบก็กลัวจริงๆ เหมือนอยู่ในห้องมืดๆ เราไม่รู้ว่าปัญหาหลายๆ อย่างเราจะแก้ไขยังไง ซึ่ง ก็ไม่ใช่ความผิดพี่อาร์ต เขาก็ไม่จำเป็นต้องมาเคลียร์เรื่องนี้ อยากคุยอยากเคลียร์จุดไหนก็เคลียร์ได้ ผมก็ยังเคารพและพี่อาร์ต แต่ก็เดี๋ยวจะเคลียร์ว่าใครกันแน่ที่ทำให้เกิดเรื่องพวกนี้”
อาร์ต : “พี่ไม่ได้อาฆาตม็อบสักนิดเลย แต่คำพูดตลอดเวลาที่บอกว่าคนนั้นคนนี้ มันมีปริศนาตัวกลาง ถ้า ณ วันนี้พี่จะพูดว่าใครทำอะไร ใครโกงใครบ้าง ม็อบจะได้ไม่เดือดร้อน แต่ตอนนี้ม็อบไม่สามารถพูดได้ว่าใครเป็นคนโกง ทุกอย่างมันก็เลยไปอยู่ที่ม็อบ ถ้าม็อบบอกว่าพี่พูดด้วยอารมณ์กับม็อบ ม็อบกลับพูดใหม่ได้นะ ที่เราคุยโทรศัพท์กัน พี่ไม่เคยพูดด้วยอารมณ์กับม็อบ พี่ไม่เคยมึงกูใส่ม็อบ พี่ไม่เคยใช้คำพูดด้วยอารมณ์นะ ถูกมั้ย”
ม็อบ : “ครับพี่อาร์ต”
อาร์ต : “จนล่าสุดที่ให้คนชื่อโกมาบอกว่าจะตัดตัวพี่ ทั้งที่บทบาทพี่ยังมีอยู่ ไปถามนักแสดงคนไหนก็ได้นะ การไม่รับเงินไม่ใช่พี่รวยหรือพี่จน แต่มันคือศักดิ์ศรีของนักแสดง เป็นบทบาทตัวเดินเรื่อง แล้วอยู่ดีๆ บทบาทนั้นหายไปจากหนังโดยไม่รู้ตัว มันคือศักดิ์ศรี มันไม่ได้เกี่ยวกับเงิน ต่อให้เอาเงินล้านมาวางแล้วให้พี่กลับไปเล่น พี่ก็ไม่เอา”
ม็อบ : “ถามว่าเรื่องจะจบยังไง ก็ไม่รู้ว่าทางผู้ใหญ่เขาจะว่ายังไงบ้าง เพราะตอนนี้มันมีอะไรหลายๆ อย่าง เรื่องแถลงข่าวถ้าวันหนึ่งถึงเวลาของผม อะไรหลายๆ อย่างครับ”
ยันไม่โกงเงินแต่ขอเวลา รู้ตัวทำงานล่าช้า
ม็อบ : “เรื่องซีรีส์ ก็ยอมรับว่างานม็อบอาจจะล่าช้า ทุกอย่างยังมีอยู่ในสัญญา มันเป็นเรื่องแรกของม็อบด้วย ถ้าหนังสำเร็จ ซีรีส์สำเร็จ ทุกคนก็จะได้ในสิ่งที่ต้องการแน่นอน ถ้าจะหยุดทำจริงๆ ผมก็ต้องจ่ายแน่นอน แต่นี่ผมก็ยังลุยต่อ ผมก็ขอเวลา เพราะผมขอผลิตภาพยนตร์เรื่องนี้ก่อน”
อาร์ต : “ขอเวลานานแค่ไหน เพราะเด็กบางคนเขามาจากต่างจังหวัด อยากเอาเงินไปส่งพ่อแม่ แล้งโดนทีมงานที่ม็อบบอกว่ารอเวลา แต่เด็กพวกนั้นรอได้มั้ยแล้วแจ้งอะไรเด็กพวกนั้นบ้าง ทุกคำพูด ทุกไอจีไม่ได้เมก เป็นเรื่องจริงที่ส่งมาหาพี่”
ม็อบ : “ผมก็เข้าใจในส่วนของน้องๆ ว่ารอไม่ได้ แต้ถ้าม็อบจะทำไปสองอย่างพร้อมกัน ม็อบก็ไม่ไหว ตอนแรกม็อบก็จะทำซีรีส์ให้จบ แต่มีคนกลางคนนั้นแหละที่มาเคลียร์ให้มาม็อบทำตรงนี้ ด้วยเหตุผลบางประการ”
อาร์ต : “ก็ฝากม็อบติดต่อเด็กพวกนั้นหน่อยนะ ถามพี่เงินสองแสนสามแสนพี่หาได้ แต่เด็กบางคนสองพันสามพันเขายังหาไม่ได้เพราะเขารอเวลาม็อบโอนให้”
ย้ำไม่ได้อาฆาต แต่ไม่อยากให้ทำแบบนี้กับใครให้เป็นบาป
อาร์ต : “ก็ระดับหนึ่ง ผมไม่ได้อาฆาตเขา ถ้าเป็นเรื่องจริงที่เขาไปเอาเด็กมาทำงานแล้วไม่จ่ายเงิน ผมเป็นตัวกลางให้เขาอย่าทำแบบนี้อีก มันบาปกรรม ตัวผมหาเงินได้ ผมว่าผมมีช่องทางในการหาเงินระดับหนึ่ง แต่เด็กบางคนที่เขามีแต่ทางนี้ ฝันเขาอยากเป็นดารา อยากออกมาหาเงินเลี้ยงพ่อแม่ แต่มาทำงานแล้วทำงานฟรี ผมสงสารเขา ซึ่งถ้าเขาจะฟ้องก็ยินดี ถ้าผมพูดขนาดนี้แล้วจะฟ้องก็ฟ้องได้ เพราะผมไม่ได้อาฆาตเขา”
