xs
xsm
sm
md
lg

พระตอกเส้นรักษาโรคท้าสึกกลางรายการ โวยรัฐไม่สนับสนุน ยอมรับศึกษาจากกูเกิล!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“พระมหาสีไพร” พระในคลิปตอกเส้นรักษาโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทยอมรับศึกษาจากกูเกิล ท้าให้เอาคนมาพิสูจน์ให้เห็นจะจะ ยันมีลูกศิษย์เป็นล้าน โวยที่ผ่านมาติดต่อทุกหน่วยงานแต่รัฐบาลไม่สนับสนุน ประกาศพร้อมสึกเพื่อช่วยเหลือคนที่ทุกข์ทรมาน แจงเหตุต้องรับปัจจัยเพื่อนำมาบริหารจัดการให้เป็นธุรกิจเพื่อสังคม

จากกรณีที่มีการการแชร์คลิปการรักษาโรค “หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท” โดย “พระอาจารย์มหาสีไพร อาภาธโร” ประธานมูลนิธิโพธิ์รังสีตอกเส้น ๒๖oo ปี ซึ่งกำลังตอกคลายเส้นให้กับหญิงสาว ป่วยเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทมา 7 ปี ซึ่งเมื่อรักษาด้วยการนวดตอกเส้นอาการกลับดีขึ้น และสามารถลุกนั่งได้ ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตามมาเป็นจำนวนมาก ว่าเป็นเรื่องจริงหรือหลอกลวง และเป็นกิจของสงฆ์หรือไม่ ล่าสุดรายการโหนกระแสวันที่ 21 พ.ย. ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 20.30 - 21.00 น. ทางช่อง 28 ได้สัมภาษณ์พระมหาสีไพร พร้อม “หมอนุ” ลูกศิษย์ รวมถึง “นพ. ขวัญชัย วิศิษฐานนท์” ผู้อำนวยการสถาบันการแพทย์แผนไทย

พระมหาสีไพร : “เราก็ยอมรับว่าสิ่งที่เป็นประโยชน์กับมหาชน มหาชนเขาก็ยอมรับ ก็คนที่เขามา เขาสบายใจ เขามีความสุขกลับไป”

เคยไปเรียนกับอนาโตมี่หรือสรีระร่างกายมนุษย์มาจากไหน?
พระมหาสีไพร : “เราต้องยอมรับว่าการศึกษาสมัยนี้ เป็นยุค4.0 อยู่ในโซเชียลมีเดีย”

ไปเปิดตามอินเตอร์เน็ต?
พระมหาสีไพร : “โห มีทุกอย่างให้เราศึกษาได้หมด”

แต่อันนี้ไปดูแล้วท่านก็ตอกได้เลย ไม่มีการผิดธรรมชาติเหรอ?
พระมหาสีไพร : “ไม่มีผิดธรรมชาติ เดิมทีคนเราปวดหลัง สมัยใหม่เรียกกระดูกทับเส้นประสาท สมัยเก่าเรียกผีเข้าก็ไปหาหมอผี หมอผีก็เอาหวายตีๆๆ แล้วร้องโหยหวน หมอนรองกระดูกกลับเข้าที่แล้วก็ยกความดีให้ผี ทีนี้เรามาศึกษาว่าเรามาทำในเมื่อเป็นหมอนรองกระดูกเราก็มาทำท่ากายบริหารทำท่าตอกให้กล้ามเนื้อมันคลายแล้วล็อกให้ทุกอย่างเข้าที่เหมือนเดิม ทุกอย่างมันก็หาย”

เคยตอกคนตายไปสองคน?
พระมหาสีไพร : “ไม่ได้ตอกคนตาย นักข่าวพูดไม่ตรงประเด็น ถามว่าเคยตอกคนตายมั้ย อาตมาตอบว่าที่บอกมาในเหตุผลอาตมามีสองคนในประวัติศาสตร์ หนึ่งเขาเป็นลมตาย เราไม่ได้ตอก เขาไม่กินข้าวเช้ามา ยังไม่ได้นวดอะไรเลย อีกคนก็ไม่ได้ตอก แต่ลูกศิษย์ตอกแล้วเขาบอกว่าเป็นเส้นเลือดตีบ กลับไปบ้านสามสี่วันคนโทรมาว่าไปตอกมาแล้วมันตาย เขาก็โทรมาบอก”

ทำไมไปสอนลูกศิษย์ได้ทั้งที่ตัวเองไม่ได้มีใบประกาศนียบัตรการเป็นครู ยังต้องหาอ่านในกูเกิลอยู่เลย?
พระมหาสีไพร : “ไม่ ในกูเกิลนี่เราเอาวิชาภาษาพูดให้ถูกต้องกับสิ่งที่เรารู้ กับความรู้สึก พูดหลักวิชาการก็ไปเอาตำราอนาโตมี่อะไรต่างๆ มาพูดให้มันถูกต้อง อย่างกล้ามเนื้อนี่เราไม่รู้ว่าชื่ออะไร ก็มาพูดให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ เราช่วยเหลือคนแล้วมันหาย คนโน้นคนนี้ก็อยากมาปรึกษา อย่างปวดหัวจะตาย ก็สอนๆ ให้ไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นพัฒนา สอนไปสามคน สอนต่อโครงสร้างหน้าตากระดูก”

การตอกแบบนี้ พอจะทราบมั้ยกระดูกต้นคอมนุษย์เราเคลื่อนเซ็นเดียวอาจเสียชีวิต การตอกแบบนี้ทำให้กระดูกคอร้าวได้?
พระมหาสีไพร : “เราก็ยังไม่เคยเจอนะ(หัวเราะ) มีคนมารักษาแล้วหาย”

หมอนุ : “หายครับ”

พระมหาสีไพร : “เราเป็นมูลนิธิ”

พระไม่อยู่ที่วัดเหรอ?
พระมหาสีไพร : “เราเจ็บป่วยไมสบาย เรารักษาหายก็มาช่วยเหลือสังคม พออยู่วัดมันก็มีปัญหาว่าเราทำอย่างนี้อย่างนั้นไม่ได้ เราเลยย้ายวัดไปเรื่อยๆ อยู่วัดช่วยคนไม่ได้ เลยย้ายวัดไปเรื่อยๆ จนปี 2556 เลยมาซื้อที่อุทัยธานี สร้างเป็นศูนย์ปฎิบัติธรรมแล้วมาเปิดเป็นนวดตอกเส้น พยายามทำให้ถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่างแต่หน่วยงานราชการไม่ค่อยสนับสนุนเรา”

ล่าสุดไปเปิดโรงเรียนสอนตอกเส้น?
พระมหาสีไพร : “ลูกศิษย์เขาไปเปิดที่อังกฤษ เขามาด้วยอาการเขาปวดทั้งตัวและทรมานมาก เขาดูในคลิปยูทูปเลยบินมาเมืองไทย มารักษาและหาย เขาเลยเอาไปสอนที่อังกฤษ ไปเปิดคลาสเรียน พวกฝรั่งเรียนเต็มเลย”

หมอนุ : “มีที่อังกฤษ เยอรมัน มิวนิก”

พระมหาสีไพร : “อาจารย์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เขามาขอเรียนแล้วเขากลับไปเปิดที่โน่น ที่เมืองไทยเราขออนุญาตกระทรวงศึกษาธิการเปิดที่ศูนย์ตอกเส้น สร้างเป็นโรงเรียนเสร็จแล้วเรียบร้อย ลูกศิษย์มีนิดๆ หน่อยๆ ไม่ต่ำกว่า 4-5 ล้านคน เราอยากให้เรื่องนี้กระทรวงสาธารณสุข หรือเจ้าหน้าที่บ้านเมืองมาทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย”

เราทำถูกแล้วเหรอ?
พระมหาสีไพร : “กฎหมายมันเยอะ เมื่อก่อนเรายื่นขอจดสิทธิบัตร ยื่นไปยื่นมา ปัดไปปัดมา จนเวลาผ่านไป 4 ปี”

ทางสถาบันการแพทย์แผนไทยได้คุยมั้ย?
พระมหาสีไพร : “เราก็เข้าไปคุย เรามีเอกสารหมดเลย เขาก็ไม่รับรอง เพราะต้องทำการวิจัยก่อน เขาก็ไม่กล้าเซ็นรับรอง ไปยื่นแพทย์พื้นบ้านก็บอกว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก เขาไม่มีอำนาจ จนสุดท้ายจะให้เราไปหาใคร”

วันนี้รักษาที่ไหน?
พระมหาสีไพร : “ที่ปากเกร็ดนนทบุรี เป็นอวตาลคลินิก มีใบอนุญาตสถานประกอบการพร้อม”

ล่าสุดหมอที่สำนักอาจารย์ถูกจับไป 5 คน ตอนนี้อยู่สน.ปากเกร็ด?
พระมหาสีไพร : “ดีมากเลย(หัวเราะ) เราอยากทำให้เรื่องนี้ถูกต้องตามกฎหมาย ผ่านมา 6 ปี รัฐมีหน้าที่ส่งเสริมประชาชนที่มีความสามารถ เพราะฉะนั้นตัวที่ผิดกฎหมายไม่ใช่อาตมา ไม่ใช่ลูกศิษย์ รัฐเป็นผู้ผิดที่ไม่ส่งเสริม”

ทางสำนักสถานพยาบาลกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เป็นหน่วยตรวจ หน่วยงานนี้ไปคุยกับเขาหรือยัง?
พระมหาสีไพร : “เราก็คุย ก็ยังคาราคาซัง ว่าเราจะทำยังไงให้การตอกเส้นมันถูกกฎหมาย ทีนี้เขาก็ตอบว่ามันไม่มีในกฎหมาย แล้วจะเอาเข้าไปประยุกต์ส่วนไหนของแพทย์แผนไทย จะให้อยู่ในแพทย์พื้นบ้าน แพทย์ทางเลือก หรือการแพทย์แผนไทยใช้อุปกรณ์”

หลายคนถามนี่คือกิจของสงฆ์หรือเปล่า?
พระมหาสีไพร : “เราเห็นคนเจ็บคนป่วย เขารักษาด้วยการกินยา รักษาไม่หาย ไปรพ. 5 ปี 10 ปีก็ไม่หาย เราจะค้นคว้าวิชาความรู้ที่ทำให้หายโดยไม่ต้องใช้ยา พึ่งพาตนเองได้ และสามารถประกอบอาชีพสุจริตโดยไม่ผิดศีลธรรม เราต้องการแค่นั้น”

ตอนนี้โด่งดังมาก ไปท้าเรื่องอะไรมา?
พระมหาสีไพร : “อาตมาไม่ได้ท้า คือมีคุณโยมเขาเป็นโรคหมอนรองกระดูก เขาเอาใบรับรองมาแล้วทางอุตสาหกรรมเขาก็ลาออก เขาตกงาน ไม่รู้จะไปไหนแล้ว ก็บอกว่าขอเวลาไม่เกิน 10 นาที อาตมาก็ตอกเอง พิสูจน์ให้เอง แล้วก็หายเดี๋ยวนั้น เคสนั้นไม่ผ่า โอ้โห มหาศาล แล้วอย่างอาจารย์มหาลัยแคมบริด คุณแดเนียลเป็นหมอนรองกระดูกมา 24 ปี ตอกครั้งเดียวหาย”

แต่ที่แน่ๆ มีคนแย้งมาว่าโดยหลักการ ไม่ควรทำ หรือห้ามพระรักษาโรค ห้ามรับปัจจัย แล้วรับปัจจัยมั้ย?
พระมหาสีไพร : “รับปัจจัยเพื่อนำมาบริหารจัดการให้เป็นธุรกิจเพื่อสังคม รักษาครั้งละ 300 เป็นคณะลูกศิษย์รับ เงินเป็นกองกลางบริหารจัดการ”

ท่านไม่ได้รับ?
พระมหาสีไพร : “อาตมาเป็นผู้ดูแลให้ ไม่พอจ่ายให้ คนที่เขาหายป่วยเขาก็โอนมาช่วยเหลือ”

ไม่ว่าจะสรีระร่างกายกระดูกเส้น ศึกษาได้จากกูเกิล ทุกอย่างหาดูได้จากกูเกิล?
พระมหาสีไพร : “เราชำนาญ ฟินแลนด์เขายกเลิกการศึกษาไปแล้วครับ เรายังเป็นเวอร์ชั่น 2.0 หรือ 1.0 อยู่เลย”

สอบถามท่าน ผอ. กันบ้าง เรื่องราวตอกเส้นมีในแพทย์แผนไทยมั้ย?
ผอ. : “ในองค์ความรู้ภูมิปัญญาแพทย์แผนไทยเรา ในกลุ่มหมอพื้นบ้านพื้นที่ต่างๆ ก็มีวิชาตอกเส้นอยู่ เพียงแต่ว่าวิชาที่เขาใช้ โดยหลักแล้วจะใช้ลักษณะของการส่งคลื่น การสั่นสะเทือนจากไม้ที่ตอกลงไปสู่อวัยวะของร่างกายคนไข้ ไม่ใช่การตอกในลักษณะใช้แรงกระแทก คือตอกให้เหมือนเวลาเราเรียนวิทยาศาสตร์ คงเคยเห็นซ่อมเสียง เวลาเราเคาะที่ซ่อมเสียงจะมีแรงสั่น ถ้าเราไปจ่อกับเนื้อจะรู้สึกว่ามีคลื่น เวลาที่คุณหมอพื้นบ้านท่านตอก จะไม่ได้เอาไม้ไปจ่อแล้วกระแทกที่เนื้อ แต่เคาะแล้วจ่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนส่งเข้าไป เพราะฉะนั้นลักษณะการตอกเส้นที่หมอพื้นบ้านในภูมิภาคต่างๆ ใช้ ในการแพทย์ของไทยก็คือมีความปลอดภัยไม่ได้ไปกระแทกโดยตรงที่อวัยวะส่วนต่างๆ ของผู้ป่วย”

ความอันตรายในเครื่องมืออันตรายมั้ย?
ผอ. : ผมดูจากวิดีโอคลิป และการตอกกระแทกแรงๆ อันนี้ที่เราเป็นห่วงก็คือเรื่องของถ้าผู้ป่วยท่านั้นมีกระดูกผุ กระดูกพลุน การตอกกระแทกอย่างนั้นก็อาจทำให้ผู้ป่วยได้รับอันตรายต่างๆ อาจมีกระดูกแตก กระดูกร้าว โดยเฉพาะบริเวณต้นคอ ถ้าตอกแรงมาก เผอิญข้อมันเคลื่อน อาจกระทบกระเทือนต่อไขสันหลัง ซึ่งบริเวณคอ ถ้าไขสันหลังถูกกระแทก ถูกกระทบกระเทือน อาจอัมพาตทั้งตัวได้ ผมเห็นในวิดีโอตอนหนึ่งครับ”

พระอาจารย์บอกว่าเคยติดต่อไปทางผอ. อยากขอจดสิทธิบัตรให้ถูกต้อง?
ผอ. : “คือในเรื่องขององค์ความรู้ ถ้าเป็นความรู้ที่บันทึกไว้ตามเอกสาร ตามคำคัมภีร์ มีการส่งต่อกันมา อันนี้เราจะพิจารณาว่าอาจมาศึกษาวิจัยเพิ่มเติม จะเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัย แต่เราไม่ต้องไปวิจัยเพิ่มว่ามันจะใช้ได้ผลหรือไม่ได้ผลเพราะมีการสืบต่อกันมา แต่ฟังที่พระอาจารย์เล่าให้ฟัง ยังมีประเด็นว่าเรายังไม่ชัดเจน ว่าความรู้นี้สืบต่อกันมาอย่างไร สิ่งที่เราเพิ่มเติมเข้าไปใหม่ต้องศึกษาวิจัยเพราะของใหม่เราไม่รู้ว่าคนโบราณใช้แบบนี้หรือเปล่าและมีผลอะไรเกิดขึ้นบ้าง ซึ่งจากการรวบรวมหมอพื้นบ้านจะใช้แรงคลื่นสั่นสะเทือนมากกว่าที่จะส่งแรงกระแทก อันนี้ไม่เคยเห็นนะครับ”

พระอาจารย์มีอะไรอยากถามอาจารย์?
พระมหาสีไพร : “เราอยากให้ภูมิปัญญาตรงนี้ชัดเจนว่าเราจะทำได้ในระดับไหน เพราะคนป่วยมา 5 ปี 10 ปีเขาก็รอจะหาย สูญเสียทางธุรกิจมหาศาล คนทำเอ็มอาร์ไอมาแล้ว เอ็กซเรย์มาแล้ว เราก็มีกระบวนการตรวจสอบทุกอย่าง เราพยายามทำให้ถูกต้องทุกรูปแบบที่ผ่านมา เราส่งทุกอย่างทุกที่ เรามีเอกสารหมด แต่เขาก็ตีกลับมา คุณก็ต้องดูว่าคุณเห็นใจคนที่ป่วยมา 5 ปี 10 ปีมั้ย ให้เขาไปรพ. ก็ให้ยามากิน เขาก็ป่วยแล้วก็ทำมาหากินไม่ได้ คนกลุ่มนี้มีเป็นล้านคน ที่ต้องการหาทางเลือก เรามีนวัตกรรมใหม่ๆ มานำเสนอ แต่หน่วยงานไม่สนใจเราเลย”

ผอ. : “ถ้าหลักที่พระอาจารย์ว่า ถ้าให้ดี และคิดว่าจะให้เกิดเป็นสาธารณะประโยชน์ สาธารณกุศล ท่านขอเข้าไปศึกษาวิจัย ภายใต้รพ.ของรัฐศึกษาในกูเกิลไม่ได้ คือคณะของพระอาจารย์แทนที่จะออกมาเปิดเป็นมูลนิธิ เปิดเป็นคลินิก ซึ่งตรงนี้มันมีข้อกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค ความปลอดภัยของคนไข้ควบคุมดูแลอยู่ อันนี้จะเป็นการเสี่ยงทำผิดกฎหมาย ถ้าท่านคิดอยากจะทำเป็นสาธารณะกุศลจริงๆ ควรมาหารือกับทางรพ. เรามีตัวอย่างเยอะแยะ เช่นเป็นคนที่เป็นอสม. ก็ไปอบรม แล้วคุณหมอก็คอยกำกับดูแล สามารถไปเจาะเลือด ตรวจเบาหวาน ความดัน ทำหน้าที่เหมือนหมอคนหนึ่งได้เลย แต่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของแพทย์”

พระมหาสีไพร : “เราต้องการให้ไปเรียนไปศึกษาที่หน่วยงานได้ก็ได้ เรายินดี”

แต่เข้าไปทางผอ.ต้องมีการตรวจสอบว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน?
พระมหาสีไพร : “พิสูจน์เอาคนเจ็บคนป่วยมาก็ได้”

เรียกว่าท้า?
พระมหาสีไพร : “เราก็ต้องพิสูจน์ ต้องให้โอกาสกันเพื่อมาพัฒนาชาติบ้านเมืองของเรา”

ณ วันนี้เลิกรักษาก่อนแล้วไปเรียนก่อนได้มั้ย?
พระมาหาสีไพร : “ถ้าทำอย่างนั้นระบบเสียหายหมด ก็พิสูจน์กันมาว่าทำยังไงไอ้ตรงนี้ มหาชนมาพิสูจน์ เอาสื่อมวลชนมา มาตั้งเวที เอาคนที่ป่วยมาพิสูจน์ให้ชัดเจนไปเลย ถ้ารัฐบาลไม่ส่งเสริมก็เลิกเลย”

ผอ. กรณีแบบนี้ต้องมีการตรวจสอบมั้ย เข้าข่ายกระทำความผิดหรือเปล่า?
ผอ. : “คงมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างน้อยๆ สองฉบับ ฉบับแรกคือพระราชบัญญัติสถานพยาบาล ตรงนี้เป็นหน้าที่ของสำนักสถานพยาบาลและประกอบโรคศิลปะ เขาเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่มีภารกิจที่จะต้องควบคุมดูแลให้เกิดความปลอดภัยกับผู้ป่วย สำนักสถานพยาบาลและสาธารณสุขจังหวัดนนทบุรีในพื้นที่ คงได้เข้าไปตรวจสอบ”

พระมหาสีไพร : “วันนี้เขาเข้าไปตรวจสอบก็ดีมาก”

ถ้าผิดจริง ไม่อนุญาตขอให้หยุดทำ สึกไปเลยได้มั้ย?
พระมหาสีไพร : “เดี๋ยวนี้เลยก็ได้ครับ จีวรนี่เราอยู่เพื่อศาสนา อยู่เพื่อมหาชน 30 ปีเราอยู่เพื่อศาสนา แต่วันนี้เราอยู่เพื่อมหาชน เราไม่อยากให้คนเจ็บคนป่วยทุกข์ทรมาน เราพร้อมเสียสละตัวเอง ไม่เป็นไร เดี๋ยวอาตมาจะไปยื่นฏีกาถวาย”

ถ้ารักษาต่อไปไม่รับเงินได้มั้ย?
พระมาสีไพร : “ไม่รับเงินก็ได้ แต่ขอเป็นยอดบริจาค ไม่งั้นทำงานไม่ได้ จะเอาข้าวไหนกิน ถ้าคนจนมีเงิน 30 บาท ถ้าไม่มีก็ติดต้นผ้าป่า ก็รักษาให้เดี๋ยวนั้นเลย ไม่เก็บเงินก็ได้ เราอยากขอหน่วยงานราชการเป็นตัวคัดกรองดูว่าทำได้มั้ย เอาเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดหรือหน่วยงานต่างๆ มานั่งดูกันเลย”

ผอ. : “ก็ต้องเรียนอย่างนี้ มีคนที่เสนอแนวคิดอะไรต่างๆ แบบนี้ มียาตำราเยอะ จะให้ราชการไปรับรอง ทุกเรื่อง คงทำไม่ได้ แต่ผมเรียนเริ่มต้นว่าเท่าที่เห็นคิดว่าอันตรายครับ”




กำลังโหลดความคิดเห็น