xs
xsm
sm
md
lg

“ทิดตีบ” หมอนวดจับเส้นโบราณ คนไทยไม่รู้จัก แต่ “รัสเซีย” ต้องจองคิว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวภูเก็ต - พบหมอนวดแผนโบราณรักษาโรคเส้นเอ็น และอัมพฤกษ์หาย ฮือฮากันในหมู่นักท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยเฉพาะชาวรัสเซียบินมานวดรักษาถึงภูเก็ตหลายราย เผยอดีตหมอบวชพระกว่า 10 พรรษา เป็นหมอนวดดูแล “หลวงตามหาบัว” วัดป่าบ้านตาด อุดรฯ จนละสังขาร และเลี้ยงเสือโคร่งที่วัดป่าหลวงตาฯ ที่เมืองกาญจน์ สุดท้ายถูกกามเทพแผลงศรพบรักกับแหม่มสาวรัสเซีย เลยลาสิกขาออกมาใช้ชีวิตคู่ที่แดนหมีขาว ยึดอาชีพเป็นหมอนวดรักษาโรคจนมีทายาทด้วยกัน กลับมาเมืองไทยไปเที่ยวภูเก็ตแล้วหลงเสน่ห์ทะเลอันดามัน คิดปักหลักเป็นหมอนวดรักษาโรคตามถนัดให้นักท่องเที่ยวถึงโรงแรม และบ้านพัก โดยเปิดเว็บไซต์ให้ติดต่อ

จากกรณีที่มีข่าวกล่าวขานกันในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ ที่มีอาการปวดเมื่อยตามเอว ชาตามมือ เท้า และกล้ามเนื้ออ่อนแรงและได้ใช้บริการนวดรักษาแผนโบราณโดยภูมิปัญญาชาวบ้านจากนายสุขกาย เจริญเนตร หรือ “ทิดตีบ” โดยเรียกใช้บริการจากเว็บไซต์ WWW.storyteep.com ให้ไปนวดตามสถานที่นัดหมาย ส่วนใหญ่จะเป็นโรงแรม หรือรีสอร์ตที่พัก หลังจากได้รับการนวดรักษาแล้วอาการปวดต่างๆ ได้ทุเลา และหายเป็นปกติในเวลาต่อมา

ดังนั้น ผู้สื่อข่าว “ผู้จัดการออนไลน์” จึงได้เดินทางไปพบนายสุขกาย เจริญเนตร หรือ “ทิดตีบ” ที่บ้านพัก ซึ่งเป็นบ้านเช่า ถนนด้านหลังเทศบาลตำบลราไวย์ อ.เมือง จ.ภูแก็ต เล่าให้ฟังว่า บ้านเดิมเป็นคนทางภาคอีสาน อยู่จังหวัดเลย พ่อเป็นหมอนวดจับเส้น แม่เป็นหมอตำแย และรักษาโรคเลือด ได้รับการถ่ายทอดวิชาจากพ่อแม่มา และได้บวชเป็นเณรที่วัดศรีอภัยวัน จ.เลย เป็นลูกศิษย์หลวงปู่ท่อน เป็นเณรอยู่ 2 ปี ก็ได้บวชเป็นพระอยู่วัดเดียวกัน

ตอนที่บวชใหม่ๆ ก็รู้สึกกลัวผี แต่อาจารย์บอกว่าเป็นพระกลัวผีไม่ได้ ขณะนั้นที่วัดไม่มีสัปเหร่อ เมื่อมีคนตาย อาจารย์ก็ให้ไปช่วยดูแลจัดการเรื่องศพทั้งหมด ตามวัดตามป่าช้าในถิ่นทุรกันดารส่วนใหญ่ใช้วิธีเผาสด เผาด้วยกองฟืน ตอนแรกยอมรับว่ากลัว แต่ก็ต้องทำ เป็นสัปเหร่อเผาผีอยู่ 4 ปีได้เห็นสภาพศพทุกขั้นตอน ตั้งแต่นำขึ้นไปตั้งบนกองฟืน จนกระทั่งไฟเริ่มลุกไหม้เนื้อหนังศพ เห็นการหดตัวของเส้น เอ็น กล้ามเนื้อ ร่างกายมนุษย์ ได้รับความรู้เกี่ยวกับสรีระ ระบบการยืดหดของเส้นเอ็นต่างๆ โดยการใช้วิธีการจด การวาดรูป นำมาศึกษาดูเส้นในร่างกายประกอบการนวด

ทิดตีบเล่าว่า การบวชเป็นพระสายป่าต้องออกธุดงค์ ในช่วงที่ออกธุดงค์ไปตามถิ่นทุรกันดาร ตามหมู่บ้านป่าเขาห่างไกลความเจริญ โดยเฉพาะที่ทุ่งนเรศวรได้พบผู้ป่วยโดยบังเอิญหลายราย มีทั้งที่เป็นพระด้วยกัน และฆราวาสคนทั่วไป ทั้งคนไทยและกะเหรี่ยง ได้ช่วยบีบนวดรักษาตามที่พ่อแม่ถ่ายทอดมาให้ และศึกษาเพิ่มเติมขณะเป็นสัปเหร่อ ซึ่งท่านบอกว่าการช่วยให้คนมีชีวิตรอดเป็นสิ่งที่ดีที่สุดผู้ที่ได้รับการรักษาหาย ก็ไปพูดบอกกล่าวต่อๆ กันไป ในที่สุดได้พบกับพระอาจารย์หนุ่ม ศิษย์ของหลวงปู่ฟัก จันทบุรี ขณะกำลังเดินธุดงค์เช่นเดียวกัน เกิดอาการเท้าแพลงเดินไม่ไหว และมีอาการปวดไปทั้งตัว ไปหาหมอมาแล้วแต่ไม่หาย ก็ได้เรียนให้ทราบว่าอาการดังกล่าวอาจจะเป็นเพราะเลือดลมในร่างกายเดินไม่สะดวก ต้องรักษาด้วยการทุบตี โดยใช้อุปกรณ์ที่ทำจากไม้ไผ่ ผ่าซอยเป็นซี่เล็กๆ คล้ายที่ประพรมน้ำมนต์ ตีไล่จากจุดที่ปวด ตีไล่ไปเรื่อยๆ แล้วใช้กะลามะพร้าวขูดกดรีด บางครั้งต้องใช้วิธีเจาะเอาเลือดออก ในส่วนของอาจารย์หนุ่มนี้ใช้เวลารักษา 3-4 วันก็หายและเดินได้ตามปกติ

หลังจากที่อาจารย์หนุ่มได้รับการรักษาจนหายเป็นปกติก็ได้ปรารภขึ้นว่า อยากให้ไปรักษาพระอาจารย์ คือ หลวงปู่ฟัก เป็นอัมพาตไม่สามารถที่จะขยับร่างกาย และแม้กระทั่งพูดก็ไม่ได้ ซึ่งรักษากับหมอแผนปัจจุบันมาเป็นเวลานานแล้วไม่หาย ได้เรียนให้อาจารย์หนุ่มทราบแล้วว่าไม่แน่ใจว่าจะรักษาให้หายได้หรือไม่ เพราะไม่ได้เรียนมาโดยตรง แค่ได้รับการถ่ายทอดมาจากพ่อแม่เท่านั้น แต่ก็ยังได้รับการยืนยันขอร้องให้ไปลองรักษาดู โดยเขียนที่อยู่ให้ ดังนั้นจึงได้ย้อนกลับไปกราบลาหลวงปู่ท่อน ซึ่งก็ได้อนุญาตให้ไปรักษาได้

นายสุขกาย หรือทิดตีบ ได้เล่าต่อไปว่า เมื่อไปถึงกุฏิหลวงปู่ฟัก ก็แจ้งให้พระรูปที่ดูแลช่วยเหลือหลวงปู่ฟักทราบว่าจะมารักษาอาการป่วยของท่าน และให้ช่วยเป็นสื่อให้ด้วย เพราะหลวงปู่ฟักขยับตัวและพูดไม่ได้ ไปถึงช่วงแรกก็ดูในเรื่องของอุณหภูมิร่างกาย และนวดคลายเส้น ทั้งได้แจ้งให้ทราบว่าการรักษาต้องใช้การเหยียบเข้าช่วยด้วย โดยใช้เท้าเปล่าไปเหยียบแผ่นเหล็กที่เผาไฟจนแดง แล้วจึงไปเหยียบตามร่างกายหลวงปู่

ขณะที่รักษาหลวงปู่ฟักนั้น ได้พบเห็นเส้นของหลวงปูเส้นหนึ่งขดเป็นก้อนอยู่ใต้ขาจึงเรียนให้ท่านทราบ และนวดตรงจุดนั้นซึ่งท่านก็รู้สึกเจ็บแล่นไปตามซี่โครงจนถึงคอ ใช้เวลาในการนวดอยู่ 4 เดือน หลวงปู่ฟักก็รู้สึกดีขึ้น ลิ้นขยับได้ น้ำลายไม่ไหลออก จนกระทั่งวันหนึ่งประมาณ 8 โมงเช้า ก่อนฉันข้าว หลวงปู่ฟักจะต้องฉันยาแผนปัจจุบันที่ใช้รักษาอยู่ก่อนเป็นประจำ ปรากฏว่ ท่านกลืนยาเองได้ ลองพูดดูก็สามารถพูดได้ ท่านรู้สึกดีใจมาก เรียกให้พระและญาติโยมเข้ามาหา และบอกว่าท่านสามารถพูดได้แล้ว และบอกว่าพระรูปนี้คือ พระตีบ มาจากเมืองเลย รักษาท่านจนพูดได้ หลังจากนั้นก็รักษาท่านต่อไปจนกระทั่งแขนขาท่านดีขึ้น สามารถขยับ และเดินได้บ้าง ขณะรักษาท่านทนความเจ็บปวดได้ดีมาก

ทิดตีบเล่าอีกว่า ในระหว่างที่รักษาอาการป่วยของหลวงปู่ฟักซึ่งอาการเริ่มดีขึ้นนั้น ได้ทราบว่าหลวงตามหาบัวญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด ประสบอุบัติเหตุทางรถและเจ็บที่ไหล่ ได้ให้ตนเดินทางไปวัดป่าบ้านตาด ตอนนั้นน่าจะเป็นปี 2547-2548 ไปเฝ้าดูแลทำหน้าที่นวดรักษา เคาะเส้นให้หลวงตามหาบัว ดูแลท่านจนละสังขาร หลังจากนั้นก็ได้เดินทางไปอยู่ที่วัดป่าหลวงตาบัว ที่ อ.ไทรโยค กาญจนบุรี ทำหน้าที่ดูแลเสือโคร่งต่อไป ช่วงนั้นเองได้มีแหม่มสาวรัสเซียเกิดชอบพระที่ถ่ายรูปกับเสือที่นักท่องเที่ยวถ่ายไป ก็ออกตามหาจนพบ และได้รู้จักกัน ชวนให้สึกไปอยู่กินฉันสามีภรรยา ซึ่งตนก็ได้ไปหาพระอุปัชฌาย์เพื่อขอลาสิกขา แต่กลับถูกคัดค้าน จนกระทั่งสุดท้ายเมื่อปี 2552 ท่านก็ยอมสึกให้

เมื่อสึกออกมาแล้วก็ไปฝึกอบรมนวดแผนโบราณที่วัดโพธิ์ เพื่อเอาประกาศนียบัตร หรือใบรับรองประกอบอาชีพนวดแผนโบราณ ก่อนจะเดินทางไปอยู่รัสเซียกับภรรยาและรับนวดรักษาโรคให้กับชาวรัสเซียหลายราย โดยมีลูกค้าหรือผู้ป่วยมารับการรักษาด้วยการบอกกล่าวกันปากต่อปาก และมีผู้ป่วยรายหนึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลระดับแนวหน้าของรัสเซีย เป็นอัมพฤกษ์ครึ่งตัว ติดต่อให้ไปรักษาด้วยการนวดแบบฉบับของตน ทำให้ผู้ป่วยรายนี้เจ็บถึงกับตบหน้าตนและไล่ออกจากบ้าน ตนก็รีบออกมา แต่ภายหลังก็ได้โทรศัพท์มาหาภรรยาบอกให้ตนไปรักษาต่อ มาทราบภายหลังว่าผู้ป่วยรายนี้ได้เข้าห้องน้ำและเปิดก๊อกน้ำได้ยินเสียงน้ำไหล โดยก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ยินเสียงน้ำไหลมานานแล้วจึงได้เรียกให้ไปรักษาต่อ ปัจจุบันนี้ตนครองรักอยู่กินกับภรรยาชาวรัสเซีย มีลูกชายด้วยกัน 1 คน อายุ 3 ขวบแล้ว

สำหรับการเดินทางมาภูเก็ตนั้น นายสุขกาย หรือทิดตีบ กล่าวว่า ภรรยาอยากมาเที่ยวทะเลจึงตัดสินใจชวนกันมาภูเก็ต เมื่อมาแล้วเกิดประทับใจและคิดจะอยู่ภูเก็ต แต่ไม่รู้จะประกอบอาชีพอะไร ทั้งไม่รู้จักใคร ก็คิดว่าจะใช้ความรู้ความสามารถในการนวดรักษาโรคดังกล่าวยึดเป็นอาชีพ ด้วยการทำเว็บไซต์ WWW.storyteep.com ขึ้นมา ก็มีลูกค้าติดต่อเข้ามา ส่วนใหญ่ก็เป็นลูกค้าเก่าชาวรัสเซียที่เคยรับการรักษาหาย บอกกล่าวต่อๆ กัน บินมาเที่ยวและจองคิวนวดไว้ แต่คนไทยที่ภูเก็ตยังไม่มีใครรู้จัก รายได้ตอนนี้ก็พอใช้พอกินเท่านั้น และการนวดของตนนั้นต้องใช้เวลา ต้องนวดเป็นคอร์ส แล้วแต่อาการของโรค หนักเบา ต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมง และต้องมีความอดทน เป็นการนวดเพื่อการรักษาให้หายจากโรคที่แต่ละคนเป็นอยู่ แต่ก็ขึ้นอยู่กับอาการป่วยของแต่ละคนด้วย บางคนก็แค่ทุเลา การนวดแบบรักษาต่างจากการนวดเพื่อผ่อนคลาย หรือนวดแบบสปามาก การให้บริการของตนจะไม่เหมือนกับการนวดตัวไป เพราะต้องใช้อุปกรณ์ต่างๆ ที่ทำขึ้นมาโดยเฉพาะด้วย สำหรับคนที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามกันได้ที่หมายเลข 08-1749-7091

 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น