งานชุกจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน แต่สาวเก่ง “บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” ก็ยังสวยเด้งไม่เปลี่ยน นั่นเป็นเพราะเจ้าตัวดูแลตัวเองเป็นอย่างดีไม่ให้เสียชื่ออดีตนางสาวไทย พร้อมยอมรับแบบไม่สร้างภาพว่าสวยด้วยมือหมอ และพึ่งเทคโนโลยีด้านความงามเข้ามาช่วยแก้ไขข้อบกพร่องบนใบหน้าให้สวยปัง เพราะคิดเสมอว่าเป็นผู้หญิงอย่าหยุดสวย
งานนี้สาวบุ๋มยอมรับว่าสวยด้วยมือหมอ โดยเผยว่านอกจากการดูแลด้วยตัวเองแล้ว ยังต้องปรึกษาแพทย์ความงามที่ไว้ใจขาประจำอย่าง หมอเกรซ พญ.เสาวภาคย์ พงศ์ศศิธร แห่ง Doctorgrace Clinic ซึ่งจากการพูดคุยกับคุณหมอทำให้ได้รับความรู้ใหม่ๆ ว่า สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้ใบหน้าและดวงตาส่องประกายมีเสน่ห์ชวนให้สะดุดตามากขึ้นนั้นมาจาก ดวงตาที่กลมโตดูสดใส ไร้ริ้วรอย ไม่เป็นร่องลึก หากแต่ใครที่มีปัญหาร่องใต้ตาลึก มีรอยคล้ำ ริ้วรอยที่เห็นได้ชัดเจนบริเวณรอบดวงตา ก็อาจจะทำให้สูญเสียความมั่นใจเป็นธรรมดา หลายๆ คนก็คงหาวิธีที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้อยู่”
“ซึ่งคุณหมอได้บอกว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดร่องใต้ตาลึกนั้นมีมาจากทางกายภาพ แบ่งได้เป็นในคนอายุน้อย เกิดได้จากโครงกระดูกช่วงเบ้าตาและใต้ตาที่เจริญเติบโตไม่ดี ทำให้ไม่มีตัวค้ำยันเนื้อเยื่อใต้ตา เกิดให้เห็นเป็นถุงใต้ตาและร่องใต้ตาได้เห็นคนที่มีอายุมาก แต่มีลักษณะของผิวที่ยังตึงไม่หย่อนยานในคนอายุมากมีได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเกิดจากการยุบตัวของกระดูกเบ้าตา การยุบตัวของชั้นเนื้อเยื่ออ่อนทั้งชั้นไขมันและกล้ามเนื้อ การหย่อนของผิวหนังชั้นบนและการยืดออกของชั้นกล้ามเนื้อรอบดวงตา การยืดออกของเส้นเอ็นที่ยึดผิวหนังไว้กับกระดูกเบ้าตา พอเจอปัญหาเหล่านี้หมอเกรซได้แนะนำวิธีการแก้ไขปัญหาร่องใต้ตาลึก คือในกรณีที่ไม่อยากทำการเติมเต็มหรือศัลยกรรมใดๆ ก็มีทางออกได้โดยการแต่งหน้าโดยการใช้เบสปรับสภาพผิวบริเวณรอบดวงตา เริ่มจากแตะเนื้อครีมไปยังบริเวณรอบดวงตาแล้วทำการเกลี่ยเบาๆให้เนื้อเบสเรียบเนียน จะช่วยกลบปัญหาร่องตาลึกและปรับสีผิวรอบดวงตาให้ดูสดใสได้ช่วยคราว”
โดยหมอเกรซได้แนะนำเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ยังมีการใช้วิธีการผ่าตัด จะได้ผลดีหากเกิดมากจากสาเหตุมีการเคลื่อนตัว ทะลักของถุงไขมันใต้ลูกตาออกมามาก ร่วมกับมีการยืดยายออกของผิวหนังทำให้มีผิวหนังเกิน แต่ถ้าหากมีการเอาไขมันบริเวณใต้เปลือกตาล่างออกมากจนเกินไป รวมไปถึงการตัดแต่งเปลือกตาบน ก็อาจส่งผลให้เกิดปัญหาร่องตาลึกหรือเบ้าตาโบ๋ตามมาได้เช่นกันเนื่องจากการตัดหนังที่ชั้นเปลือกตาบนออกมาเกินจะทำให้เสียรูป ส่งผลทำให้ใต้ตาเป็นร่องยุบลึกลงไปและเปลือกตาบนก็มีชั้นตาที่ลึกมากเกินไปคล้ายสระอิ หางตาดูเหมือนจะตกลง ทำให้ใบหน้าดูอิดโรยไม่สดใส อีกด้วย
ส่วนกรณีการใช้สารเติมเต็มเหมาะสำหรับผู้ที่มีร่องใต้ตาไม่ลึกหรือกว้างมากนัก โดยนำสารสังเคราะห์ที่ถูกสร้างขึ้นมาให้ใกล้เคียงกับสารที่มีอยู่ในร่างกายอย่าง ไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) เติมเต็มเข้าไปใต้ผิวหนังบริเวณใต้ตาที่มีปัญหาร่องลึก ด้วยเทคนิค Dermo Touch Eye Filler Technique นั่นเอง เทคนิคนี้จะเป็นการฉีดฟิลเลอร์บริเวณใต้ตาทีละน้อยๆ เพียงจุดละ 0.01 cc. เท่านั้น เทคนิคนี้จะทำให้เกิดการกระจายตัวฟิลเลอร์ในการฉีดไม่ให้กระจุกเป็นก้อน รวมถึงมีการใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณที่น้อยลง ประกอบกับเทคนิคที่ฉีดบริเวณชั้นผิวหนังที่ตื้นเท่านั้น ทำให้ผลข้างเคียงหรือปัญหาที่ตามมานั้น แทบไม่พบเจอเลย จากเทคนิคเดิมๆ ที่ฉีดแล้วฟิลเลอร์เป็นก้อน ไหลไปตามจุดต่างๆ หรือมีการฉีดเข้าไปในส่วนที่ลึกเกิน ทำให้เส้นเลือดอุดตัน ส่งผลทำให้เสี่ยงต่ออาการตาบอดได้ง่าย แต่ทั้งนี้ไม่ว่าจะเลือกใช้แนวทางการแก้ไขด้วยวิธีใดควรศึกษาข้อมูลและเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชียวชาญเฉพาะทาง เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสวยงามและปลอดภัยได้อย่างที่ต้องการ