ดารากับความสวยความงามเป็นของคู่กัน ยิ่งต้องทำงานหน้าจอยิ่งต้องดูดีตลอดเวลา บรรดาคนดังทั้งหลายจึงต้องดูแลตัวเองให้สวยหัวจรดเท้า ยิ่งปัจจุบันมีคลินิกความงามและนวัตกรรมใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมายที่จะช่วยให้คุณสาวๆ สวยทางลัด ปลอดภัย และตอบโจทก์ เรียกว่ามีครอบคลุมให้เลือกใช้ตามความต้องการ เช่นเดียวกับอดีตนางสาวไทยและพิธีกรชื่อดัง “บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” แม้อายุจะปาเข้าเลขสี่แล้วแต่ก็ยังสวยเด้งไม่เปลี่ยน ซึ่งอีกหนึ่งเคล็ดลับของบุ๋มก็คือการเลือกคลินิกความงามที่ไว้ใจได้อย่าง Doctor Grace Clinic ให้ช่วยดูแลเรื่องความสวยความงามบนใบหน้า เรียกว่าถึงจะผ่านไปกี่ปีก็ยังสวยสมมงฯกาลเวลาทำอะไรเธอไม่ได้
นอกจาก Doctor Grace Clinic จะเป็นคลินิกที่ดูแลเรื่องความงามแล้ว ยังมีนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาให้สาวๆ ได้ใช้บริการมากมาย ล่าสุดคือเทคนิคใหม่ที่ช่วยแก้ปัญหาเรื่องของดวงตา ที่เรียกว่า “Dermo Touch Eye Filler Technique” ปัญหาของดวงตาที่พบโดยเฉพาะเรื่องของตาคล้ำและถุงใต้ตาบวมคล้ำ ซึ่งจะมีการใช้เทคนิคทางการแพทย์คือ “การฉีดฟิลเลอร์” เข้าไปเติมเต็ม ช่วยทำให้ผิวหนังดูตื้นขึ้น ใบหน้าสดใสมีออร่าอย่างเห็นได้ชัดเจน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ “หมอเกรซ” พญ.เสาวภาคย์ พงศ์ศศิธร แห่ง Doctor Grace Clinic แพทย์ด้านความงามที่มีประสบการณ์สร้างสรรค์ความงามให้กับคนดังหลายคนได้ให้ความรู้และข้อแนะนำกับเรื่องของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาว่า ขณะนี้ได้มีเทคนิคใหม่คือ Dermo Touch Eye Filler Technique เป็นการฉีดฟิลเลอร์บริเวณใต้ตาทีละน้อยๆ เพียงจุดละ 0.01 cc. เท่านั้น โดยฉีดในผิวชั้นตื้นๆ เทคนิคนี้เป็นเทคนิคที่คุณหมอได้พัฒนาขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาข้างต้นโดยเฉพาะ ผลลัพธ์ที่ได้เพื่อทำให้ผิวรอบดวงตากลับมาสวยใสธรรมชาติดังเดิม
ทั้งนี้เทคนิคเดิมๆ จะเน้นการใช้ปริมาณฟิลเลอร์จำนวนมากฉีดเข้าไปบริเวณใต้ตา โดยไม่กระจายจุดในการฉีด ทำให้สามารถเห็นก้อนฟิลเลอร์ได้ง่ายเวลาที่เรายิ้ม แต่เทคนิคใหม่นี้รับรองว่าดูเป็นธรรมชาติ ไม่มีใครทราบว่าไปฉีดฟิลเลอร์มาแน่นอน เพราะอย่างที่บอกเราใช้ยาปริมาณน้อยๆ กระจายไปหลายๆ จุด ทำให้ดูสวยธรรมชาติ ไม่มีลักษณะเป็นก้อนเหมือนเทคนิคเดิมๆ
เทคนิคนี้เป็นการฉีดฟิลเลอร์ลงบนชั้นผิวหนังที่ตื้นมากๆ ทำให้ผิวหนังได้รับการเติมเต็มที่ง่ายขึ้น ปริมาณการใช้ตัวยาฟิลเลอร์ก็น้อยลง ช่วยทำให้คนไข้สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษาได้พอสมควร ที่สำคัญคือ มีความปลอดภัยมากขึ้น เนื่องจากมีการกระจายตัวฟิลเลอร์ในการฉีดไม่ให้กระจุกเป็นก้อน รวมถึงมีการใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณที่น้อยลง ประกอบกับเทคนิคที่ฉีดบริเวณชั้นผิวหนังที่ตื้นเท่านั้น ทำให้ผลข้างเคียงหรือปัญหาที่ตามมานั้น แทบไม่พบเจอเลย จากเทคนิคเดิมๆ ที่ฉีดแล้วฟิลเลอร์เป็นก้อน ไหลไปตามจุดต่างๆ หรือมีการฉีดเข้าไปในส่วนที่ลึกเกิน ทำให้เส้นเลือดอุดตัน ส่งผลทำให้เสี่ยงต่ออาการตาบอดได้ง่าย แต่ไม่ว่าคุณจะเข้ารับการรักษาที่ไหน ควรเลือกคลินิกที่ทำการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางจริงๆ เพราะการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้น จำเป็นต้องใช้ความละเอียดสูงมาก