“เฟมัส” ตีแสกหน้า “ขันเงิน” ลึกซึ้งแล้วเท ความรู้สึกต่างกันนะ! แต่ยอมรับพี่เขาเป็นคนดี

“เฟมัส เฌอร์ลิน” จบดรามา “ขันเงิน” ขอบคุณที่ออกมาปกป้อง บอกอยากเป็นพี่น้องก็ตามนั้น ขอเป็นความรู้สึกดีๆ ที่ผ่านไปแล้ว รับบอกก่อนบอกหลังความรู้สึกต่างกัน ยันกล้าออกมาแฉมีสัมพันธ์ลึกซึ้ง เพราะเป็นเรื่องจริง ด้านต้นสังกัดสาวเซ็กซี่ซัดฝ่ายชาย เพลย์บอยของแท้ต้องไม่แบดบอย

ฮือฮาสนั่นหลังจากที่สาวเซ็กซี่ “เฟมัส เฌอร์ลิน” ออกมาประกาศว่าถูกนักร้องฮิปฮอปเท เซโรงัง ถึงขั้นออกมาโพสต์ฉะ “ขันเงิน เนื้อนวล” หรือ “ขันเงิน ไทยเทเนี่ยม” ว่า อย่าทำแบบนี้กับใคร ซัดมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งแล้วเปลี่ยนไป จนฝ่ายชายออกมาโพสต์ยอมรับว่าข้อความสนทนากันเป็นของจริง ไม่อยากให้ด่าฝ่ายหญิง ก่อนย้ำอยากโสด รักคนยาก และไม่เคยหลอกใครให้ความหวัง

ล่าสุด สาวเฟมัส ก็ออกมาเปิดใจเต็มๆ อีกครั้ง ณ Playboy Studio เดอะซีนทาวน์อินทาวน์ โดยยอมรับว่าฝ่ายชายเป็นคนดี แต่การบอกก่อนบอกหลัง ความรู้สึกต่างกัน

“จริงๆ แล้วที่เฟออกมาพูดในส่วนของที่โพสต์ไป จากตอนนั้นมันเป็นเรื่องของคนสองคน แต่ว่าตอนที่โพสต์ไปคือเราอยากระบาย เพราะว่าอารมณ์ ตอนนั้นอยากให้พี่เขารู้ว่าเฟรู้สึกยังไง ตอนนั้นเฟเจ็บค่ะ ที่บอกว่าชัดเจน ชัดเจนจริงค่ะ แต่ว่าชัดเจนก่อนกับหลังความหมายเหมือนกัน แต่ความรู้สึกต่างกันมากเลยนะคะ ก็เลยอยากบอกว่าชัดเจนก็ดีแล้วค่ะ แต่ว่าก็อย่าไปทำแบบนี้กับใครอีก อันนี้คือเหตุผลที่โพสต์ค่ะ แต่ว่าตอนนี้ก็ไม่ได้ติดใจอะไรแล้วค่ะ ก็โอเคอยากจบกับพี่เขาด้วยดีค่ะ ก็ขอให้เป็นความรู้สึกดีๆ ที่ผ่านไปดีกว่าค่ะ”

“เราเจอกันสถานที่ที่หนึ่งคะ แต่ว่าไม่ลงดีเทลนะ เรารู้จักกันมาประมาณ 1 ปี แต่ว่ามันคุยกันเยอะๆ ก็คือช่วงครึ่งปีหลัง ตอนนั้นก็คุยกัน เวลาเราคุยกันก็จะสามารถรู้สึกได้อยู่แล้วเนอะว่าคนไหนคือเพื่อนและคนไหนมากกว่าเพื่อน เราก็มั่นใจในตอนนั้นว่ามากกว่าเพื่อนแน่นอนค่ะ”

บอกคบกันครึ่งปีหลัง คุยกับใครที่มากกว่าเพื่อนจะสัมผัสและรู้สึกได้เอง
“คบกันจริงๆ จังๆ ประมาณครึ่งปีหลังค่ะ ก็ไม่ได้มีใครพูดนะคะว่าคบกัน แค่เวลาเราคุยกับใครที่มันมากกว่าเพื่อนเราก็จะรู้อยู่แล้วไงคะว่ามันเป็นคำพูดยังไงอะไรยังไง เราไม่เคยคุยเรื่องสถานะค่ะ หลังจากที่เรามีความสัมพันธ์โน่นนี่นั่นอย่างที่เฟโพสต์ไปสักระยะหนึ่ง ก็ชัดเจนค่ะ แต่ว่าที่เฟตอบไปในนั้นที่เห็นว่าเฟโอเค จริงๆ แล้วมันไม่มีใครโอเคหรอกค่ะ ความรู้สึกของผู้หญิงมันพูดยาก”

“มันไม่ได้มีการระบุชัดเจนนะคะ แต่ว่าในส่วนของการกระทำหรือเวลาที่เราพูดคุยกัน ซึ่งถ้าเป็นคนพิเศษมันก็จะแบบ...ยังไง ก็มีคุยกันค่ะ ถ้าว่างก็จะเจอกันบ้างอะไรแบบนี้ค่ะ”

เสียความรู้สึกแต่ต้องยิ้มสู้ เพราะรู้สึกดีไปแล้ว คาดเยอะสิ่งเกินไปจนอีกฝ่ายตีตัวออกห่าง
“สาเหตุที่เขาเปลี่ยนไปเฟก็ตอบไม่ถูกเหมือนกันค่ะว่ามันเกิดอะไรขึ้น เฟก็ไม่รู้เหมือนกัน คือคนเราถ้าความรู้สึกมันไม่เหมือนเดิมมันจะรู้สึกนะคะ เช่น การที่เขาตอบเรา เขาสนใจเราน้อยลง คือมันจะรู้สึกได้ค่ะ เราก็ไม่ได้ถามค่ะ คือ พอเห็นข้อความนั้นจากเขาเราก็เดาเอาเองว่าพี่เขาไม่น่าจะชอบคนเยอะ แต่ว่า ณ ตอนนั้นผู้หญิงรู้สึกดีไปแล้ว เราก็เลยยังอยากที่จะคุยเหมือนเดิม อยากเจอ คือเราเชื่อว่าเรายังมีความหวังอยู่ แต่พอเรื่องมันมาถึงระดับนั้นมันก็คงไม่มีแล้วแหละ ถามว่าเสียความรู้สึกมั้ยว่าเขาไม่ได้จริงจัง คือความรู้สึกก็เสียค่ะ แต่ต้องยิ้มรับ เพราะรู้สึกดีไปแล้ว”

กล้าประกาศมีสัมพันธ์ลึกซึ้งเพราะเป็นความจริง รับผิดทำอะไรขาดความยั้งคิด
“อย่างที่ได้บอกไปว่าตอนนั้นมีเรื่องของอารมณ์เข้ามาเกี่ยวด้วย คือ เราไม่ไหวแล้ว เราก็อยากให้เขารับรู้บ้าง แต่อย่างที่เฟบอกถ้าหากพี่เขาชัดเจนเฟก็โอเค แต่ก็ไม่อยากให้พี่เขาไปทำกับใครอีกค่ะ (ทำไมถึงกล้าแลกด้วยการบอกว่าเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน?) ก็มันเป็นเรื่องจริงค่ะ ที่บอกว่าเราเป็นผู้หญิงอาจจะได้ไม่คุ้มเสีย เฟเข้าใจนะคะ แต่อย่างที่เฟบอกว่าบางทีเฟอาจจะยังเด็ก มันก็เลยทำให้เรายั้งคิดยั้งทำเรื่องอารมณ์ไม่ค่อยได้ คือมันเป็นอารมณ์ค่ะ”

เผยอีกฝ่ายโทรศัพท์มาหาแต่ไม่รับสาย ซัดบอกก่อนบอกหลังความรู้สึกต่างกัน ไม่อยากให้ทำกับใคร
“พี่เขาก็โทร.มานะคะแต่ก็ไม่ได้รับ แต่ก็มีการไลน์คุยกัน ซึ่งอันนี้เฟขอไม่ลงดีเทลดีกว่านะคะ คือเขาก็พูดลักษณะว่าเขาก็บอกไปแล้ว แต่ว่าเฟก็อย่างที่บอกไปว่าบอกก่อนกับบอกหลังความรู้สึกมันต่างกัน ไม่อยากให้ทำกับใครอีก ก่อนหน้านี้ยูก็รู้เราเทคแคร์ยูแต่ไหน”

“เรื่องร้องไห้ก็ร้องพอแล้วค่ะ อยากให้เป็นความรู้สึกดีๆ ที่ผ่านไปค่ะ ตอนนี้ก็จบแล้วค่ะ สำหรับเฟถ้าพี่เขายังอยากเป็นพี่เป็นน้องก็ยินดีค่ะ”

ครอบครัวไม่ว่า ไม่กล้าอ่านคอมเมนต์
“ครอบครัวก็ไม่ได้ว่าอะไรค่ะเพราะเขาเห็นว่าเฟก็หนักอยู่ แต่มีการให้กำลังใจกัน ไม่อยากให้คิดมาก แต่ก็คงจะมีการพูดคุยกันแน่นอนแต่หลังจากนี้ค่ะ ถ้าถามถึงกระแส เฟยังไม่ได้อ่านคอมเมนต์ด้วยตัวเองเลยค่ะ ไม่กล้าอ่าน มีคนบอกว่ามีทั้งให้กำลังใจและว่า แต่อันนี้เฟก็ถือว่ามันเป็นมุมมองของแต่ละคนนะคะ เฟไม่ขอออกความเห็น”

“เรื่องลบรูปทิ้งก็อย่างที่บอกเฟทำไปเพราะอารมณ์ และเฟกับพี่ขันก็ไม่ได้มีการพูดคุยถึงเรื่องลบรูปเลยด้วย ส่วนที่เขาบอกว่าอย่ามาต่อว่าเรา ก็ขอบคุณค่ะ แต่เฟไม่เคยบอกนะคะว่าพี่เขาไม่ดี พี่เขาดีค่ะ แค่ในมุมมองความรู้สึกที่เฟได้รับรู้เฟได้โพสต์ลงไปเฟอยากจะบอกตรงนี้มากกว่า แต่จริงๆ แล้วพี่เขาเป็นคนดีค่ะ”

ขอบคุณที่ปกป้อง บอกฝ่ายชายเป็นคนที่ดี
“ส่วนที่เขาโพสต์ก็มีคนมาบอกบ้างค่ะ แต่ยังไม่ได้อ่านอย่างละเอียด ก็ต้องขอบคุณที่ออกมาปกป้อง คือเฟไม่เคยบอกว่าพี่เขาไม่ดีนะคะ พี่เขาดี แต่ในมุมมองความรู้สึกที่เฟได้รับรู้คือการที่เฟได้โพสต์ลงไป อันนี้คือเรื่องที่เฟอยากบอกมากกว่า จริงๆ พี่เขาเป็นคนดีค่ะ เรื่องที่เขาโดนโจมตีหนักอันนี้ขอไม่ออกความคิดเห็นดีกว่าค่ะ คือไม่อยากพูดอะไร เพราะอย่างที่บอกว่าพี่เขาก็เป็นคนดี แต่แค่อันนี้มันคือเรื่องของคนสองคนค่ะ”

“ถามว่ายังเสียใจมั้ย อย่างที่บอกค่ะว่ายังรู้สึกดีๆ ให้พี่เขาอยู่นะคะ แต่ขอให้มันเป็นความรู้สึกดีๆ ที่มันผ่านไปดีกว่า เรื่องอยากดังเฟไม่อยากพูดอะไรค่ะ เพราะถึงเฟจะพูดอะไรไปความคิดเห็นของแต่ละคนก็แตกต่างกัน ก็แล้วแต่จะคิดค่ะถ้าคนไม่เข้าใจก็ย้อนกลับไปคำตอบเดิมค่ะ ที่ตอบว่ามันเป็นเพราะอารมณ์ ทำลงไปโดยไม่ยั้งคิดค่ะ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ก็จะไม่ทำค่ะ สภาพจิตใจตอนนี้ดีขึ้นแล้วค่ะ”

ฝากบอกขันเงินยังรู้สึกดีด้วย ไม่มีอะไรติดค้างอีก
“ทางผู้จัดการบอกว่าก็ค่อนข้างเยอะค่ะ แต่ตอนนั้นเฟยังไม่อยากพูดอะไรมาก เฟก็ไม่รู้ว่าเรื่องที่ทำไปแล้วจะส่งกระทบในอนาคตกับเฟยังไง (มีอะไรอยากบอกขันเงิน?) เฟยังรู้สึกดีกับพี่เขานะคะ ขอให้จบกันด้วยดี เฟไม่มีอะไรติดค้างใจค่ะ ขอให้เป็นความรู้สึกดีๆ ที่มันผ่านไปแล้ว และขอบคุณที่ออกมาปกป้องเฟ พี่เขายังเป็นห่วงเฟเสมอ ถ้าได้เจอกันข้างนอกสำหรับเฟก็ไม่มีปัญหาค่ะ”

ลุคแรงแค่งาน ตัวจริงเป็นผู้หญิงธรรมดาเท่านั้น
“เฟมองว่ามันเป็นงานค่ะ อยากให้มองไลฟ์สไตล์ของเฟมากกว่าว่าเฟเป็นคนยังไง อันนั้นมันเป็นแค่ลุคของการถ่ายแบบที่ดูเซ็กซี่ แต่จริงๆ แล้วเฟเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นเองค่ะ”

ด้าน “เอ้ ณัฐชนันท์ สิทธิเสนา” ต้นสังกัดผู้ดูแลสาวเฟมัส ก็แอบซัดเบาๆ ระวังจากเพลย์บอยจะเป็นแบดบอย
“ของเราชัดเจนตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าเราไม่ได้ต้องการให้สาวๆ ของเราไปสร้างภาพหรือสร้างชื่อในมุมที่เป็นลบนะคะ อันนี้มันเป็นอารมณ์ชั่ววูบของเฟมัสเอง ซึ่งจริงๆ เขาไม่ได้ปรึกษา พอเราได้เห็นเราถึงได้มาคุยกันอีกที กระบวนการที่เกิดขึ้นระหว่างคนสองคน เราก็พอจะทราบบ้าง แต่ไม่ทราบถึงความสัมพันธ์มากน้อยอะไรยังไง”

“ส่วนในเรื่องของความเป็น play boy bunny เราพยายามจะเสนอในมุมของความเซ็กซี่ที่เป็นศิลปะเท่านั้น สาวๆ ต้องมีความรู้และสามารถนำไปต่อยอดในการทำงาน ซึ่งเรามองว่าสิ่งนี้มันดีกว่าที่จะให้คนมามองว่าผู้หญิงคนนี้เซ็กซี่จนมีคนเข้ามาด่าเยอะมากๆ คนจะมองว่าทำไมมาแก้ผ้า มาถ่ายแบบเซ็กซี่ คือเราอยากจะให้ย้อนมองอีกมุมว่าก่อนที่เขาจะได้รูปร่างที่ดีแบบนี้เขาต้องใช้เวลาค่อนข้างเยอะ และเวลาอยู่ในสัญญาเขาจะมีข้อตกลงห้ามรูปร่างผิดเพี้ยนไปไม่งั้นจะโดนหักเงิน เพื่อสร้างเป็นมาตรฐานของเรา”

“ส่วนในมุมของ play boy เจ้านายของเรา คือ king of play boy เนี่ย ส่วนตัวเอ้เองมองว่าเป็น play boy ที่เป็นเรียล play boy นะคะ แกจะบอกสาวๆ ในสังกัดตลอดเวลาว่าตอนนี้เรารู้ว่ามีคนเข้ามาหาสาวๆ ของเราเยอะมาก เพราะมีสาวๆกว่า 40 ชีวิต แกจะบอกตลอดว่าใครที่เข้ามาให้ดูว่าเขาบอกก่อนหรือเขาบอกหลัง ถ้าเขาบอกก่อนว่าเขาใช้ชีวิตแบบนี้ คุณยอมรับและอยู่กับสิ่งนั่นได้ โทษเขาไม่ได้ แต่ถ้าเกิดว่าเขาไม่ได้พูดถึง แล้วเขาใช้ชีวิตเป็น play boy แล้วมาบอกทีหลังว่าเขาต้องการมีอิสระ อันนี้ไม่ใช่ play boy เป็น bad boy เราต้องการให้สังคมรู้จัก play boy ที่เป็นเรียล play boy จริงๆ”