แร็ปเปอร์คนดัง “ทีเจ จิรายุทธ” คุมอารมณ์ไม่อยู่ ฉะเกรียนคีย์บอร์ดวิจารณ์สะพายกระเป๋าแบรนด์เนมขึ้นร้องเพลงหน้าส้นตีน - เรื่องของกู สารภาพเป็นไบโพลาร์ โรคซึมเศร้า 2 ปี ต้องกินยาตลอดชีวิต เคยคิดสั้นจะฆ่าตัวตายแต่ไม่ตาย
ฉะกลับเกรียนคีย์บอร์ดด้วยข้อความแรงไม่น้อยเลยทีเดียว สำหรับแร็ปเปอร์ “ทีเจ จิรายุทธ ผโลประการ” ที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ “UrboyTJ” หลังถูกวิจารณ์กรณีที่สะพายกระเป๋าแบรนด์เนมขึ้นร้องเพลงบนเวทีคอนเสิร์ต โดยเจ้าตัวเปิดใจว่า โกรธจนใครก็เอาไม่อยู่ เผยตัวเองเป็นโรคซึมเศร้า ไบโพลาร์ เคยคิดสั้นจะฆ่าตัวตาย
“คือวินาทีนั้นผมโกรธเพราะว่าผมเป็นคนขี้โมโห ก็ไม่มีใครห้ามผมทันก็เลยพิมพ์ตอบโต้กลับไป เขาก็ตอบโต้กลับ เขาไม่หยุดครับ เขายาวมาก แล้วสักพักพอผมคิดได้ก็แบบเราจะตอบทำไม ก็เลยงั้นจบนะ แล้วลบทั้งหมดทิ้ง บล็อกเขาหมดเลยครับ ทุกช่องทาง ไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนจับผิดครับ ตอนผมเป็นเด็กอายุ 15 ก็มีคนมาหาว่าผมติดยาเสพติด ผมก็ด่าไป แต่ตอนนั้นยังไม่ดังก็เลยไม่เป็นข่าว”
“คอนเสิรต์อื่นผมก็มีสะพายกระเป๋าขึ้นไปเล่นบ้าง แต่ว่ามันก็ไม่มีกระแสอะไรขึ้นมา แต่ช่วงนั้นมันเป็นช่วงที่ Louis Vuitton x Supreme กำลังมา แล้วทุกคนกำลังพูดถึงก็เลยเป็นกระแสครับ เจตนาคือผมอยากอวดครับ ก็คือเรามีโอกาสได้ซื้อ เรามีโอกาสได้ใส่ แล้วมันก็เป็นงานคอนเสิร์ตที่เราชอบแต่งตัว เราก็อยากสะพายขึ้นไปเล่นแค่นั้นเอง แต่ตอนนี้ขายไปแล้วครับ คือผมเป็นคนขี้เบื่อมาก ซื้ออะไรมาใส่แล้วพอคนถ่ายรูปเยอะๆ แล้ว คนก็จำได้ ผมก็ขายทิ้งเลย (ไม่ได้ขายเพราะตัดปัญหา?) ไม่ครับ แล้วผมก็ไปซื้อใบใหม่มาแล้ว ผมไม่ได้จงใจว่าคอนเซปต์ทุกครั้งต้องถือกระเป๋า มันแล้วแค่งาน หลังจากนี้ถ้ามีอะไรที่อยากโชว์ ผมก็จะเอาขึ้นไปโชว์ ถ้าสมมติวันนั้นผมใส่กางเกงใน Supreme ผมก็จะโชว์”
ไม่มีใครเตือนเพราะเป็นศิลปินอิสระ รับอยากบุกไปหาที่บ้านเพราะโกรธจัด เป็นโรคซึมเศร้า หาหมอ 2 ปี ต้องกินยาทุกวัน
“คือพอดีผมเป็นศิลปินอิสระ ไม่มีค่าย คนที่มาเตือนก็จะเป็นแค่แบบคนที่รู้จักสนิทกันจริงๆ เขาก็บอกให้ใจเย็นๆ เพราะวินาทีนั้นผมจะตามไปหาที่บ้านเลยนะ ว่าเป็นใคร อยู่ที่ไหน มันโกรธจริงๆ ผมเป็นคนโมโหง่ายครับ ตอนนี้ก็ดีขึ้นครับ คือ จริงๆ จะบอกว่าผมเป็นโรคซึมเศร้า ไม่มีใครรู้มาก่อน ผมหาหมอมา 2 ปีแล้วยังไม่หาย แล้วพอมีอะไรที่กระทบจิตใจเรานิดเดียวไม่ว่าจะเป็นคอมเมนต์อะไรต่างๆ ผมจะมีอารมณ์ได้ง่ายมาก ผมต้องกินยาทุกวันครับ”
โพสต์ไอจีสีดำแค่ระบายอารมณ์ ชีวิตคล้ายเป็นไบโพลาร์ เคยคิดสั้นฆ่าตัวตายแต่ไม่ตาย
“ก็ส่วนหนึ่งครับ อารมณ์ตอนนี้มันดาร์ก ผมรู้สึกว่าแบบมันมีอะไรเข้ามาเยอะแยะไม่รู้ จนเรารับมันไม่ทัน ถ้าถามว่ากังวลมั้ยก็กังวลบ้าง เราพยายามที่จะใช้ชีวิตให้เป็นตัวเราที่สุด ถามว่าอยู่ในภาวะรุนแรงมั้ย คือมันจะมีช่วงก่อนหน้านี้ที่มันคล้ายๆ ไบโพล่าร์ ถ้ามีความสุขก็จะมีความสุขแบบแฮปปี้มาก ถ้าดาวน์ก็คือดาวน์ดิ่งไปเลย ช่วงเดือนที่แล้วที่เป็น หลังจากนั้น ก็ไปถามหมอหมอก็ปรับยาต่างๆ ให้ ตอนนี้ก็เริ่มรู้สึกดีขึ้นแล้ว ผมจะพยายามอยู่กับคนที่เขาเข้าใจเรา พยายามจะไม่อยู่คนเดียวเด็ดขาด การอยู่คนเดียวมันอันตรายมาก ก็โชคดีที่มีเพื่อนคอยอยู่ด้วย”
“พ่อแม่ผมเลิกกัน แยกทางกันตั้งแต่เด็ก แม่ก็ไม่ได้อยู่ด้วย อยู่ต่างประเทศครับ คือ ตอนนี้ใช้ชีวิตอยู่คนเดียว ถามว่าเคยมีคิดสั้นมั้ยมันก็มีครับ แต่ผมไม่อยากให้แม่รู้ก็เลยไม่ได้บอกใคร เคยคิดและทำด้วย ก็เข้าโรงพยาบาล แต่ก็ยังรอดมาได้ หลังจากนั้นผมก็รู้สึกตัวว่าโรคนี้มันร้ายแรงมาก ผมต้องเอาตัวเองไปหาหมอแล้ว เพราะเมื่อก่อนคิดว่าการไปหาจิตแพทย์เป็นอะไรที่ประหลาดมากๆ เราดูเป็นโรคจิต แต่พอหลังจากไปหาหมอก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ที่รู้เรื่องนี้มีรู้แค่คนที่สนิทครับ แต่ตอนนี้รู้กันหมดแล้ว (ยิ้ม) ก็ถ้าเกิดวันไหนมีข่าวผมผูกคอตายก็นั่นแหละ (ยกมือไหว้) (นักข่าวบอกไม่เอาสิ!) จริงๆ หลังๆ ผมปรึกษาจิตแพทย์ของผมว่าผมเป็นคนเซ้นซิทีปกับคอมเมนต์มาก ผมควรทำยังไงดี เขาก็บอกว่างั้นอย่าไปอ่าน”