“พลอย” ลูกตลก “ต่าย เชิญยิ้ม” รับยกพวกบุกกระทืบกิ๊กแฟนน้องสาวจริง บอกรับไม่ได้อีกฝ่ายโกหก ด้านพ่อออกปากขอโทษสังคม รับเลี้ยงลูกไม่ดี ก่อนยืนยันจะไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้อีก
จากกรณีที่ได้มีผู้ใช้แฟนเพจชื่อ Social Hunter ได้มีการโพสต์ภาพและคลิปวิดีโอที่หญิงสาวคนหนึ่งได้พาพวกเข้าไปรุมทำร้ายร่างกายหญิงสาวอีกคน พร้อมกับระบุว่า ผู้หญิงคนก่อเหตุนั้นคือ “พลอย นุชจรี นาคพงษ์” ลูกสาวของ นายคณิน นาคพงษ์ หรือ “ต่าย เชิญยิ้ม” นั่นเอง
ล่าสุด “ต่าย เชิญยิ้ม” พร้อมด้วย “น้องพลอย นุชจรี” ลูกสาว ก็ได้ออกมาเปิดใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ในรายการ “โหนกระแส” ทางช่อง 3 SD โดยทางต่ายเผยว่า ตนได้ว่ากล่าวตักเตือนลูก และได้ติดต่อกับทางคู่กรณีของลูกเพื่อไปพาลูกสาวไปขอโทษ และสัญญาว่าจะไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีก พร้อมทั้งยกมือไหว้ขอโทษต่อสังคม
“ตั้งแต่เห็นคลิปผมก็โทร.หาลูกสาวเลย บอกเขาว่าไม่ต้องพูดอะไรทั้งสิ้น ให้โทร.หาผู้หญิงคนนั้น ติดต่อได้ให้บอกมา เดี๋ยวไปขอโทษเขา เดี๋ยวไปเป็นเพื่อน ทำแบบนี้ไม่ถูก คือ ตอนนี้ถ้าผู้หญิงคนนั้นเขาดูทีวีอยู่ก็ให้ติดต่อมาทางเฟซบุ๊กผมก็ได้ ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งสิ้น ผมรับประกัน”
“หลายคนมองว่าสอนลูกไม่ดี ผมยอมรับว่าใช่ เมื่อก่อนผมคิดว่าสอนเขาดีแล้ว แต่พอเจอเหตุการณ์นี้ทำให้เรารู้ว่าเราสอนลูกไม่ดี จนสังคมประณาม ผมไม่ค่อยได้เจอลูก ก็เลยอยากจะขอโทษกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น และขอสัญญาว่าผมจะกลับไปดูลูกให้ดี และจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ถ้ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นผมจะรับผิดชอบเพียงผู้เดียว”
นอกจากนี้ ในโลกออนไลน์ยังขุดคุ้ยถึงเรื่องเก่าในอดีตของดาราตลก “ต่าย เชิญยิ้ม” ถึงเรื่องของการติดการพนัน เมาอาละวาดใส่ตำรวจ รวมถึงเรื่องยักยอกรถ ซึ่งต่ายเผยว่า
“เรื่องที่เขาขุดมาก็เป็นเรื่องของผม แต่เขาขุดมาผมก็ไม่ได้ว่าอะไร จะได้อธิบายให้ฟังด้วย เรื่องการยักยอกรถ ผมไปเคลียร์หมดแล้ว รถคันนี้ก็คืนเขาไปแล้ว มีประเด็นเกิดปัญหาขึ้นก็มีการฟ้องร้องกัน และเขาทำตามข้อตกลงไม่ได้ หาเงินมาจ่ายไม่ทัน ศาลก็เลยสั่งจำคุกเขา แต่ระหว่างยื่นถึงศาลฎีกา เขาหาเงินได้ ก็เลยนำเงินไปจ่าย จนจบแล้ว”
ส่วนเรื่องเมาแต่ไม่ยอมเป่า แถมอาละวาดใส่ตำรวจ คือ คนเมาก็อาการเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ณ ตอนนั้นไม่ยอมเป่า เถียงไปเถียงมา เขาก็ต้องเป่า ก็เสียค่าปรับ ขึ้นศาล บำเพ็ญประโยชน์และช่วยเหลือสังคม เขาก็ทำตามนั้น เรื่องก็จบ เรื่องเคยเป็นนักพนันตัวยง ก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริงสมัยวัยรุ่น เรื่องไปยืมเงินคนอื่น คนเล่นการพนันก็เป็นแบบนี้ทุกคน เราก็ไปยืมจริง อย่าป้าแจ๋ว ผมยืมจริง แต่ไม่ใช่การพนัน เพราะว่ารถผมเสีย เขาก็ช่วยผมตรงนี้ แต่ยังไม่ได้คืน เรื่องการพนันเลิกหมดแล้วครับ”
อย่างไรก็ตาม ทางด้าน “พลอย นุชจรี” เองก็เปิดใจถึงประเด็นดังกล่าว ว่า “เหตุผลที่ต้องลงไม้ลงมือเพราะว่า น้องตนนั้นคบกับแฟนอยู่ แต่ตอนหลังสงสัยว่าคุยกับคนอื่น เลยทักไปถามว่าคุยกับแฟนพี่หรือเปล่า แต่ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าไม่ได้คุยไม่รู้จัก เจอกันไม่กี่รอบเอง น้องตนก็ถามย้ำ เขาก็บอกไม่รู้จัก ก็จบตรงนั้น”
“จากนั้นน้องเราก็ไปทำงาน เขาก็ไปเอารถที่แฟน แต่ไม่ได้โทรบอก จะเข้าไปเอาที่บ้านเพื่อน เพราะแฟนน้องอยู่บ้านเพื่อน พอไปถึงก็จะเข้าไปเอา แต่ได้ยินเสียงผู้หญิงอยู่ในห้องนั้นก่อน แฟนน้องเขาก็เลยออกมาพอดี แต่น้องอยากเข้าไปดูว่าผู้หญิงอยู่เปล่า แฟนน้องไม่ให้เข้า เขาก็เลยโทรตามหนูบอกเจอแฟนเขาอยู่กับผู้หญิง”
“ตอนนั้นไปถึงเจอน้องอยู่หน้าบ้าน แฟนน้องด้วย น้องบอกมีผู้หญิงอยู่ข้างใน หนูก็กำลังจะเข้าไป แฟนน้องเขาก็บอกว่าพี่ผมผิดเอง ผมมีคนอื่น คือ ผู้ชายเขาจะพูดให้จบๆ ไป เพื่อให้พวกหนูกลับบ้านไป หนูกลับบ้าน แต่เราปีนรั้วเข้าไป เห็นผู้หญิง เลยบอกให้น้องเข้าตามมาเลย ผู้หญิงก็บอกขอโทษหนูไม่รู้ เราก็เลยถามไปว่าไหนบอกว่าไม่รู้จัก อารมณ์ตอนนั้นน้องเราร้องไห้ ทำอะไรไม่ถูก น้องเขาได้แต่ยืนเฉยๆ เราก็โมโหแทน ก็เลยทำเขาเตะที่หน้า”
“เหตุการณ์วันนั้นจบลงตรงที่มีเสียงโทรศัพท์แม่โทรเข้ามา (มันมีเสียงที่หลุดเข้ามาในคลิปว่าพลอยแม่บอกให้พอใช่มั้ย) ใช่คะ แม่โทรเข้ามาแล้วได้เสียงชุลมุนวุ่นวาย ก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น วันที่ทำเขาวันนั้นรู้มั้ยว่าเขาเลือดออก วันนั้นยังไม่เห็นคะ อารมณ์โมโหอยู่ แค่เตะไม่คิดว่าหัวเขาจะแตก หลายคนเขาบอกว่าไม่ใช่เรื่องคุณเลย มันคุ้มมั้ยที่ไปทำแบบนั้น ไม่คุ้มคะ แต่อารมณ์เห็นน้องตอนนั้นก็โมโหทำอะไรไม่คิด”
ขอโทษกับสังคมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รับพยายามติดต่อคู่กรณี แต่ติดต่อไม่ได้
“ตอนนั้นต้องขอโทษด้วยค่ะ แต่เวลานั้นเราแคร์ความรู้สึกน้องมากกว่า แล้วที่เราเอาคลิปมาโพสต์ก็ไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่อย่างนี้ด้วย ทำไมถึงไม่กระทืบฝ่ายชาย ตอนนั้นเราเข้าไปในห้องเจอผู้หญิง ผู้ชายเขาก็ขับรถออกไปเลย ซึ่งไม่รู้ว่าเขาไปไหน มาเจออีกทีตอนขับรถกำลังจะกลับ ก็พยายามติดต่อไปที่คู่กรณีก็ติดต่อไม่ได้ ไปหาที่บ้านเพื่อนก็ไม่เจอ ต่อจากนี้ไปก็จะไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้แล้วค่ะ”