อ้างวงใน ปูดข่าวแฉ “เอกชัย ศรีวิชัย” เครียด เงินในบัญชีเหลือ 5 ล้าน เหลือบ้านราคา 20 ล้าน แค่หนึ่งหลัง เจ้าตัวคาดถูกดิสเครดิตทางการเมือง ยันไม่ใช่มาเฟียปักษ์ใต้ รับปลายปีเปิดคอนเสิร์ตใหญ่ 30 รอบ พร้อมกลับมากำกับหนัง ลั่นไม่มีวันหมดตัว ไพ่, หวยก็ไม่เล่น ซื้อเด็กก็ไม่เยอะ!
ถูกปล่อยข่าวลือโดยอ้างว่ามาจากแหล่งข่าววงใน ระบุว่า นักร้องชื่อดังปักษ์ใต้ “เอกชัย ศรีวิชัย” กำลังเครียดหนัก เนื่องจากในตอนนี้เก็บเงินหลักสิบล้านที่เคยมีเริ่มร่อยหรอ เหลือเงินติดบัญชีแค่ 5 ล้าน กับบ้านราคา 20 ล้าน ส่วนสมบัติอื่นก็ไม่มี เพราะยกให้ญาติพี่น้องไปหมดแล้ว เครียดมากเพราะอายุก็มาก งานก็น้อยลง ซึ่งข่าวดังกล่าวทำแฟนคลับพากันตกอกตกใจไม่น้อย
ล่าสุด เอกชัยก็ออกมาเคลียร์ถึงประเด็นดังกล่าวแล้ว ยันความเป้นอยู่ยังสบายดี คาดอาจจะถูกดิสเครดิตทางการเมือง ทั้งที่ตนไม่ได้ยุ่งเรื่องการเมือง
“ก็เฉยๆ คงไม่มีอะไรเขียน (หัวเราะ) ความเป็นอยู่ของเราก็ยังอยู่สบาย แต่เราไม่เคยฟุ้งเฟ้ออยู่แล้ว ชีวิตที่อยู่ก็อยู่เรียบง่าย ไม่ได้โอ้อวดอะไรเลย ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา เห็นแล้วก็ไม่ตกใจ แล้วก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ก็คิดไม่ออกว่าเพราะอะไรทำไม หรืออาจจะดิสเครดิตทางการเมืองหรือเปล่า เพราะคนในวงการเขาก็รู้จักเรา แล้วก็จะรู้ว่าสถานภาพเราเป็นยังไง ก็บอกตลอดนะว่าไม่เอาเรื่องการเมือง จะมาดิสเครดิตเราทำไม”
“จริงๆ มันก็ไม่มีผลอะไรสำหรับเรา ถ้าทุกอย่างมันเป็นตามข่าว อันนั้นถึงจะมีผล เพราะอะไรเราก็ต้องรีบฟื้นตัวเอง ให้มันอยู่ในขั้นที่อยู่ได้ แต่ทุกวันนี้ไม่เห็นเป็นอะไร แต่ทำงานหนักมากกว่าเดิม รับละคร กำกับหนัง ปลายปีนี้ก็มีอีก 2 เรื่อง”
ไม่ทิ้งงานกำกับหนังเพราะมีความรู้ในเรื่องภาพยนตร์
“โนราห์ก็ยังเล่นอยู่เหมือนเดิม ปลายปีนี้ก็เปิดคอนเสิร์ตใหญ่อีก 30 รอบ กลับมาลุยหนังเพราะพอทำแล้วมันประสบความสำเร็จ หลายคนอาจจะไม่เข้าใจว่าเรามีองค์ความรู้อะไรเกี่ยวกับภาพยนตร์ แต่ย้อนกลับไปก่อนหน้าที่เราจะดัง เราเคยเล่นหนังกับ พันนา ฤทธิไกร สมัยที่เขายังอยู่ขอนแก่น สมัยนั้นเขาเรียกว่าหนังขายสาย ซึ่งไปดูได้เลย ตำนานรักสาวภูพาน, แว่วเสียงแคน เราเล่นมาเป็น 20 เรื่อง เล่นหนังบู๊ แล้วก็ทำงานภาพยนตร์ตั้งแต่มันเป็นฟิล์ม หนังสมัยนั้นมันต้องช่วยกันทำงาน เพราะไม่มีงบเยอะ ต้องมาช่วยกันยกรีเฟล็กซ์ เล่นๆ ไปฟิล์มหมด ก็ไปโชว์ตัวตามคาเฟ่แล้วก็เอาตังค์มาซื้อฟิล์มกันต่อ”
“เราไม่ได้เป็นนายทุนเอง เราทำให้กับสหมงคลฟิล์ม ทำให้กับโคลิเซียม ปลายปีนี้มี 2 เรื่อง คือ กองร้อยตะลุงตุงแช่กับเรื่องสีดาโรงคู่”
ไม่ใช่มาเฟียปักษ์ใต้ ไม่ยุ่งการเมือง อยู่แบบนี้สบายใจกว่า
“เรื่องข่าวการเมืองเรามีตลอด ถ้าตามข่าวในปักษ์ใต้จะรู้ว่าเรามีข่าวตลอดเรื่องข่าวการเมือง มีข่าวว่าจะลงการเมือง แต่จริงๆ เราก็พูดตลอดว่าไม่เอา ไม่ยุ่ง ไม่ใช่เรื่องของเรา เราเป็นเข็มเย็บผ้า ถ้าจะขอดเกล็ดปลาควรใช้มืออีโต้ ใช้คนให้เป็นเรื่องเป็นราว นักการเมืองมีคนเก่งๆ เยอะแยะ เราทำหน้าที่เป็นศิลปิน ให้เขาเรียกเป็นครูบาอาจารย์ สอนโนราห์ สอนหนังตะลุงของเราอยู่อย่างนี้ดีกว่า”
“ไม่น่าจะมีใครอิจฉาเพราะเราทำคุณประโยชน์เอาไว้เยอะ คนที่ทำเขาก็มีแต่ส่วนที่เราทำบังเอิญว่าเวลาเราทำเราไม่ได้อยู่ตำแหน่งการเมือง เราไม่ได้เอาเงินรัฐบาลไปทำ ทำส่วนตัวของเราเอง มันก็ต่างกันตรงนี้ เพราะเราไม่ได้ใช้ความเป็นนักการเมืองทำคุณประโยชน์ ถ้านักการเมืองจะทำคุณประโยชน์ก็อย่าอยู่ในการเมือง คุณต้องเอาเงินตัวเองไปทำถนน ทำไฟฟ้า แต่เราทำสารประโยชน์ของสังคม ซึ่งเราก็ทำของเรามาตลอด แล้วก็บอกตลอดว่าการเมืองไม่ได้หอมหวนสำหรับเรา เราไม่ทำ ซึ่งก็มีคนติดต่อเยอะแหละให้ไปเล่นการเมือง”
ไม่มีวันหมดตัว ไพ่, หวยก็ไม่เล่น ซื้อเด็กก็ไม่เยอะ!
“ถามว่าเรื่องข่าวแย่ๆ มันมาจากไหน เราเดาเอา เพราะทุกวันนี้ชีวิตก็ยังอยู่สุขสบายดี ไม่มีปัญหาเลย ต้องบอกว่าเรื่องการระวังตัว เราระวังตัวเองมาตลอด ทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็นปัจจุบันเรามีบ้าน มีทุกอย่างอยู่ เราไม่ได้มีวันเดียว เราเก็บหอมรอมริบ รู้จักใช้ รู้จักกิน เหล้า บุหรี่ การพนันเราไม่เล่น เพราะฉะนั้น สิ่งต่างๆ เหล่านี้ มันน่าจะเป็นแบบอย่างที่ดีด้วยซ้ำ แล้วก็ไม่รู้จะหมดตัวได้ยังไง ไพ่, หวย ก็เล่นไม่เป็น ซื้อเด็กก็ไม่น่าจะเยอะขนาดนั้น(หัวเราะ) อันนี้เรื่องสมมติ”
บอกบ้านไม่ใช่ชื่อตัวเอง ทุกอย่างเป็นกงสี ทุกวันนี้ต้องทำงาน ไม่งั้นจะบ้า
“อืม..บ้านของเราไม่มีชื่อของตัวเอง อาศัยครอบครัวอยู่ ทุกอย่างเป็นกงสีครับ มีที่ใต้ ที่กรุงเทพฯ ทุกวันนี้ถ้าไม่ทำงานก็อยู่ไม่ได้ เราจะบ้าตาย”