“หนูแหม่ม สุริวิภา” เผยตัดสินใจโพสต์จวกรายการไม่เป็นมืออาชีพ เพราะไม่เห็นแสงที่ปลายอุโมงค์ ยันเจ็บปวด เพราะไม่ใช่สไตล์ ขอโทษทุกคนที่ทำให้ตกใจ ไม่เก็บกระแสด้านลบมาเป็นอารมณ์ ยันทุ่มเต็มที่ 100 เปอร์เซ็นต์ ทุกงานที่จ้าง
เรียกว่าดรามาก่อเกิดก่อนที่ “Sing Your Face Off เปลี่ยนหน้าท้าโชว์ ซีซั่น 3” จะได้ออกอากาศ หลังจากที่พิธีกรหลัก “หนูแหม่ม สุริวิภา กุลตังวัฒนา” ออกมาโพสต์ฉะแรงทำงานไม่เป็นอาชีพ นัด 9 โมงเลิกตี 4 ไม่มีสัจจะวาจา ซัดขายความสามารถแต่ไม่ได้ขายชีวิต โดยต่อมาผู้จัด “เอ วราวุธ เจนธนากุล” ก็ได้ยกกระเช้าไปขอโทษทุกคนสยบดรามา
ล่าสุด หนูแหม่มก็ได้เปิดใจในงาน GRANDHOME EXPO 2017 ฉลองเปิดตัว แกรนด์โฮม บางนา แฟล็กชิปสโตร์แห่งใหม่ใหญ่ที่สุดบนพื้นที่รวมกว่า 25 ไร่ บริเวณถนนบางนา ซึ่งมาพร้อมกับ “บ๊อบบี้ โรเบิร์ต พูนพิพัฒน์” สามี โดยยอมรับว่า ตอนนี้ได้กลับมาร่วมงานกันเหมือนเดิม เพราะทุกฝ่ายสามารถแก้ไขปัญหาได้ทั้งหมด วันที่ตนโพสต์ก็เจ็บปวดไม่น้อย เพราะไม่ใช่สไตล์เลยสักนิด
“มันจบแล้ว ไม่อยากพูดถึง ทุกอย่างเคลียร์กันเรียบร้อยแล้ว ถ้าทุกคนทำตามเวลาที่เราคุยกันไว้ตั้งแต่แรกมันก็จะไม่มีปัญหาอะไร แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว พี่เอ (ผู้จัด) ก็น่ารักมาก พี่เอพาน้องๆ ทีมงานมาอธิบายว่าเขาจะแก้ไขให้เราเห็นเป็นรูปเป็นร่างให้เราเห็นยังไงเลยกลับไปทำ ก็บอกน้องเอไว้ว่างั้นเราลองกลับไปแก้ไขดูว่าครั้งต่อไปถ้าเราทำได้ ทุกอย่างก็จะเดินหน้าต่อไป สรุปก็ทำได้ เลิกตามเวลาค่ะ”
“ก็ยังเป็นพี่หนูแหม่มทำงาน คุยกันรู้เรื่องแล้ว ไม่ได้มีอะไรกัน แค่อยากอธิบายความรู้สึกในวันนั้นที่เรารู้สึกให้ทุกคนได้เห็น เผอิญว่าทุกอย่างรอบตัวมันเกิดขึ้นด้วยความที่หนึ่งก็ต้องเหนื่อย ด้วยเวลาที่เกินมากๆ ไม่ได้เป็นไปตามที่เราคุย วันรุ่งขึ้นเราต้องยกเลิกคิวอื่นทั้งหมดเลย ซึ่งเราวางแผนไว้หมดแล้วว่าทุกอย่างจะต้องไม่กระทบงานอื่น”
เจ็บปวดโพสต์จวกรายการไม่เป็นมืออาชีพ เพราะไม่ใช่สไตล์ ขอโทษที่ทำให้ทุกคนตกใจ
“อาจจะเป็นเพราะว่าหนูแหม่มไม่เคยโพสต์เรื่องอารมณ์ในโซเชียลมั้ง เราผ่านการคุยและเข้าใจตกผลึกในรอบก่อนที่จะทำงานแล้ว ไม่ใช่ว่ารับงานแล้วไม่ได้คุยแล้วลงแบบไม่มีเหตุผล ในวันนั้นทุกอย่างมันรวมกัน มันเลยขีดที่เราตกลงไปค่อนข้างเยอะ ก็เลยมองไม่เห็นว่าแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ของครั้งหน้าเนี่ยมันจะเป็นยังไง ก็เลยตัดสินใจเขียน จริงๆ ตอนที่เขียนก็รู้สึกเจ็บปวดนะที่ต้องเล่าอารมณ์ตัวเองให้กับโซเชียลรู้ ซึ่งอันนั้นมันไม่ใช่สไตล์ของพวกเราเลย ก็ขอโทษที่ทำให้ทุกคนรู้สึกตกใจและรู้สึกแปลกใจว่าทำไมพี่หนูแหม่มเป็นคนแบบนี้ แต่หลังจากนี้ไปก็จะบอกทุกคนว่าเราได้คุยได้เคลียร์กันแล้ว หลังจากนี้ไปหนูแหม่มก็ทำงานเหมือนเดิม เนื่องจากครั้งที่ 2 - 3 เราได้ทำการอัดและเลิกตามเวลาค่ะ”
“ก็น้องๆ ที่มานั่งทำอยู่ตรงนั้นแหละให้กำลังใจ (หัวเราะ) ก็สงสารน้องๆ นะคะ เห็นใจทุกคนเพราะทุกคนก็ทำงานในวันนั้นและเลิกพร้อมกัน มันเป็นรายการที่ไม่สามารถจะเลือกใครก่อนได้ เราอยู่ในสถานการณ์เดียวกันเนอะ แต่ว่าทุกคนเข้าใจนะคะ และบอกเลยว่า กอล์ฟ (พิชญะ นิธิไพศาลกุล) ทำงานตั้งใจมาก คือ น้องๆ ผู้เข้าแข่งขันทุกคนตั้งใจทำงานมาก อยากให้ดูในซีซั่นต่อไปมากกว่าว่าพวกเราเปลี่ยนแปลงอะไรกัน แต่เรื่องเวลามันจบแล้ว เพราะน้องๆ ทีมงานได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าในครั้งต่อไปเขาทำเสร็จตามเวลา ตอนนี้ก็ลบออกไปแล้วค่ะ ซึ่งก็มีกระแสต่างๆ นานา คือ ในโลกนี้มีทั้งสองด้าน คือ มีทั้งคนที่ชอบเราอยู่แล้วกับไม่ชอบเรา ก็จะมีทั้ง 2 กระแสเป็นธรรมดาค่ะ แต่โดยส่วนใหญ่น้องๆ จะตกใจมากกว่าว่าเกิดอะไรขึ้น พี่ลิง (สมเกียรติ จันทรพราหมณ์) โทร.หาเลยว่าเจ๊เป็นอะไรค่ะ”
ไม่เก็บกระแสด้านลบมาเป็นอารมณ์ ทุกคนแสดงความคิดเห็นได้ทั้งนั้น
“เผอิญหนูแหม่มไม่ได้อ่านค่ะเลยไม่รู้สึกว่าต้องเอามาเก็บเป็นอารมณ์ ทุกคนแสดงความคิดเห็นได้เนื่องจากว่าตอนนี้ทุกคนมีช่องของตัวเอง มีพื้นที่ของตัวเอง เพราะฉะนั้นในพื้นที่ของคนอื่นเราก็ไม่ได้เข้าไปดู แต่ถ้าเป็นในพื้นที่ของเราก็คงไม่ได้มีใครมาทำอะไรในพื้นที่ของเราค่ะ”
“เรื่องโพสต์เราก็ไม่ได้ต้องคิดเยอะเลย เพราะเราไม่ได้เป็นคนที่โพสต์อะไรแบบนี้พร่ำเพรื่ออยู่แล้ว คือเราเป็นคนที่ดูความพอดีเหมาะสมในการลงอยู่แล้ว ก็อยากจะให้ทุกคนเห็นเราในมุมที่มีความสุขกับเราด้วย เพื่อที่ทุกคนจะได้ไม่รู้สึกขุ่นเคืองใจ กังวลใจ และอีกอย่างทุกอย่างก็ผ่านไปแล้ว หนูแหม่มก็สบายใจที่ได้ร่วมงานและน้องๆ ก็ทำตามที่ตกลงกันไว้ค่ะ”
ทุกอย่างเคลียร์จบแฮปปี้ เผยอายุขนาดนี้ไม่ถนัดรับงานซ้อน และไม่อยากรับงานที่ต้องวิ่งจนหัวคะมำด้วย อยากทำทุกรายการที่จ้างให้เต็มที่ร้อยเปอร์เซ็นต์
“พี่เอนี่เป็นคนที่น่ารักกับหนูแหม่มมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แล้ววันนั้นก็พยายามเข้ามาอธิบาย ทั้งที่พี่เอไม่ได้อยู่ในกลุ่มที่ทำงานด้วย แต่เข้ามาดูและอยู่กับเราตั้งแต่ต้นจนเกือบจบทุกครั้ง วันนั้นก็เหมือนกัน แต่บังเอิญพี่เอกลับไปก่อน พี่เอก็ยังตกใจว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะไม่มีสัญญาณอะไรบ่งบอก คือพี่เอพร้อมจะอธิบายและปรับปรุงอยู่แล้ว เขาพร้อมที่จะเข้ามาแล้วบอกว่าเห็นใจหนูแหม่มนะ ถ้าสมมติว่ารับปากว่าเป็นแบบไหนก็ให้เป็นอย่างนั้น น้องๆ ก็กลับไปประชุมมาและกลับมาด้วยคำตอบที่ทำได้ ตอนนี้แฮปปี้ค่ะ”
“เนื่องจากตอนนี้หนูแหม่มทำรายการสด เป็นรายการตอนเช้า อันนี้แหละที่ทำให้รับงานที่มันเลิกดึกไม่ได้ แล้วงานนี้ต้องมาก่อน เพราะฉะนั้นในการวางแผนของหนูแหม่มจะวางแผนค่อนข้างดี หมายถึงถ้าเสร็จจากนี้ต้องมีเวลาพักเพื่อความสดชื่นของรายการต่อไป ไม่ให้กระทบกับผู้ว่าจ้างคนอื่นๆ แล้วก็ไม่ได้รับงานที่เราต้องวิ่งจนหัวคะมำเนื่องจากเราอายุขนาดนี้แล้ว จะมาวิ่ง 3 - 4 รายการซ้อนกันมันไม่ใช่แนว มันต้องเห็นใจผู้จ้างรายต่อไป เขาก็ต้องการความสดชื่นจากเรา ดังนั้น เรามีหน้าที่ทำทุกรายการที่ว่าจ้างเราไปได้ร้อยเปอร์เซ็นต์”
“ตอนนี้หนูแหม่มมีรายการเช้าจันทร์ - ศุกร์ ทำกับ โอปอล์ (ปณิสรา อารยะสกุล) คือ รายการ แหม่มปอล์มอร์นิ่งค่ะ อันนี้เป็นรายการสด ส่วนรายการอื่นที่ยังทำอยู่ส่วนใหญ่ปัจจุบันคนเริ่มชอบดูที่มันเป็นซีซั่น หนูแหม่มก็จะทำรายการที่มันเป็นซีซั่น ที่เห็นบ่อยๆ ก็จะเป็นรายการ We Kids, เปลี่ยนหน้าท้าโชว์ ส่วนรายการประจำที่ยังทำอยู่ก็คือตลาดสดพระราม 4, ศึก 12 ราศี ประมาณนี้ค่ะ”
“เรื่องผู้จัดจะเลือกเราไปร่วมงาน หนูแหม่มว่าแล้วแต่คนชอบนะคะ แล้วแต่สไตล์ เพราะพิธีกรมีให้เลือกเยอะ เหมือนเราเลือกกินก๋วยเตี๋ยว ฉะนั้น ชอบรสชาติไหนเจ้าไหนก็สามารถเลือกจิ้มได้อยู่แล้ว หนูแหม่มก็เป็นรสชาติหนึ่งที่บางคนอาจจะชอบถูกใจ บางคนไม่ชอบไม่เป็นไร เราทุกคนสามารถที่จะเลือกบริโภคได้ ผู้จ้างที่จ้างหนูแหม่มก็คงเห็นแล้วว่าหน้าที่ที่เขามอบหมายให้หนูแหม่มทำมันต้องคอมพลีต 100 เปอร์เซ็นต์ มันต้องเต็มที่ ซึ่งหนูแหม่มเป็นคนแบบนั้น ต้องร้อยเปอร์เซ็นต์กับทุกงานค่ะ”
ถนัดทอล์ก ไม่ถนัดเล่าข่าว สบายใจที่จะทำงานตรงนี้ เพราะเป็นเลือดเนื้อ เป็นอาชีพ เป็นชีวิตจิตใจ
“เราก็ทำมาหมดแล้ว ขึ้นอยู่กับว่าเราถนัดหรือไม่ถนัดอะไร อันหนึ่งที่ถนัดคือรายการทอล์ก อันหนึ่งที่หนูแหม่มไม่ถนัดคือการเล่าข่าว อ่านข่าว เพราะเราไม่ได้รับการฝึกฝนมา ฉะนั้นอันไหนที่เราถนัดก็ยังทำกันอยู่ค่ะ ทุกวันนี้ยังสบายใจที่จะทำตรงนี้ อันนี้แหละที่มันเป็นเลือดเนื้อ เป็นอาชีพ เป็นทุกอย่าง เป็นชีวิตจิตใจ เป็นความอยู่รอดของเขาและคนที่อยู่เบื้องหลังด้วยคือครอบครัวเราก็คืออาชีพนี้ค่ะ”
สามีสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ยอมรับสามีเป็นคนใจเย็นช่วยดึงสติเพราะตนเป็นคนใจร้อน
“บ๊อบบี้ก็ไปไหนไปกันค่ะ เขาเป็นคนใจเย็น หนูแหม่มเป็นคนใจร้อน ฉะนั้นมันเหมือนพอดีกันค่ะ อีกคนก็ไปรวดเร็ว อีกคนก็ตามด้วยความใจเย็น เพราะฉะนั้นยังดีที่มีคนดึงเราไว้ค่ะ ถือเป็นคนเบื้องหลังที่สนับสนุนเราค่ะ”
“เรื่องเที่ยวเราจัดเวลาค่ะ เราสามารถแบ่งเวลาได้ว่าช่วงนี้ทำงาน ช่วงนี้เที่ยว เพราะเราไม่ได้เป็นคนเอะอะเที่ยวไงคะ มันจะมีช่วงเวลาที่ได้เที่ยว เล่นกีฬาในแบบที่เราชอบ เราชอบเล่นกีฬาที่ออกกลางแจ้งค่ะ”