อุตส่าห์ได้ Go Inter สมใจ มีโอกาสได้ร่วมงานกับสินค้าแบรนด์ระดับโลก ด้วยการได้รับเลือกให้ให้เป็น FRIEND OF OMEGA คนแรกของประเทศไทย และเพิ่งบินไปร่วมงานฉลองครบรอบนาฬิกา OMEGA Speedmaster 60 ปี ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งในครานั้น “ปู-ไปรยา สวนดอกไม้ ลุนเบิร์ก” ยังได้รับคำชื่นชมจากหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของของอังกฤษ อย่าง The Sun และ Dailymail อย่างล้นหลาม
"ดาราจากทั่วโลก รวมถึงสาวงาม ลูกครึ่ง ไทย-สวีเดน นามว่า ไปรยา ลุนด์เบิร์ก ได้ทำให้ทุกคนหันมามองเธอเป็นตาเดียว จากการปรากฏตัวบนพรมแดงในชุดรัดรูปสีดำที่แซมด้วยสีทอง"
ผ่านไปยังไม่ทันไร ทุกอย่างก็กลับตาลปัตร ชนิดช็อกสะเทือนวงการ พลันที่มีจดหมายร่อนมาจากเจ้าของแบรนด์นาฬิกาโอเมก้าไปยังบรรดาสื่อมวลชน ลงวันที่ 6 มิถุนายน ด้วยหัวข้อเรื่อง
... การพ้นตำแหน่ง FRIEND OF OMEGA ของนางสาวไปรยา นาตยา ลุนด์เบิร์ก.....
โดยเนื้อหาใจความระบุเพียงสั้นๆ ถึงสาเหตุดังกล่าวว่า
ประพฤติผิดไปจากสัญญาที่ได้ตกลงไว้กับทางแบรนด์
และในเบื้องต้น ฝั่งปู-ไปรยา ก็มีการเคลื่อนไหว ด้วยการลบภาพตอนไปร่วมงานฉลองครบรอบ 60 ปีนาฬิกาโอเมก้าในครั้งนั้นจนหมดสิ้น
จากเนื้อความที่ปรากฏเพียงสั้นๆ อาจไม่เพียงพอที่จะทำให้ได้ทราบรายละเอียดเบื้องลึกเบื้องหลังของคำสั่งฟ้าผ่าในครั้งนี้ ทว่าเมื่อสื่อมวลชนพยายามที่จะติดต่อสอบถามข้อมูลเข้าไปยังแบรนด์โอเมก้า ก็ได้รับการปฏิเสธอย่างนุ่มนวลว่า
..... ขออนุญาตไม่ให้สัมภาษณ์ เนื่องจากไม่อยากให้ทางปูเสียหายมากกว่านี้ .....
แต่นั่นอาจจะเป็นก่อนที่ฝั่งปูจะออกมาตอบโต้ด้วยการโพสต์ข้อความชี้แจงผ่านเฟซบุ๊ก Praya Lundberg โดยหลักใหญ่ใจความ ก็คือยืนยันว่าฝั่งของตนไม่ได้ทำผิดเงื่อนไขสัญญา แต่เป็นทางฝั่งของแบรนด์สินค้าต่างหาก ที่เป็นฝ่ายมาขอเปลี่ยนข้อตกลง ในลักษณะที่มีการ “ผูกมัด” มากขึ้น ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่เธอไม่ยินยอม จึงยังมิได้มีการลงนาม
“เมื่อปูตรวจสอบเนื้อหาในสัญญา ก็พบว่า มีข้อตกลงใหม่ที่ไม่ได้ตกลงกันมาก่อน ซึ่งได้เพิ่มขึ้นในสัญญาและเป็นไปในลักษณะที่จะให้ปูเป็น Brand Ambassador ที่มีข้อผูกมัดห้ามไม่ให้ใส่นาฬิกายี่ห้ออื่นออกสื่อต่างๆ ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ปูไม่อาจตกลงด้วยได้ เนื่องจากตอนนั้นปูได้เซ็นสัญญากับแบรนด์อื่นที่มีสินค้าประเภทนาฬิกาไว้อยู่ก่อนแล้ว ปูจึงไม่ได้เซ็นหรือลงนามในสัญญาที่โอเมก้าส่งมาให้ เนื่องจากเป็นการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในสัญญาเดิมที่เราไม่สามารถทำได้ ซึ่งทาง โอเมก้านั้นรับทราบข้อมูลเรื่องนี้แล้วเป็นอย่างดี”
แหละ....ทิ้งท้ายข้อความว่าตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการประสานกับทีมกฎหมายของทางโอเมก้า เพื่อหาทางออกกับสิ่งที่เกิดขึ้น เนื่องจากเป็นการสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียง ทำให้ถูกมองว่าทำงานแบบไม่มืออาชีพ
เท่าที่ติดตามจากคำชี้แจงของแต่ละฝั่ง ก็พอจะประมวลเหตุการณ์ได้ว่า ที่เกิดเรื่อง ก็อันเนื่องมากจากการตีความในเรื่องของสัญญาที่ต่างมุมกันออกไป
ฝั่งของโอเมก้า ก็เลือกที่จะคิดว่า การที่จะเลือกนักแสดงคนหนึ่งคนใดมาเป็นตัวแทนของสินค้า ไม่ว่าจะนิยามหน้าที่ดังกล่าวว่าเป็น “พรีเซ็นเตอร์” , “แบรนด์ แอมบาสเดอร์” หรือ FRIEND OF OMEGA ก็ตามแต่ นั่นความถึงว่ามีสิทธิโดยชอบธรรมที่จะ “มิให้” นักแสดงคนนั้น ไปปรากฏตัว ไปร่วมงาน หรือไปถ่ายภาพร่วมเฟรมกับสินค้าแบรนด์อื่นๆ ที่ทับไลน์กัน ซึ่งถือว่าเป็นคู่แข่งทางธุรกิจโดยตรง
และในที่นี้ โดยการอาศัยความเป็นแบรนด์ใหญ่ ที่ผ่านการใช้คนดังระดับโลกมาเป็นตัวแทนสินค้ามากมายหลายคนแล้ว และชิงออกข่าวก่อน ในลักษณะที่ชวนให้เข้าใจว่าอีกฝ่ายเป็นคนผิดสัญญา
แต่ในมุมของปู ก็เป็นไปได้ที่จะตีความตำแหน่ง หน้าที่ และความรับผิดชอบในฐานะ FRIEND OF OMEGA ต่างไปจากเจ้าของแบรนด์ คือมองว่าขอบข่ายหน้าที่ของเธอ มีเพียงการส่งเสริมภาพลักษณ์นาฬิกา โดยใส่นาฬิกาและประชาสัมพันธ์สินค้าผ่านสื่อออนไลน์.....เท่านั้น !!
มิใช่การระงับสิทธิในการที่จะไปรับงานของสินค้าแบรนด์อื่นในประเภทเดียวกัน
เหมือนหนึ่งในอาชีพที่ดาราหลายคนในบ้านเรานิยมทำกัน นั่นก็คือการรับงานประเภทถ่ายรีวิวสินค้าแล้วโพสต์ลงไอจีของตัวเอง แล้วก็รับเงินกันเป็นจ๊อบๆ ไม่มีภาระผูกพัน
นั่นจึงเป็นที่มาของการที่ปูมีการโพสต์ภาพเพื่อโฆษณาสินค้าแบรนด์ Guess ซึ่งเป็นแบรนด์ใหญ่ ที่มีสินค้าอยู่หลายหมวดด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องประดับ รวมไปถึงนาฬิกา ในฐานะที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็น Guess Girl คนแรกของประเทศไทย
เหตุที่เกิด ก็เพราะจุดเด่นของภาพที่ปรากฏ ก็คือนาฬิกาของ Guess ที่เธอสวมใส่ที่ข้อมือขวา ซึ่งนี่อาจจะเป็นปฐมบทแห่งความไม่พอใจของแบรนด์โอเมก้า อันนำมาซึ่งคำสั่งปลดฟ้าผ่าดังกล่าว ซึ่งการที่บริษัทยักษ์ใหญ่จะร่อนจดหมายออกมาแบบนี้ น่าจะต้องมีการพูดคุยทำความเข้าใจกันในระดับหนึ่งแล้ว แต่อาจจะตกลงกันไม่ได้
แต่การเขียนข้อความชี้แจงอย่างละเอียดละออ เป็นขั้นเป็นตอน มีหลักมีการของปู ก็น่าจะทำให้คนที่ติดตามอ่านข่าว มาตั้งแต่แรก เข้าใจในเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นต่างมุมไปจากเดิมไม่มากก็น้อย
สุดท้ายถ้าเรื่องราวจะบานปลายถึงขั้นมีการฟ้องร้องกันเกิดขึ้น ก็คงต้องงัดเอกสารออกมาต่อสู้กัน ว่า
ใครผิด-ใครถูก ?
ที่มา นิตยสาร ผู้จัดการ 360 องศา สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 395 10-16 มิถุนายน 2560