แม้จะมิได้เป็นที่รับรู้ในวงกว้างมากนัก แต่สำหรับผู้ถวายงานใกล้ชิดสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ต่างทราบกันดีว่าพระองค์ทรงมีความชอบและความสามารถในเรื่องของดนตรีไม่ต่างจากพระราชบิดา สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ แต่อย่างใด
โดยนอกเหนือไปจากเครื่องดนตรีแซกโซโฟนที่เคยทรงร่วมกับพระราชบิดาอยู่บ่อยครั้งแล้ว พระองค์ยังทรงโปรดปรานการขับร้องเพลงเป็นการส่วนพระองค์อีกด้วย
สำหรับบทเพลงที่ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ทรงโปรดปรานเป็นพิเศษก็คือเพลง "คำหอม" ของวงสุนทราภรณ์โดยทรงเคยน้องเพลงนี้ถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ มาแล้ว ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ทางด้านของ "นายแพทย์ธำรงรัตน์ แก้วกาญจน์" ผู้ถวายงานใกล้ชิดและเป็นที่ปรึกษามูลนิธิมหาวชิราลงกรณเคยให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อไว้ว่า...
"พระองค์ทรง ขับร้องเพลงได้ดีมาก เพราะผมเคยได้ยินด้วยตัวเอง ตอนสมัยจัดงานส่วนพระองค์ภายในวังเมื่อประมาณ 3-4 ปีก่อน ทรงโปรดเพลงคำหอมของวงสุนทราภรณ์มากเป็นพิเศษ เคยทรงร้องเพลงนี้ถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ เป็นเพลงคำหอมใหม่ ส่วนคำหอมแบบโบราณ (ลาวคำหอม) ทรงโปรดอยู่มากเหมือนกัน"
"ทั้งยังทรง โปรดเพลงไทยและพ็อปเป็นพิเศษ ถ้าเป็นเพลงสากลทรงโปรดในสไตล์พ็อปเบา ๆ ผสมคลาสสิกนิดหน่อย เช่น เพลงฝรั่ง อย่าง Spanish eyes, เพลงหวานอมตะ อย่างเพลง La vie en rose หรือเพลง Moulin rouge รวมไปถึงเพลงโรแมนติกคลาสสิกอื่น ๆ แต่เพลงลูกทุ่งผมยังไม่เคยได้ยินทรงสดับ"
นอกจากนี้ อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นเครื่องยืนยันว่าองค์ในหลวงรัชกาลที่๑๐ ทรงมีความสนพระทัยด้านการ ดนตรีจริงๆ ก็คือที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับมูลนิธิวงดุริยางค์ซิมโฟนีกรุงเทพฯ ไว้ในพระราชูปถัมภ์ เมื่อปี 2525 นั่นเอง...
สำหรับเพลง "คำหอม" นั้นมี "วินัย จุลละบุษปะ" เป็นผู้ขับร้อง บันทึกเสียงครั้งแรก พ.ศ. 2492 โดยมี "ครูแก้ว อัจฉริยะกุล" เป็นผู้แต่งเนื้อร้อง ขณะที่ "เวส สุนทรจามร" รับหน้าที่แต่งทำนองด้วยการดัดแปลงมาจากเพลงไทยเดิม "ลาวคำหอม" โดย "จ่าเผ่นผยองยิ่ง" (โคม) หรือที่เรียกโดยทั่วไปว่า "จ่าโคม" นักร้องและนักแต่งเพลงสักวามีชื่อผู้หนึ่ง