วันนี้ (12 พ.ค. 60) เวลา 19.00 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ มายังลานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 หรือ ลานพระบรมรูปทรงม้า ณ ลานพระราชวังดุสิต เพื่อทอดพระเนตรการแสดงดนตรีเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยในวันนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 โดยได้พระราชทานพระราชานุญาตให้วงดุริยางค์กองทัพอากาศ จัดแสดงในคอนเซปต์ "ยิ้มสู้ จงรักษ์ ภักดี"
การนี้ ก่อนการแสดงจะเริ่มขึ้น สมเด็จพระเจ้าอยู่ได้เสด็จพระราชดำเนินพระราชทานกำลังใจให้แก่จิตอาสาที่มาร่วมประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์ ในโครงการจิตอาสาประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์พระราชทาน เพื่อทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และทอดพระเนตรเต็นท์พระราชทานเครื่องสักการะพระบรมรูปทรงม้า และทอดพระเนตรนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ชุด "ดวงใจราษฎร์ ปราชญ์แห่งน้ำ" เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่พระราชทานแนวพระราชดำริด้านการพัฒนาแหล่งน้ำและการบริหารจัดการน้ำ ให้สามารถใช้ในการอุปโภค บริโภค การอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการเกษตร ที่ฝั่งประตูสวนอัมพร
ก่อนหน้านี้ เวลา 18.20 น. พลอากาศเอก ภักดี แสง-ชูโต รองราชเลขาธิการพระราชวัง ได้เป็นตัวแทนนำคณะผู้นำ 4 เหล่าทัพ ประกอบด้วย พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาร ผู้บัญชาการทหารบก พลเรือเอก ณะ อารีนิช ผู้บัญชาการทหารเรือ พลอากาศเอก จอม รุ่งสว่าง ผู้บัญชาการทหารอากาศ พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ วงดุริยางค์กองทัพอากาศ และประชาชน ถวายสักการะพระราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จากนั้น ได้นำคณะเจ้าหน้าที่หันหน้าเข้าสู่พระบรมมหาราชวังเพื่อถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ก่อนที่การแสดงดนตรีจะเริ่มขึ้น
ต่อมาวงดุริยางค์ทหารอากาศได้เริ่มบรรเลงบทเพลงเฉลิมพระเกียรติในรูปแบบวงบิ๊กแบนด์ ประกอบด้วย เครื่องดีด สี ตีเป่า ครบวง มีนักร้อง และนักร้องประสานเสียงของกองดุริยางค์กองทัพอากาศ รวม 80 คน ภายใต้คอนเซปต์ "ยิ้มสู้ จงรักษ์ ภักดี"
โดยการแสดงแบ่งออกเป็น 4 ช่วง ได้แก่ ช่วงที่ 1 บทเพลงพระราชนิพนธ์ ได้แก่ เราสู้ สายลม ยิ้มสู้ โอ้ ไอเซย์ (Oh I Say) และบทเพลงความฝันอันสูงสุด ช่วงที่ 2 บทเพลงร่วมสมัย ได้แก่ ทะเลบ้า เมืองกังวล ชั่วนิจนิรันดร์ คิดถึง ลาวคำหอม และลาวเจริญศรี ช่วงที่ 3 บทเพลงเทิดพระเกีรติและบทเพลงของกองทัพอากาศ ได้แก่ ต้นไม้ของพ่อ ในหลวงในดวงใจ เทวดา คิง ออฟ คิงส์ เพลงแด่เธอ ซึ่งเป็นบทเพลงของกองทัพอากาศ มีเนื้อหาพูดถึงทหารอากาศที่ออกไปปฏิบัติภารกิจซึ่งมีทั้งที่ได้กลับมาและไม่ได้กลับมา
สำหรับบทเพลงไฮไลต์ที่นำมาจัดแสดงในคอนเสิร์ตเทิดพระเกียรติฯ ครั้งนี้ คือ บทเพลงชัยพัฒนา ซึ่งกองทัพอากาศประพันธ์ถวายในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อครั้งทรงก่อตั้งมูลนิธิชัยพัฒนา ซึ่งกองทัพอากาศนำมาบรรเลงทุกครั้งที่มีการจัดแสดง
นอกจากนี้ ในช่วงที่ 4 ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายเป็นการแสดงบทเพลงขับร้องและเพลงบรรเลงสากล ได้แก่ มิดไนท์ อิน มอสโค วอชิงตัน สแควร์ เซอเวย์,ฟิลลิ่ง กู๊ด เพลงฮีโร และปิดท้ายด้วยเพลงมหาราชพระจอมสยาม ประพันธ์โดยคุณสติ สติฐิต ซึ่งบรรยายถึงพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 โดยบทเพลงดังกล่าว ดุริยางค์กองทัพอากาศใช้เป็นเพลงปิดท้ายคอนเสิร์ตทัพฟ้าคู่ไทย ทุกครั้ง
สำหรับการแสดงดนตรีเฉลิมพระเกียรติสามารถรับชมได้ทุกวันเสาร์ เวลา 19.00 - 21.00 น. ผู้ที่มาชมการแสดงดนตรีสามารถจอดรถได้ที่สนามเสือป่า และสวนอัมพร โดยวันเสาร์ที่ 20 พฤษภาคม เป็นการแสดงของวงดุริยางค์ตำรวจ
ขณะเดียวกัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานเครื่องสักการะพระบรมรูปทรงม้าให้ประชาชนทุกคนนำไปสักการะ ตั้งแต่เวลา 16.30 น. เป็นต้นไป วันละ 1,000 ชุด ให้บริการที่เต๊นท์ฝั่งประตูสวนอัมพร ซึ่งประชาชนต่างให้ความสนใจเข้ามาลงชื่อขอรับพานดอกไม้พระราชทานเป็นจำนวนมาก
สำหรับนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ชุด "ดวงใจราษฎร์ ปราชญ์แห่งน้ำ" สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่พระราชทานแนวพระราชดำริด้านการพัฒนาแหล่งน้ำและการบริหารจัดการน้ำ ให้สามารถใช้ในการอุปโภค บริโภค การอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการเกษตร ให้มีอย่างเพียงพอและมีคุณภาพเหมาะสม เพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแก่ราษฎรชาวไทย นิทรรศการดังกล่าว ได้รับการประสานความร่วมมือจากสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) และกรมชลประทาน ในการร่วมเผยแพร่พระราชกรณียกิจและแนวพระราชดำริด้านแหล่งน้ำด้วย
ทั้งนี้ นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ชุด "ดวงใจราษฎร์ ปราชญ์แห่งน้ำ" ได้รับพระราชทานพระราชานุญาตให้ประชาชนผู้สนใจเข้าชมนิทรรศการได้ตั้งแต่วันศุกร์ ที่ 13 พฤษภาคม 2560 เวลา 10.00 น. จนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน 2560 ณ ลานพระราชวังดุสิต
การนี้ ก่อนการแสดงจะเริ่มขึ้น สมเด็จพระเจ้าอยู่ได้เสด็จพระราชดำเนินพระราชทานกำลังใจให้แก่จิตอาสาที่มาร่วมประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์ ในโครงการจิตอาสาประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์พระราชทาน เพื่อทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และทอดพระเนตรเต็นท์พระราชทานเครื่องสักการะพระบรมรูปทรงม้า และทอดพระเนตรนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ชุด "ดวงใจราษฎร์ ปราชญ์แห่งน้ำ" เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่พระราชทานแนวพระราชดำริด้านการพัฒนาแหล่งน้ำและการบริหารจัดการน้ำ ให้สามารถใช้ในการอุปโภค บริโภค การอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการเกษตร ที่ฝั่งประตูสวนอัมพร
ก่อนหน้านี้ เวลา 18.20 น. พลอากาศเอก ภักดี แสง-ชูโต รองราชเลขาธิการพระราชวัง ได้เป็นตัวแทนนำคณะผู้นำ 4 เหล่าทัพ ประกอบด้วย พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาร ผู้บัญชาการทหารบก พลเรือเอก ณะ อารีนิช ผู้บัญชาการทหารเรือ พลอากาศเอก จอม รุ่งสว่าง ผู้บัญชาการทหารอากาศ พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ วงดุริยางค์กองทัพอากาศ และประชาชน ถวายสักการะพระราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จากนั้น ได้นำคณะเจ้าหน้าที่หันหน้าเข้าสู่พระบรมมหาราชวังเพื่อถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ก่อนที่การแสดงดนตรีจะเริ่มขึ้น
ต่อมาวงดุริยางค์ทหารอากาศได้เริ่มบรรเลงบทเพลงเฉลิมพระเกียรติในรูปแบบวงบิ๊กแบนด์ ประกอบด้วย เครื่องดีด สี ตีเป่า ครบวง มีนักร้อง และนักร้องประสานเสียงของกองดุริยางค์กองทัพอากาศ รวม 80 คน ภายใต้คอนเซปต์ "ยิ้มสู้ จงรักษ์ ภักดี"
โดยการแสดงแบ่งออกเป็น 4 ช่วง ได้แก่ ช่วงที่ 1 บทเพลงพระราชนิพนธ์ ได้แก่ เราสู้ สายลม ยิ้มสู้ โอ้ ไอเซย์ (Oh I Say) และบทเพลงความฝันอันสูงสุด ช่วงที่ 2 บทเพลงร่วมสมัย ได้แก่ ทะเลบ้า เมืองกังวล ชั่วนิจนิรันดร์ คิดถึง ลาวคำหอม และลาวเจริญศรี ช่วงที่ 3 บทเพลงเทิดพระเกีรติและบทเพลงของกองทัพอากาศ ได้แก่ ต้นไม้ของพ่อ ในหลวงในดวงใจ เทวดา คิง ออฟ คิงส์ เพลงแด่เธอ ซึ่งเป็นบทเพลงของกองทัพอากาศ มีเนื้อหาพูดถึงทหารอากาศที่ออกไปปฏิบัติภารกิจซึ่งมีทั้งที่ได้กลับมาและไม่ได้กลับมา
สำหรับบทเพลงไฮไลต์ที่นำมาจัดแสดงในคอนเสิร์ตเทิดพระเกียรติฯ ครั้งนี้ คือ บทเพลงชัยพัฒนา ซึ่งกองทัพอากาศประพันธ์ถวายในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อครั้งทรงก่อตั้งมูลนิธิชัยพัฒนา ซึ่งกองทัพอากาศนำมาบรรเลงทุกครั้งที่มีการจัดแสดง
นอกจากนี้ ในช่วงที่ 4 ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายเป็นการแสดงบทเพลงขับร้องและเพลงบรรเลงสากล ได้แก่ มิดไนท์ อิน มอสโค วอชิงตัน สแควร์ เซอเวย์,ฟิลลิ่ง กู๊ด เพลงฮีโร และปิดท้ายด้วยเพลงมหาราชพระจอมสยาม ประพันธ์โดยคุณสติ สติฐิต ซึ่งบรรยายถึงพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 โดยบทเพลงดังกล่าว ดุริยางค์กองทัพอากาศใช้เป็นเพลงปิดท้ายคอนเสิร์ตทัพฟ้าคู่ไทย ทุกครั้ง
สำหรับการแสดงดนตรีเฉลิมพระเกียรติสามารถรับชมได้ทุกวันเสาร์ เวลา 19.00 - 21.00 น. ผู้ที่มาชมการแสดงดนตรีสามารถจอดรถได้ที่สนามเสือป่า และสวนอัมพร โดยวันเสาร์ที่ 20 พฤษภาคม เป็นการแสดงของวงดุริยางค์ตำรวจ
ขณะเดียวกัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานเครื่องสักการะพระบรมรูปทรงม้าให้ประชาชนทุกคนนำไปสักการะ ตั้งแต่เวลา 16.30 น. เป็นต้นไป วันละ 1,000 ชุด ให้บริการที่เต๊นท์ฝั่งประตูสวนอัมพร ซึ่งประชาชนต่างให้ความสนใจเข้ามาลงชื่อขอรับพานดอกไม้พระราชทานเป็นจำนวนมาก
สำหรับนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ชุด "ดวงใจราษฎร์ ปราชญ์แห่งน้ำ" สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่พระราชทานแนวพระราชดำริด้านการพัฒนาแหล่งน้ำและการบริหารจัดการน้ำ ให้สามารถใช้ในการอุปโภค บริโภค การอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการเกษตร ให้มีอย่างเพียงพอและมีคุณภาพเหมาะสม เพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแก่ราษฎรชาวไทย นิทรรศการดังกล่าว ได้รับการประสานความร่วมมือจากสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) และกรมชลประทาน ในการร่วมเผยแพร่พระราชกรณียกิจและแนวพระราชดำริด้านแหล่งน้ำด้วย
ทั้งนี้ นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ชุด "ดวงใจราษฎร์ ปราชญ์แห่งน้ำ" ได้รับพระราชทานพระราชานุญาตให้ประชาชนผู้สนใจเข้าชมนิทรรศการได้ตั้งแต่วันศุกร์ ที่ 13 พฤษภาคม 2560 เวลา 10.00 น. จนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน 2560 ณ ลานพระราชวังดุสิต