“น็อต วรฤทธิ์” จับไมค์ร้องเพลงในรอบ 20 ปี เผยไม่ทันเตรียมใจรับความสูญเสีย แต่ยอมรับทำให้รู้จัก “ในหลวง” มากขึ้น 70 ปี พระองค์ทำเพื่อคนไทย ภูมิใจเกิดบนแผ่นดินรัชกาลที่ ๙ รับเคยถวายงานใกล้ชิด ไม่กล้ามองพระพักตร์ ได้แต่ก้มมองฝ่าพระบาท เป็นบุญที่สุดในชีวิต ชี้คำสอนของพ่อจะอยู่กับคนไทยตลอดไป
ห่างหายจากการร้องเพลงไปนาน ล่าสุด “น็อต วรฤทธิ์ เฟื่องอารมย์” กลับมาร้องเพลงอีกครั้งในรอบ 20 ปี กับบทเพลงเพื่อรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช “พ่อจะอยู่ในใจเสมอ” เผยเป็นอีกงานหนึ่งที่ตนจะสามารถทดแทนพระคุณพระองค์ได้
“ดีใจนะครับที่ พี่กอล์ฟ (เบญจพล เชยอรุณ) เขานึกถึง เพิ่งติดต่อมาเมื่อ 22 วันที่แล้ว ก็รีบเคลียร์ทุกอย่างและมาให้ได้ เพลงก็เพิ่งได้เมื่อวานนี้เองยังร้องไม่ได้เลย (หัวเราะ) โชคดีเพลงที่พี่กอล์ฟแต่งมาไม่ได้ยากมาก เป็นทำนองที่ฟังแล้วเข้าหูได้ง่าย เป็นภาษาที่ฟังแล้วจดจำได้ง่ายครับ ไม่ได้ร้องเพลงก็ตั้งแต่ออกอัลบั้มประมาณเกือบ 20 ปีแล้ว ก็ไม่เคยร้องเพลงอีกเลย นี่จะเป็นอีกครั้งที่ได้กลับมาร้องเพลงครับ”
“เพลงนี้มีความสำคัญกับตัวผมเองและมีความสำคัญกับคนไทยทั้งชาตินะครับ เราก็เป็นศิลปิน เราทำตามหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด นี่ก็เป็นอีกหนึ่งงานที่เราสามารถทดแทนพระคุณของพระองค์ท่านได้ เราก็ไม่ปฏิเสธที่จะทำงานนี้ครับ”
ไม่ทันเตรียมใจรับความสูญเสีย แต่ยอมรับกลับทำให้รู้จักพระองค์มากขึ้น
“ก็ยังงงๆ อยู่ ยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อว่าเป็นจริงนะครับ เพราะเป็นสิ่งที่เราไม่คิดนะครับ ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นเร็วแบบนี้ แต่อีกมุมหนึ่งก็ทำให้ได้รู้จักพระองค์ท่านมากขึ้นจากสื่อต่างๆ ที่ช่วยกันเล่าเรื่องราวของพระองค์ท่านหลายๆ เรื่องตลอด 70 ปี ซึ่งบางเรื่องเราอาจจะเคยเห็นตอนเด็กๆ หรือบางเรื่องเราอาจจะไม่เคยได้ยินเลย วันนี้เราได้ยินเรื่องของพระองค์ท่านมากกว่าเรื่องที่เคยรู้มาทั้งหมดอีก ยังมีเรื่องที่เราต้องเรียนรู้อีกมากมายว่าท่านทำอะไรให้กับพวกเราบ้าง”
ภูมิใจที่สุด เคยถวายงานต่อหน้าพระพักตร์ ได้แต่ก้มมองฝ่าพระบาท “ในหลวง”
“มี 2 ครั้งครับ ครั้งแรกได้ถวายงานพระองค์ท่านในพระบรมมหาราชวังครับ เป็นการจัดโชว์เสื้อผ้าในยุคสมัยต่างๆ และเสื้อผ้าในวรรณคดี มีโอกาสใกล้มากแต่ทีมงานบอกว่าห้ามมองพระพักตร์พระองค์ท่านนะ เราก็เกร็งอยู่แล้ว ได้แต่มองฝ่าพระบาท วันนั้นเสด็จฯมาครบทุกพระองค์เลย ก็มองทีละพระบาทให้ครบทุกพระองค์เลย ถือเป็นช่วงเวลาที่โชคดีมากๆ ในชีวิตผมที่ได้ใกล้ชิดขนาดนั้น ส่วนอีกครั้งหนึ่งตอนนั้นถ่ายละครอยู่เส้นถนนราชดำเนิน ตำรวจบอกว่าให้หยุดทำงานก่อนกำลังจะมีขบวนเสด็จฯ พอเสด็จฯมาถึงกองถ่ายเรา รถพระที่นั่งค่อยๆ ชะลอเปิดไฟในรถ สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ก็โบกพระหัตถ์ให้ เราไม่อยากทำงานต่อเลย ภูมิใจและดีใจมากที่สุด 2 ครั้งในชีวิต”
“เราเกิดบนแผ่นดินไทย มีพระมหากษัตริย์ครองราชย์ยาวนานถึง ๙ รัชกาล น้อยประเทศในโลกใบนี้จะมีแบบเรา แล้วเราก็โชคดีมากๆ ที่เกิดในแผ่นดินของรัชกาลที่ ๙ ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ตลอดเวลาที่ท่านครองราชย์อยู่ ท่านทำทุกอย่างเพื่อคนไทยทุกคนจริงๆ วันนี้ทุกคนจะเห็นในข่าวทุกสื่อที่นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับพระองค์ท่าน จะเห็นได้ชัดว่า ท่านไม่เคยทำอะไรเพื่อพระองค์ท่านเลย ท่านทำเพื่อทุกคนจริงๆ ที่เรามีทุกวันนี้ได้ เรามีถนน ทางด่วน รถไฟฟ้า น้ำ ฝน มีทุกอย่าง ถ้าไม่มีพระองค์ท่านเราจะมีแบบนี้มั้ย ทำไมเราจะไม่ภูมิใจที่เกิดมาบนแผ่นดินนี้ล่ะครับ”
คำสอนพ่อหลวงจะอยู่กับเราตลอดไป เอาความเสียใจเป็นแรงผลักดันให้เดินตามรอยเท้าพระองค์
“ทุกคนคงเคยได้ยินมาแล้วแหละว่า ท่านไม่ได้จากเราไปไหนหรอก ถ้าเรายังนำคำสอนของพระองค์ท่านมาปฏิบัติใช้ในชีวิตของเรา พระองค์ท่านก็ยังคงอยู่กับเราตลอดไป เอาความเสียใจมาเป็นแรงผลักดันให้ตัวเองเดินตามรอยเท้าพระองค์ท่าน ช่วยกันทุกคน 70 ล้านคน ประเทศเราจะน่าอยู่แค่ไหนลองคิดดู”
“หน้าที่ที่เราต้องทำ ถ้าทุกคนรู้ว่าหน้าที่ของเราคืออะไร อย่างเป็นนักข่าวก็ทำข่าวสร้างสรรค์ให้สังคมมันดี เรามีหน้าที่เป็นนักแสดงก็มอบความสุขให้คนดู ตั้งใจทำงานของเราให้ดีที่สุด เราต้องมีความเพียรพยายามตั้งใจทำให้ดีที่สุด แค่นั้นมันก็ดีแล้วครับ”