“นาว ทิสานาฎ” ปลื้มปีติ จะไม่มีวันลืมตลอดชีวิต เคยถวายงานแสดงโขนเฉพาะพระพักตร์ “ในหลวง ร.๙” น้ำตาไหลจะขอสืบสานศิลปวัฒนธรรมไทย ไม่ทอดทิ้งโขน ยึดพ่อหลวงเป็นแรงบันดาลใจ อยากไปเป็นครูบนดอยสอนหนังสือให้ความรู้เกี่ยวกับนาฏศิลป์ ด้าน “นิว วงศกร” ยอมรับถูกแคนเซิลงานไม่มีกำหนด บอกไม่กระทบเพราะยังไม่มีอารมณ์อยากทำงาน
ช่วงเช้าวันที่ 28 ต.ค. “นาว ทิสานาฎ ศรศึก” และ “นิว วงศกร ปรมัตถากร” นำทีมนักแสดงจิตอาสาสังกัดช่อง 7 สี มาแจกของประชาชนที่มาถวายอาลัยพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บริเวณเต็นท์ 40 (โซนใต้) ฝั่งตรงข้ามวัดมหาธาตุ โดย นาว เปิดใจด้วยอาการน้ำตานองว่าตนเคยถวายงานเฉพาะพระพักตร์ ในหลวง ร.๙ ยึดพระองค์เป็นแรงบันดาลใจ เป็นพ่อของแผ่นดินมาตลอด
“เห็นชาวไทยรักกับแบบนี้ก็รู้สึกดีใจ ไม่อยากให้รักกันเฉพาะสถานการณ์แบบนี้ อยากให้รักกันตลอดไป ถ้าคนไทยรักกันแบบนี้คงดีกว่านี้ ก็อยากให้คำนึงถึงความเหมาะสมของสถานที่ด้วยว่าเรามาทำอะไร ไม่อยากให้รู้สึกว่าเอะอะโวยวาย อาจจะไม่ถูกกาลเทศะ อยากให้คำนึงถึงสิ่งที่เรามา”
ปลื้มปีติจะไม่มีวันลืม เคยถวายงานแสดงโขนเฉพาะพระพักตร์ “ในหลวง ร.๙” ขอสืบสานศิลปวัฒนธรรมไม่ให้สูญหาย
“นานแล้วตอนเด็ก ประมาณ ม.4 ในงานสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ได้มีโอกาสถูกคัดเลือกให้มาแสดงโขนกับคุณครู ซึ่งเราได้เป็นส่วนหนึ่ง เป็นเด็กตัวเล็ก ๆ แต่เรารู้สึกมีบุญที่ได้เห็นพระองค์ท่านมาทอดพระเนตร เราเป็นประชาชนตัวเล็กมากแล้วเรารู้สึกว่าไม่มีโอกาสแน่ๆ ถ้าวันนั้นเราไม่ได้มีโอกาสคัดเลือก ไม่มีโอกาสได้เจอพระองค์ท่านแน่ ๆ แต่วันนั้นคงเป็นบุญของหนูที่ได้เห็นพระองค์ท่าน มันเป็นความปลื้มปีติ ที่ไม่มีวันลืมเลยค่ะ”
“วันนั้นเราก็แอบมองค่ะ แล้วก็ตื่นเต้นด้วย ได้ไปรับเสด็จฯพระองค์ท่าน ก็อึ้ง น้ำตาไหล สะกิดเพื่อน เพื่อนเราก็น้ำตาไหล มันไหลออกมาเอง รู้สึกว่า ทำไมเรามีบุญขนาดนี้ (น้ำตาคลอ) พอวันที่เราฟังแถลงข่าวพระองค์สวรรคตเราก็ไม่อยากทำอะไรเลย วันนั้นข้าวก็ไม่ได้กิน รู้สึกว่ามันหมดแล้วทุกอย่าง เรามีพระองค์ท่านเป็นกำลังใจ เป็นพ่อของแผ่นดิน เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ พอรู้ว่าพระองค์ท่านจากเราไปแล้ว ก็โหวงเหวง หดหู่ คนไทยทุกคนทำใจลำบากกับเรื่องนี้แน่ ๆ วันนั้นก็ปล่อยโฮเลย (น้ำตาไหลร้องไห้) วันนั้นหนูอยู่กับแม่สองคน ที่บ้านก็ร้องไห้อยู่กับคุณแม่”
“ตั้งใจจะสืบสานศิลปวัฒนธรรมต่อค่ะ ขอทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุดค่ะ ขอเป็นคนดีแล้วก็ขอเป็นส่วนหนึ่งที่จะสืบสานศิลปวัฒนธรรมของคนไทยให้อยู่ยั้งยืนยง ตัวเราเองก็เคยเป็นครูฝึกสอนด้วยจะบอกกับนักเรียนเสมอว่าไม่อยากให้มองเป็นเรื่องเชย เป็นเรื่องล้าสมัย อยากให้มองว่ามันเป็นเอกลักษณ์ของประเทศชาติ พระองค์ท่านยังอนุรักษ์เลย เราเป็นคนไทย เป็นลูกของพระองค์ ทำไมเราจะทอดทิ้งสิ่งเหล่านี้ไป”
อยากเป็นครูบนดอย ให้ความรู้เกี่ยวกับนาฏศิลป์ รับได้แรงบันดาลใจจากในหลวง
“เพื่อนของนาวก็ชวนไปเป็นครูบนดอยกันมั้ย เราก็อยากไป ไม่ต้องสอนรำก็ได้สอนหนังสือก็ได้ และให้ความรู้เกี่ยวกับนาฏศิลป์บ้าง เพื่อนชวนอยู่ค่ะ เดี๋ยวหาเวลาไป เพื่อนนาวจะไปอยู่ประจำเลย แต่นาวก็อยากขอไปด้วย ในยามที่เราว่าง อยากเป็นครูอาสาค่ะ”
“ได้รับแรงบันดาลใจจากพระองค์ค่ะ นาวว่าคนไทยน่าจะตระหนักถึงคำสอนของพระองค์ นาวเองก็ละเลยเหมือนกัน พระองค์ท่านยังอยู่ นาวก็ไม่ได้คิด หลายคนก็คงเป็นเหมือนกัน พอพระองค์จากเราไป เราก็กลับมาตระหนักถึงในยามที่สายไปแล้วรึเปล่า อยากให้คนไทยรักกันแบบนี้ตลอดไป ไม่อยากให้แบ่งแยก อยากให้เป็นปึกแผ่นเดียวกัน เพื่อพระองค์ท่านจะได้สบายพระทัย”
ถึงจะป่วยแต่ใจสู้มาทำหน้าที่จิตอาสา ยึดพระราชดำรัสเรื่องความพอเพียง
“อยากมาค่ะ วันที่รวมตัวกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีก็อยากมา แต่คุณแม่ไม่ให้มา ตอนที่นาวมากลับไปก็ป่วยเลย แม่ก็เลยบอกให้รักษาตัวให้หายดีก่อนไม่ใช่มาแล้วเป็นภาระคนอื่น พระราชดำรัสพระองค์ที่ยึดมาปฏิบัติ หลัก ๆ ก็คือ ความพอเพียง ไม่ใช่พอเพียงแค่การกระทำในเรื่องของสิ่งของ มันอยู่ที่จิตใจด้วย คนเราจะทำอะไรก็ต้องรู้จักพอ เช่น สถานการณ์ในวันนี้บางคนอาจจะทำอะไรเกินเลยไปบ้าง ถ้ามีความพอดี มันก็จะอยู่ในสถานการณ์ เหมาะสม ก็เริ่มคิดแล้วว่า บางอย่างไม่จำเป็นก็ไม่เอา นำสิ่งเก่า ๆ มาใช้ใหม่ก็ได้ค่ะ”
ด้าน “นิว วงศกร” เปิดใจกรณีดรามาดาราทำดีเอาหน้า สร้างภาพอยากดัง ลั่นพ่อไม่ได้สอนให้เราทะเลาะกัน เชื่อทุกคนมีจิตสำนึกที่ดี
“ผมว่าทุกคนรู้อยู่แล้วว่าพ่อไม่สอนให้เราทะเลาะกับใคร ไม่สอนให้เราจับผิดใคร เรามาทำดีเพื่อตัวเราเอง เราอยากให้เขาเป็นแบบไหน เราก็ต้องทำให้เขาเห็นเป็นตัวอย่าง ผมเชื่อว่าถ้าเขามีความรู้สึกเดียวกันกับเรา เขาก็จะเข้าใจในสิ่งที่เราทำ รู้ว่าอะไรเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม ผมเชื่อว่าข้างในจิตใจคนเรามันไม่สามารถวัดความเสียใจได้ว่าใครเสียใจมากหรือน้อยกว่าใคร ทุกคนเสียใจเท่ากันหมดแต่สิ่งที่แสดงออกมาภายนอกมันขึ้นอยู่กับว่าใครเลือกที่จะแสดงออกมาแบบไหน ซึ่งเราก็เคารพตรงจุดจุดนั้นไม่ว่าใครแต่ควรทำยังไงว่าอะไรที่มันไม่เหมาะสมก็อย่าทำ”
“ผมว่าถ้ามีการจัดระเบียบมันก็เป็นสิ่งที่ดีนะ มันเป็นเรื่องที่ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดขึ้นและไม่รู้ว่าจะตั้งตัวรับมือกับมันยังไง ก็ให้ค่อยแก้ปัญหากันไปวันนี้มันเดินมาในแนวทางที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น เริ่มมีกฎระเบียบ กฎเกณฑ์มากขึ้น เราอยู่ร่วมกันหลายคนเพราะฉะนั้น เราก็ต้องมีกฎ วันนี้มีเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแล มันก็เป็นสิ่งที่ดีเราต้องสมัครสมานสามัคคีกัน เพราะคนที่มาคือคนที่เขาทำจริง ๆ มาเป็นจิตอาสา คนที่มาถวายความอาลัยด้วยจิตใจที่มุ่งมั่น ส่วนคนที่แอบแฝง ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไงแต่ให้คุณสำนึกเอาไว้ในสิ่งที่คุณทำ ผมไม่ได้ว่าอะไรคุณหรอก ไม่มีใครทำอะไรคุณแต่อยากให้คุณลองดูว่าคุณอายมั้ยกับสิ่งที่คุณทำ”
“วันที่เปิดให้ประชาชนเข้าไปถวายอาลัยพระบรมศพ ผมคิดว่ายังไงต้องหาโอกาสเข้าไปเพราะถวายสักการะให้ได้ แต่สิ่งที่ผมเป็นห่วงคือคนที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด บางคนเขาอาจจะไม่มีโอกาสได้มากรุงเทพฯ เขาอาจจะเก็บหอมรอมริบมาทั้งชีวิตเพื่อมาครั้งนี้ครั้งเดียว ก็อยากให้พี่น้องประชาชนที่อยู่กรุงเทพฯ ช่วยดูแลเขาด้วย อยากให้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อีกอย่างหนึ่งคือเรื่องการแต่งกายเพราะพระองค์ท่านเป็นองค์เหนือหัวของพวกเราเพราะฉะนั้นการแต่งกายก็ต้องให้เกียรติสถานที่ด้วย อยากจะฝากให้เช็กให้ดีด้วยว่ากฎระเบียบของสำนักพระราชวังเป็นยังไง และให้ปฏิบัติให้ถูกต้องเพื่อที่จะได้ของไปถวายสักการะพระบรมศพได้อย่างที่ตั้งใจ”
“ตอนนี้ทุกคนมีกำลังใจดีอยู่แล้วทุกคนมาทำเพื่อพ่อ อย่างน้อยก็ได้พิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่พระองค์สอนมันได้ทำให้ทุกคนเห็นแล้ว ตอนนี้พระองค์ไม่อยู่แล้วแต่ผมก็เชื่อว่าทุกคนตั้งใจมาทำความดีเพื่อท่าน เรื่องกำลังใจทุกคนมีมากล้นอยู่แล้ว”
ยอมรับถูกแคนเซิลงานไม่มีกำหนด บอกไม่กระทบ เพราะตนยังไม่มีอารมณ์พร้อมที่จะทำงานเหมือนกัน ลั่นยังคิดว่าตัวเองฝันไป
“ก็มีถ่ายเรื่องสาปดอกสร้อยอยู่เรื่องหนึ่งเหลืออีกประมาณ 10 คิวก็จะเสร็จแล้ว เพราะงานอื่น ๆ ก็ยกเลิกยังไม่มีกำหนด จริงผมว่าช่วงนี้ไม่มีใครอยากทำงานแล้ว ตอนนี้จะทำอะไรก็ต้องตั้งมั่นอยู่ในความไม่ประมาท ใช้สติและอยู่อย่างพอเพียงตามที่พ่อสอน อะไรไม่จำเป็นก็พักไว้ก่อน”
“ถามว่า กระทบมั้ยมันมีผลกระทบกับทุกอาชีพ ทุกฝ่ายอยู่แล้ว แต่ผมเชื่อว่ามันไม่มีใครมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ดี มันไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่พร้อมจะทำงานแล้ว จะทำงานในช่วงนี้ผมว่าผลงานที่ออกมามันก็ไม่ดีนะเพราะว่ามันไม่พร้อมที่จะทำงานในตอนนี้ เราก็ค่อย ๆ ยอมรับความจริงมากขึ้น ช่วงแรก ๆ คือ เฉยชาไม่ได้รู้สึกอะไรเลย นอนก็ร้องไห้ตื่นขึ้นมาก็ร้องไห้ คิดว่ามันเป็นแค่ความฝัน”
"ตื่นมาแล้วรู้สึกเหมือนกับว่าเรายังความฝันอยู่ จนเวลาผ่านไปเราต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับความจริงว่ามันคือเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิต ผมไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้ ผมเกิดมาก็มีในหลวง แล้วด้วยความที่เราเป็นเด็กก็คิดว่าในหลวงจะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต เราลืมนึกไป แต่ถึงพระองค์จะจากเราไป เราก็ลุกมาเป็นคนดีได้ ไม่ใช่แค่ลงรูปไม่ใช่แค่บอกว่าจะเป็นคนดีของพ่อ ลงมือทำในสิ่งที่พระองค์สอน ผมเชื่อว่าพระองค์รับรู้ได้ว่าสิ่งที่พระองค์สอนเรามา 70 กว่าปีมันได้ผลแล้วในวันนี้ ลูกของท่านเริ่มตระหนักถึงความสำคัญเริ่มรักและสามัคคีกันแล้ว”