“ตูมตาม ยุทธนา” ไม่สนใครจะมองสร้างภาพ ขอเป็นแค่ส่วนเล็ก ๆ เก็บขยะละลายพฤติกรรม บอกชีวิตมีค่า นึกถึงคนอื่นมากขึ้น เผยงดจัดปาร์ตี้ รับของขวัญในวันเกิด แต่จะให้แฟนคลับเก็บเงินไปปลูกป่า ชี้ เป็นประโยชน์กับสังคมมากกว่า
เดินทางมาพร้อมดาราช่องวัน และศิลปินแกรมมี่ ที่มาร่วมกันเป็นจิตอาสาแจกผ้าเย็นและเก็บขยะรอบ ๆ สนามหลวง สำหรับ “ตูมตาม เดอะสตาร์” ยุทธนา เปื้องกลาง โดยเจ้าตัวเปิดใจว่าแม้จะเป็นแค่ส่วนเล็ก ๆ ที่ได้ทำเพื่อ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช แต่ทำให้ตนเห็นคุณค่าตัวเอง และนึกถึงคนอื่นมากขึ้น
“จริง ๆ ผมมาตั้งแต่วันแรก วันที่ 14 ต.ค. ก็ไม่รู้ว่าเราจะต้องทำอะไรกันต่อ และรู้สึกว่าเดี๋ยวเราต้องมาอยู่แล้ว เราก็เห็นว่ามีคนเก็บขยะ มีคนแจกข้าว แจกน้ำ เรารู้สึกว่าเราจะทำอะไรดี เรารู้สึกว่ายังไงเราต้องมาไหว้ในหลวงอยู่แล้ว เราก็มาทำประโยชน์ด้วยดีกว่า ก็เลยมาเริ่มต้นเก็บขยะ มาทำโน่นนี่นั่น ช่วยได้ก็ช่วยเต็มที่”
“เรื่องคำสอน ผมจะเป็นสิ่งที่อยู่เหนือจากแนวปฏิบัติชีวิตหลาย ๆ อย่าง ที่เป็นส่วนลึกของพระองค์ที่เรารู้สึกว่าคน ๆ หนึ่งทำเพื่อคนทั้งประเทศได้ เรารู้สึกว่าเขามีแต่ความรักให้ทุกคน แต่อย่างผมเอง ผมเป็นประชาชนคนหนึ่ง และอีกอย่างหนึ่งเราเป็นนักร้อง เป็นนักแสดง คนชื่นชมเยอะ เราก็รู้สึกว่าเราก็มีกำลังส่วนนี้ทีมีคนเขาเชียร์ เราเลยรู้สึกว่าเราเอากำลังส่วนนี้มาช่วยประโยชน์ให้สังคมดีกว่ามั้ย”
งดรับของขวัญ งดจัดปาร์ตี้วันเกิด แต่จะให้แฟนคลับเก็บเงินไปปลูกป่าช่วยเหลือสังคม
“อย่างสิ่งแรกที่ผมเริ่มปฏิบัติก็เป็นเรื่องของวันเกิด การจัดงานวันเกิด เมื่อก่อนคงเป็นงานรื่นเริงประจำ แต่ว่าผมก็เริ่มบอกแฟนคลับว่าของขวัญของผมไม่ต้องเอาแล้วนะ เอาเงินที่ซื้อของขวัญไปปลูกป่ากันมั้ย ไปทำอะไรคืนสู่ธรรมชาติกันมั้ยอะไรแบบนี้ มันจะได้เป็นกำลังที่ใหญ่ขึ้น เพราะว่าบางทีเขาซื้อของขวัญมาให้ผม ของมันก็เยอะ บางทีก็ราคาสูง ผมว่าเอาเงินส่วนนี้ไปช่วยเหลือจะได้อะไรเยอะมากกว่า”
“เรื่องมาเก็บขยะแจกผ้าเย็นถึงแม้ว่ามันจะเป็นส่วนเล็ก ๆ มันอาจจะไม่ได้ช่วยอะไรมากกับการที่ผมเดินเก็บขยะ อาจจะไม่ได้ช่วยเยอะหรอก แต่เพียงแต่ว่าอย่างน้อยมันก็ได้ละลายพฤติกรรมของเรา ได้รู้สึกว่าเราเป็นคนไทยด้วยกัน เรารู้สึกว่าคนไทย ขาดการช่วยเหลือกัน ขาดการเป็นพี่เป็นน้อง แต่วันนี้เราได้เห็นน้ำใจคนอื่น ๆ ที่มันทำลายกำแพงกั้นในความรู้สึกของเรา เรารู้สึกว่าทุกคนเขาเปิดใจ ทุกคนเขารักกันมากขึ้น มันเริ่มต้นด้วยกันใหม่ได้ก็เลยรู้สึกว่าก็ทำดีกว่า ทำเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างน้อยมันไม่ได้ช่วยอะไรมาก แต่อย่างน้อยมันช่วยทำให้เราเป็นคนใหม่ ช่วยทำให้เราคิดใหม่ ทำให้เรานึกถึงคนอื่นมากขึ้นได้มากกว่าเดิม”
ไม่สนใครจะมองทำดีสร้างภาพ บอกมาแสดงความเคารพในหลวง ทำหน้าที่ประชาชนที่ดีเพื่อพ่อหลวง
“นานาจิตตังแล้วกัน แต่ยังไงก็ตาม เขาได้หยิบได้จับ ครั้ง 2 ครั้ง มันก็เป็นประโยชน์หมดแหละ มันจะสร้างภาพหรือไม่ก็อยู่ที่ตัวเขา มันเป็นสิทธิ์ของเขาแหละ แต่ว่าใครก็ตามที่มาตรงนี้ผมเชื่อว่ารักในหลวงทุกคน มันเป็นเรื่องของส่วนรวมจริง ๆ ตรงนี้ แค่เขามาเขาบอกว่าเขามาเก็บขยะ แล้วเขาได้เก็บขยะจริง ๆ เขามาช่วย อย่างน้อยเขามา เขาไม่ได้สร้างความเดือดร้อนอะไร เขาแค่มาแสดงความเคารพกับในหลวงนั่นก็คือทำหน้าที่ของประชาชนที่ดี มันเป็นเรื่องแบบนั้นมากกว่า เพราะว่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เรามีการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่และมีปัญหาเรื่องของการต่อว่าคนนั้นคนนี้ ผมว่ามันถึงเวลาแล้วมั้งที่เราจะเลิกต่อว่ากัน เพราะว่าตอนนี้เราไม่มีพ่อแล้วนะ เราจะทำยังไงต่อไป”
เห็นความเปลี่ยนแปลงขยะมีน้อยลง ทุกคนมีความรับผิดชอบในตัวเองมากขึ้น
“เรื่องที่บอกว่าขยะล้นสนามหลวง จริง ๆ มันอาจจะไม่ใช่ขยะที่คนทิ้งเกลื่อนกลาดหรอก เป็นขยะที่อาจจะลำเลียงไปย่อยสลาย หรือลำเลียงไปไม่ทัน เพราะวันที่ผมมาเก็บก็เห็นว่ามันเยอะจริง ๆ ผมเก็บเองไปกองไว้เขาก็เคลียร์ออกไม่หมดเหมือนกัน แต่มันอยู่ในที่ที่เขาวางจุดไว้ ว่าเป็นจุดวางขยะ วางแบบถุงดำ ผมว่าเป็นอย่างนั้นมากกว่านะ ตามความเข้าใจของผม ผมยังไม่ได้ไปดูจริง ๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ว่าน่าจะเป็นประมาณนั้น”
“แต่ขยะที่มันเกลื่อนกลาดมันก็ไม่น่าจะขนาดนั้นหรอก เพราะคนก็ช่วยกันเก็บอยู่ เห็นความเปลี่ยนแปลงเหมือนกัน วันแรกที่ผมมาเก็บคนยังทิ้งเรี่ยราดอยู่ วันที่ 2 มาก็ดีขึ้น วันที่ 3 มาผมสังเกตเวลาที่เดินไป บอกว่าทิ้งขยะได้นะ ไม่ค่อยมีใครทิ้ง เพราะเขามีถุงพกมา เขาเริ่มเก็บของตัวเอง อันนี้ผมดีใจนะ ผมเดินคุยกับเพื่อนๆ บอกว่า เฮ้ย คนเขาเรียนรู้นะ ดีมากเลยที่เขารู้สึกว่าเมื่อเขาเห็นคนอื่นมาเก็บ แล้วเขารู้สึกว่าเขาก็ต้องดูแลตัวเอง อย่างน้อยรับผิดชอบตัวเองดี ๆ ผมว่าก็พอแล้ว”
“ผมก็ดีใจมากที่เห็นแบบนั้น คือ ถึงแม้จำนวนขยะของเราในถุงจะไม่เยอะมาก แต่เรากลับรู้สึกดี มันก็หมายความว่าทุกคนรับผิดชอบตัวเองมากขึ้นแล้ว ทุกคนไม่ทิ้งกันเกลื่อนกลาด อย่างตอนที่ผมมาเก็บ ผมก็เห็นมีตรงจุดแจกข้าวจุดแจกของอะไรอย่างนี้ ถึงจะเอามาแจกก็จริง แต่ว่าใต้รถก็มีขยะ เราก็มาช่วยเคลียร์ ช่วยกันเก็บ”
ชีวิตมีค่า เป็นส่วนเล็ก ๆ ที่ได้ทำเพื่อสังคม
“ผมรู้สึกว่ามันทำให้เรารู้สึกมีคุณค่า เราได้ทำเพื่อสังคม เราได้ทำส่วนเล็กๆ คือมันอาจจะไม่ใช่แค่วันนี้ อย่างน้อยผมรู้สึกว่า มันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ใครที่ไม่เคยทำอะไรเพื่อคนอื่น ไม่เคยทำอะไรเพื่อสังคมเลย โอกาสอย่างนี้คือโอกาสที่ดีมาก ผมเชื่อว่าทุกคนอยากทำ แต่บางทีมันเขิน การที่จะเดินเข้าไปเก็บขยะมันเขินจริง ๆ แต่ ณ วันนี้เป็นโอกาสดีที่มันจะไม่เขิน ที่เราจะเดินเข้าไปแล้วแบบว่าเก็บขยะนะช่วยกัน แล้วคุณเริ่มต้นวันนี้ วันข้างหน้าคุณก็จะรู้สึกว่าก็ไม่แปลกกับการที่คุณจะไปเที่ยวที่ไหนแล้วคุณจะเดินเก็บขยะที่มันเรี่ยราดตามข้างถนน ไม่แปลกเลย คุณจะเป็นคนที่ทุกคนชื่นชมด้วยซ้ำ”