“ดี้ นิติพงษ์” ยันโพสต์การเมืองไม่ผิดกฎหมาย แชร์ได้ด่าได้ไม่ว่ากัน แต่ควรขัดแย้งอย่างสุภาพชน ยันโพสต์การเมืองออกแนวหยิกแกมหยอก ติงแบบมีเมตตาแถมใส่อารมณ์ขัน ถ้าคนมีวิจารณญาณอ่านแล้วจะเก็ต พูดขำ ๆ ต่อไปต้องเปลี่ยนไปโพสต์ขายตรงขายครีม
จากกรณีที่ “ดี้ นิติพงษ์ ห่อนาค” ลุกขึ้นมาโพสต์เฟซบุ๊ก เปรียบเทียบการทำงานของคณะ คสช. กับทีมฟุตบอลดัง ทำนองผู้นำดีแต่แวดล้อมด้วยกองหน้ากองหลังที่ดีบ้าง ถ่วงบ้าง และหงุดหงิดทุกครั้งที่ทีมที่ตนเชียร์เล่นได้ไม่ดี แถมยังโง่กว่า แต่ถึงอย่างไรตนเป็นคนไทย ยังไงก็เชียร์ เกียรติศักดิ์ รสโอชา ซึ่งข้อความดังกล่าวถูกชาวเน็ตแชร์ว่อนและวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก จนต้องออกมาโพสต์ข้อความรัว ๆ อีกเพียบ
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสเจอตัว ดี้ นิติพงษ์ ในงาน “ทรู พรีเซ้นท์ โอม ชาตรี ไลฟ์ 2016 เรวัต ฟอร์เอฟเวอร์” เจ้าตัวข้องใจทำไมต้องดรามากัน และวอนทุกคนด่าให้เป็นสุภาพชน
“ทำไมอ่ะ ผมสงสัยเหมือนกัน เราก็เหมือนคนหนึ่งที่เขียนเฟซบุ๊ก หรือใครก็ได้ที่เขียนเฟซบุ๊ก แล้วรู้สึกอะไรกับสังคม อาจจะเกี่ยวเนื่องกับการเมือง น้ำท่วม หรืออาจจะเกี่ยวเนื่องกับหมาก็ได้ เกี่ยวเนื่องกับกีฬาก็ได้ หรือพูดถึงเพลง I have a pen ก็ได้ ทุกคนสามารถเขียนอะไรก็ได้ แต่ถึงทุกวันนี้ยังงงอยู่ว่า ทำไมถึงมีการแชร์แล้วเอาไปพูดถึง มีทั้งชอบ และมีทั้งการประชาทัณฑ์ ซึ่งก็ทำได้ตามสบาย มันเป็นเรื่องสาธารณะอยู่แล้ว และเฟซบุ๊กก็เปิดเอาไว้เป็นสาธารณะ ให้แสดงความเห็นได้ตามสาธารณะ”
“แต่จะยังไงก็ตามสบาย แล้วแต่ความคิดเห็นของคน แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความขัดแย้ง ความคิดเห็นของคนที่ไม่ตรงกัน หรืออะไรก็ตาม ถ้าเราเป็นสุภาพชนเหมือนกัน เราควรจะแย้งกันด้วยความสุภาพ ประเทศชาติน่าจะไปได้ดีกว่า แต่ถ้าแย้งกันด้วยความเกลียดชังว่า ถ้าเป็นไอ้คนนี้พูด ต้องเกลียดไว้ก่อน อันนี้แหละคือปัญหาของสังคม”
บอกใครจะเอาไปแชร์ เอาไปละเลงใส่อารมณ์ก็เป็นเรื่องของอีกฝ่าย มั่นใจไม่ใช่เครื่องมือใคร เชื่อคนมีวิจารณญาณอ่านแล้วจะเข้าใจ
“ถามว่ามีคอมเมนต์รุนแรงมาถึงผมมั้ย ก็ไม่นะ เพราะเขาอาจจะแชร์กันไป แล้วเอาไปละเลงต่อในเฟซบุ๊กของเขาเอง ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องของเขา ส่วนกลัวจะเอาไปเป็นเครื่องมือมั้ย เครื่องมืออะไร คงไม่หรอก เราเชื่อว่าตัวเองเป็นคนที่มีวิจารณญาณ ในการเขียนอย่างมีเหตุผล ไม่ได้หยาบคายหรือเพื่อสร้างความเกลียดชัง เพียงแต่ว่าพอเราเขียนไป หลายครั้งข้อความของเรา ไปโผล่ที่ทีวีช่องนั้น ช่องนี้ และทั้งออนไลน์ แต่เราไม่รู้ตัวนะว่ามันจะเป็นข่าวเพราะเราเล่นโซเชียลเฉพาะตอนกลางคืน พอรุ่งเช้าก็มีคนส่งข้อความมาให้ดูว่า ข้อความที่เราเขียนมันไปถึงตรงนี้แล้วนะ เราก็คิดว่า อ้าวเหรอ...ตอนแรก ๆ ก็รู้สึกงง ประหลาดใจ และไม่สบายใจเหมือนกัน แต่ตอนนี้เฉย ๆ”
“ถ้าเป็นคนที่ชอบพอกันก็ดี แต่ตอนนี้พอเราพูดอะไรไปก็ตาม หลายคนในโซเชียลมีเดีย ไม่ได้ฟัง หรือไม่ได้อ่านที่เนื้อหา แต่ดูว่าใครเป็นคนพูด ถ้าเป็นคนที่ฉันไม่ชอบ ไอ้นี่ผิด แต่ถ้าเป็นคนที่ฉันชอบ ไอ้นี่ถูก ซึ่งความคิดเห็นแบบนี้อันตรายต่อสังคม คือถ้าเกิดเราฟังแล้วดูในสิ่งที่เขาพูด ไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม มันจะมีเหตุมีผลในการพูดคุยกันมากขึ้น”
ชี้โพสต์การเมืองไม่ผิดกฎหมาย บอกขำ ๆ เดี๋ยวจะขายตรง ขายครีมให้คนเอาไปแชร์บ้าง
“อันนี้เป็นเรื่องของคนที่เขาเอาไปแชร์ ตราบใดที่เราเขียนความคิดเห็นของเราอยู่ในพื้นที่ของเราที่เราจะเผยแพร่ และไม่ผิดกฏหมาย พ.ร.บ. หมิ่นประมาท หรือ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ก็ถือว่าเป็นปกติ เพราะทุกคนสามารถทำได้ แต่บังเอิญว่าบางทีไม่ได้มีอะไร แต่เราก็โดนหยิบขึ้นมาเป็นประเด็นทุกที ไม่รู้เป็นอะไร บางทีอยากโฆษณา ขายตรง ขายครีม ให้เขาแชร์แบบนั้นบ้างจังเลย (หัวเราะ) เพราะพอเราจะโฆษณาว่าเราทำเพลงใหม่นะ ยอดไลก์นิดเดียว ไม่เห็นมีคนแชร์เลย แต่พอเขียนอะไรขึ้นมาปุ๊บ!! โอ๊ย ข้อความไปโน่น ไปนี่ มันก็ขำดี”
ยันโพสต์การเมืองแค่หยิกแกมหยอกใส่อารมณ์ขัน ถ้าคนมีวิจารณญาณอ่านแล้วจะเก็ต
“เป็นปกติ ถ้าคนที่มีวิจารณญาณปกติ มีความคิดธรรมดา อ่านแล้วจะรู้ว่าเป็นความคิดเห็นที่หลาย ๆ คนรู้สึกเหมือนกัน และไม่ได้หยาบคาย หรือรุนแรงอะไร เป็นแค่คำเปรียบเทียบที่เราพยายามจะใส่ให้มีอารมณ์ขัน แค่หยิกแกมหยอก จะได้ให้รู้ว่าบ้านเมืองเรา มีบรรยากาศที่หยิกแกมหยอกกันได้ ไม่ใช่ทุกคนต้องถูกรูดซิปปากหมด เราหยิกแกมหยอกกันได้ ไม่ว่าจะมีบรรยากาศอะไรก็ตาม”
“เดี๋ยวนี้โพสต์เบากว่าเมื่อก่อน เพราะตอนนี้มันไม่มีอะไรให้ต้องแรงขนาดนั้น แค่มีเหน็บหรือติงนิดหนึ่ง เราก็ติติงกันได้ แบบมีเมตตา ไม่ได้เกลียดชัง เพราะเราเป็นคนไทยด้วยกัน แค่เสนอว่าแบบนี้จะดีมั้ย แค่นั้นเอง เพราะบรรยากาศก็ไม่ได้มีอะไรที่จะต้องทำให้เกิดโพสต์อะไรรุนแรง ถามว่าอยากฝากอะไรถึงคนอ่านหรือเปล่า อยากอ่านก็อ่าน อยากแชร์ก็แชร์ เพราะเปิดเฟซบุ๊กเป็นสาธารณะไว้ ถ้าชอบก็ชอบ ไม่ชอบก็ด่า เท่านั้นเอง เรื่องการเมืองถ้ามันมีอะไรให้เขียนก็เขียน ถ้าไม่มีอะไรให้เขียน เราก็ไม่เขียน หรือบางทีขี้เกียจ เล่นกับหมาดีกว่า เราก็เล่นกับหมา เป็นแค่ชีวิตคน ๆ หนึ่งที่มีอะไรผ่านเข้ามาเท่านั้นเอง”
