เปิดใจ “ทับทิม อัญรินทร์” ผู้ไปคว้า 5 เหรียญทองไอซ์สเก็ตเอเชีย ที่มาเลเซีย ขึ้นแท่นเป็นนางเอกคนที่สองของไทย รองจาก “กบ สุวนันท์” ที่ไปสร้างชื่อบนเวทีนี้ เผยเส้นทางกว่าจะได้แชมป์ต้องเจียดเวลาจากการถ่ายละครที่คิวแน่นเอี๊ยดไปซ้อม เคยประสบอุบัติเหตุระหว่างซ้อม แต่ไม่คิดจะเลิกเล่น พร้อมแจงที่มาโชว์สุดประทับใจหลังเจ้าตัวนำรำมโนราห์ กับชุดตะเบงมานฟันดาบ ไปไว้บนลานสเก็ต สร้างความฮือฮาไปทั่วเอเชีย
สวยและมีความสามารถหลากหลายทีเดียว สำหรับ “ทับทิม อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์” นางเอกคนดังแห่งวิก 7 สี ที่ไม่ได้มีดีแค่เล่นละครเก่ง แต่ล่าสุดเธอเพิ่งไปสร้างชื่อเสียงกระหึ่มเอเชีย ด้วยการคว้า 5 เหรียญทองไอซ์สเก็ต ในการแข่งขัน Skate Asia 2016 ที่ ประเทศมาเลเซีย มาหมาด ๆ ทั้งที่เป็นการไปแข่งครั้งแรกในชีวิต อีกทั้งยังเป็นเวทีเดียวกับนางเอกรุ่นพี่ “กบ สุวนันท์” เคยไปสร้างชื่อเสียงไว้เมื่อหลายปีก่อน
แต่กว่าจะได้แชมป์มา ทับทิมต้องเจียดเวลาจากการถ่ายละครที่มีคิวแน่นเอี๊ยดมาซ้อม ทั้งต้องทนเจ็บตัวจากอุบัติเหตุระหว่างซ้อม แต่เพราะความฝันที่มีมาตั้งแต่เด็กที่อยากเล่นไอซ์สเก็ตเก่ง ๆ อยากไปแข่งบนเวทีใหญ่ ๆ ทำให้เจ้าตัวเฝ้าฝึกฝนและอดทนไม่ถอดใจ นอกจากความสามารถที่เอาชนะใจกรรมการแล้ว ทับทิมยังสร้างความฮือฮาด้วยการจับเอาชุดมโนราห์ กับชุดตะเบงมาน ไปใส่ในการเล่นไอซ์สเก็ตได้อย่างลงตัวทำเอาต่างชาติตื่นตะลึง
ตอนแรกกะไปเรียนเล่น ๆ ไม่คิดไม่ฝันว่าตัวเองจะกลายมาเป็นเจ้าของ 5 เหรียญทองไอซ์สเก็ตเอเชีย
“ทับทิมเคยเรียนไอซ์สเก็ตตั้งแต่ตอน ม.ต้น แต่ก็เรียนแค่พื้นฐาน เดินได้ วิ่งได้ เรียนช่วงสั้น ๆ แล้วก็หยุดเรียนไปเป็น 10 กว่าปี (ยิ้ม) ตอนนั้นที่อยากเล่นไอซ์สเก็ตเพราะชอบค่ะ ตอนนั้นคุณแม่เคยพาไปดูดิสนีย์ออนไอซ์ เลยมีความใฝ่ฝันว่าจะได้เล่นได้โชว์สวย ๆ แบบนั้นบ้าง ทับทิมเพิ่งกลับมาเรียนไอซ์สเก็ตอีกครั้งเมื่อปลายปีที่แล้ว ก็ต้องมาหัดพื้นฐานใหม่หมดเลย กว่าจะได้เรียนท่าจริง ๆ ก็ 6 เดือน ซึ่งตอนที่กลับไปเล่นทับทิมแค่อยากไปเล่นเฉย ๆ ก็เลยชวนเพื่อนไป แต่พอได้ไปเล่นจริง ๆ ก็มีความรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่เราชอบตั้งแต่เด็ก เราก็น่าจะกลับมาเรียนจริง ๆ จัง ๆ ก็เลยขอคุณแม่ไปซื้อรองเท้าแล้วก็ไปเรียนเลยค่ะ”
“ทับทิมก็ต้องปรับใหม่หมดเลยเพราะกล้ามเนื้อหายไปนานจนมันไม่ชินแล้ว ตอนเรียนช่วงแรกๆ เรื่องร่างกายยังไม่เท่าไหร่ แต่พอที่เราเริ่มจะลงท่า มีท่าที่จะต้องใช้กำลังในการกระโดดใช้ขา ขาต้องแข็งแรงมาก ๆ ทับทิมก็เลยต้องออกกำลังกายอย่างอื่นเพิ่มด้วย และฝึกเรื่องหมุนไม่ให้เวียนหัวที่เราจะต้องฝึกข้างนอกไม่ได้เกี่ยวกับบนลานไอซ์ แต่มันเป็นเหมือนข้อบังคับนะคะถ้าเราอยากทำให้ได้เราก็ต้องทำอย่างอื่นควบคู่ด้วย”
“ความยากมันอยู่ที่ความท้าทายมากกว่าค่ะ มีท่าใหม่มาเรื่อย ๆ มันท้าทายตรงที่ว่าเราทำท่านี้ได้รึยัง พอเราทำท่านี้ได้ แล้ว แล้วท่าต่อไปเราจะทำได้มั้ย (ยิ้ม) ก็ต้องซ้อมให้ได้ ก็ยากเหมือนกัน กล้ามเนื้อเราต้องพร้อมเราถึงจะสามารถทำได้ ท่าไหนที่เรายังไม่พร้อมครูก็จะเบรกไว้ก่อนยังไม่ให้เราทำ สำหรับทับทิมท่าหมุนยากที่สุดเพราะคนที่ไม่ได้มีพื้นฐานการหมุนมาก่อนจะทำไม่ได้ ทับทิมฝึกอยู่ 3 เดือนกว่าจะไม่เวียนหัว เพราะถ้าเวียนหัวเราจะเล่นต่อไม่ได้ หมุนแค่ 2 รอบต้องเลิกเล่นแล้ว แต่ตอนนี้ซ้อมหมุนทั้งวันก็ไม่เวียนหัวแล้วตอนนี้ (หัวเราะ)”
“ถ้าถามถึงเรื่องอุบัติเหตุระหว่างซ้อมมันมีเป็นเรื่องปกติค่ะ ที่หนักสุดคือตอนหมุนแล้วลื่นก็เอาท้องลงเลย แรงมาก จุก เข่าช้ำ ข้อศอกบวมเพราะเอาศอกกันหน้าไว้เพราะกลัวหน้าลงพื้น แต่ไม่เข็ดค่ะ (หัวเราะ) การเซฟครูจะบอกอยู่แล้วว่าต้องเซฟยังไง อย่างแรกเลยคือต้องมีสติมันจะช่วยให้เราแก้ไขและป้องกันตัวเองได้ แต่ส่วนมากทับทิมจะล้มเล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะเรายังไม่ได้ไปขั้นระดับสูงที่ท่าจะผาดโผนมากขนาดนั้น”
“จากวันแรกที่กลับไปเล่นในรอบ 10 ปี ความรู้สึกของทับทิมคือแค่อยากกลับไปเล่น แต่พอเรากลับไปเรียนอย่างจริงจังก็มีเป้าหมายว่าอยากทำให้ได้ ค่อย ๆ ไต่ระดับขึ้นไปเรื่อย ๆ อยากจะรู้ว่าตัวเองจะไปได้ถึงขั้นไหน แต่ตอนนั้นยังไม่ได้คิดถึงเรื่องการแข่งขันอะไรเลยนะคะ ซึ่งทับทิมได้มีโอกาสได้เรียนกับคุณครูวิชชา นิสสัยหาญ ซึ่งเป็นครูของพี่กบ สุวนันท์ สมัยที่พี่กบเล่นด้วยค่ะ ตอนแรกครูก็เหมือนยังไม่มั่นใจเรา บอกว่าขอดูก่อนนะ ยังไม่อยากรับเราเป็นลูกศิษย์เพราะกลัวเราเล่นแล้วก็เลิกไม่อยู่จริงจัง แต่พอครูเห็นว่าทับทิมจริงจัง ทุกครั้งที่ไปเล่นเราจริงจัง เราไม่เหนื่อยที่จะเล่น เราตั้งใจที่จะทำแต่ละท่าให้ได้จริงๆ ครูก็คงเห็นความพยายามของเราค่ะ สุดท้ายครูเป็นคนมาบอกเองว่าเราตั้งใจขนาดนี้ทำไมไม่ลองแข่งดูล่ะ ครั้งนึงในชีวิต จริง ๆ ตอนนั้นทับทิมไม่แน่ใจด้วยซ้ำเพราะตัวเองไม่มีเวลา แต่ครูบอกไม่เป็นไรเอาเท่าที่เราไหว ถ้าไม่ได้ก็เป็นประสบการณ์ ทับทิมก็เลยตัดสินใจสมัครเข้าแข่งขันค่ะ”
ต้องสอบระดับขั้นต่าง ๆ ให้ผ่าน ต้องมีใบการันตีฝีมือถึงไปแข่งระดับเอเชียได้
“ทับทิมสมัครล่วงหน้าก่อนไปแข่ง 3 เดือน ซึ่งทางซับซีโร่ ไอซ์สเก็ตคลับ (ลานไอซ์สเก็ต) ก็เป็นสปอนเซอร์ในการสนับสนุนในการไปแข่ง ทั้งในเรื่องลานซ้อมและหาโค้ชให้ ก็ส่งโค้ชลูกเกดมาให้ทับทิม โค้ชก็มาช่วยฝึกสอนและเตรียมโปรแกรมสำหรับลงแข่งทั้งหมดให้ค่ะ การเตรียมตัวด้วยความที่ไม่มีเวลาเพราะต้องถ่ายละครด้วย ทับทิมพยายามไปให้ได้อาทิตย์ละครั้งเป็นอย่างน้อย ครั้งละ 3 ชั่วโมง แล้วเวลาไปซ้อมทับทิมจะไม่พักเลย เล่นจนครบ 3 ชั่วโมงแล้วพักทีเดียว”
“กีฬาชนิดนี้ต้องซ้อมเยอะ ๆ ถึงจะดี ช่วงเวลาในการเตรียมตัวก่อนไปแข่งทั้งหมด 3 เดือน แต่ก่อนหน้านั้น ทับทิมต้องผ่านการสอบในระดับขั้นของตัวเองให้เรียบร้อยก่อน อย่างทับทิมลงแข่งในระดับมือสมัครเล่น ก่อนจะลงแข่งต้องมีใบรับรองจาก ISI เอเชีย ก่อนว่าเราอยู่ขั้นไหน จะมีท่าบังคับ เก็บแต้มไปเรื่อย ๆ อย่างเช่น ขั้นนี้มีกี่ท่าที่ต้องทำให้ได้ เราก็ไปสอบให้ผ่าน แล้วก็ต้องไปสอบขั้นต่อไปมีท่านี้ ๆ ถ้าเราสอบผ่านก็ได้ใบรับรองนั้นมา ท่าจะเพิ่มไปเรื่อย ๆ เหมือนการเก็บท่า”
ต่างชาติตื่นตะลึง เมื่อทับทิมจับรำมโนราห์กับชุดตะเบงมานฟันดาบไปไว้บนลานสเก็ต
“เรื่องชุดที่ใส่แข่งทั้ง 3 ชุด เริ่มแรกมันเป็นความตั้งใจของทับทิมอยู่แล้ว อย่างที่บอกไปว่าเป็นความฝันตั้งแต่เด็ก ๆ ที่อยากจะได้โชว์บนเวทีใหญ่ ๆ สักครั้งนึง ก็เลยคิดเองเลยว่าจะนำความเป็นไทยไป ทับทิมก็คุยกับโค้ชว่าจะหาเพลงเองนะคะ (ยิ้ม) ขอตัดเพลงเอง มีกลิ่นไอของความเป็นไทยทุกอย่าง มีดนตรีไทยผสมอยู่ด้วย เสร็จก็เอาไปให้โค้ชออกแบบท่าให้ บางเพลงที่ต้องรำมโนราห์ โค้ชก็บอกเลยว่าไม่ค่อยถนัด (หัวเราะ) เพราะไม่เคยทำมาก่อน เพราะดนตรีแบบนี้จะทำให้มันต่อเนื่องบนลานไอซ์สเก็ตค่อนข้างยาก เราก็ปรึกษากันจนได้โชว์ออกมาเรียบร้อย เสร็จก็มาคิดเรื่องชุด ทับทิมคิดว่าไหน ๆ ทำเกี่ยวกับไทยแล้วชุดก็ต้องไทยด้วย ก็ไปติดต่อพี่ ๆ ดีไซเนอร์ คนแรกเป็นพี่โอปอล แบรนด์ Sunyaluck ซึ่งพี่เขาเด่นในเรื่องนำผ้าไทยมาตัดชุดอยู่แล้ว ทับทิมก็ติดต่อไปอยากให้พี่โอปอลเป็นสปอนเซอร์ชุดให้ พี่เขาก็ยินดีทำให้เลย ทับทิมบอกว่าอยากได้ชุดที่มองแล้วรู้ว่าเป็นไทยเลย พี่เขาก็เลยได้ไอเดียว่าใช้สีธงชาติไทย เป็นชุดลายกนกไทย”
“ชุดที่สองเราติดต่อไปหาพี่ป๋อง ซีเบต เพราะว่าน่าจะเป็นสไตล์พี่ป๋องเลยสำหรับการทำชุดโชว์ ทับทิมก็บอกเลยว่าจะไปรำมโนราห์บนลานสเก็ต อยากได้ชุดมโนราห์ประยุกต์เพราะบนลานไอซ์สเก็ตมีข้อจำกัดว่าเราเอาชุดจริงไปไม่ได้ ชุดจะต้องยืดหยุ่นและมีน้ำหนักเบาในการเล่น พี่ป๋องก็ออกแบบมาให้เลยค่ะ ส่วนเครื่องประดับก็มีเล็บและมีหางก็สื่อถึงความเป็นโนราห์ ซึ่งชุดนี้ชาวต่างชาติให้ความสนใจมากเข้ามาถามว่าชุดนี้สื่อถึงอะไรเหรอ เราก็บอกว่าเป็นศิลปวัฒนธรรมการรำของไทย เขาก็ดูตื่นตาตื่นใจกับชุดเรา กลายเป็นความแปลกใหม่บนลานสเก็ตอีกอย่างนึง”
“ชุดสุดท้ายที่เป็นชุดวีรสตรีไทย ทับทิมก็เห็นผลงานของพี่เจี๊ยบ เอกกมล เพราะพี่เจี๊ยบโดดเด่นในเรื่องของการนำความเป็นไทยมาไว้บนเสื้อผ้าอยู่แล้ว ทับทิมก็ไปขอกับพี่เจี๊ยบแล้วพี่เขาก็มาหาถึงที่เลย ทุกคนให้การสนับสนุนดีมาก (ยิ้มดีใจ) ทับทิมก็คุยกับพี่เจี๊ยบว่าประเภทที่ทับทิมลงแข่งขันคือ Solo Spotlight Theme ซึ่งธีมในปีนี้คือศิลปะการต่อสู้ ซึ่งคนจะนึกถึงมวยไทย แต่ทับทิมรู้สึกว่ามวยไทยต่างชาติเห็นเยอะแล้ว เราอยากได้อะไรที่แปลกใหม่อยากนำเสนอมุมอื่น ๆ บ้าง ก็เลยออกมาเป็นชุดนักรบ มีดาบคู่ สวยงาม และมีความเท่ด้วย พี่เจี๊ยบก็เลยทำชุดตะเบงมานให้ ชุดไทยมีคนเข้ามาชมเยอะมาก (ยิ้ม) แต่ชุดก็เพิ่มความยากให้เหมือนกันค่ะทั้งชุดโนราห์ และชุดวีรสตรีไทยโดยเฉพาะตอนหมุน เพราะเรามีอะไรที่ออกมาจากตัวเรา เวลาหมุนก็จะยากขึ้นและจะพลาดง่ายขึ้น และตอนแข่งก็พลาดจริง ๆ มีลื่นบ้าง (หัวเราะ) ก็ทำให้เราได้รู้ว่าตัวเองอ่อนตรงไหน อย่างการควงดาบและการฟันดาบทับทิมก็ให้พี่ ๆ ในกองถ่ายละครซ้อมให้ เราก็พยายามฝึกฝนให้มากที่สุดก่อนไปลงลานสเก็ต”
ไปครั้งแรกกวาดเรียบ 5 แชมป์
“ทับทิมลงแข่งทั้งหมด 5 ประเภท คือ Solo Program คือ การเล่นประกอบเพลงโดยที่มีท่าบังคับตามขั้นเรา และประเภท Solo Compulsory เป็นท่าบังคับที่เขาจะกำหนดให้แล้วเขาก็จะดูเทคนิคของเราว่าเราเป็นยังไงบ้างในแต่ละท่าที่กำหนดให้ แล้วก็ประเภท Artistic อันนี้เป็นสเก็ตลีลาสวยงาม แล้วก็ประเภท Solo Spotlight Entertainment อันนี้เน้นการโชว์ทุกอย่างอันนี้ก็จะเป็นชุดโนราห์ และประเภท Solo Spotlight Theme ที่เป็นธีมพิเศษของปีนี้ก็คือศิลปะการต่อสู้ ได้มา 5 เหรียญ ไม่คิดว่าจะได้(หัวเราะ) เพราะไปครั้งนี้เราไม่หวังเหรียญเลย ทับทิมแค่อยากไปทำตามความฝันของตัวเองที่อยากไปเล่นบนเวทีใหญ่ๆ มีคนมาดูเรา เราได้ทำโชว์เอง การแข่งครั้งนี้แข่งกันเป็นทีม ก็จะมีทั้งหมด 35 ทีมจาก 13 ประเทศในเอเชีย ทับทิมอยู่ในทีมซับซีโร ไอซ์สเก็ตคลับ ซึ่งเป็นหนึ่งทีมจากประเทศไทย แข่งกันแบ่งตามระดับฟรีสไตล์ 1 รุ่น อายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป ทับทิมจะเจอคู่แข่งจากจีน ฮ่องกง มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ วันแข่งตื่นเต้นมาก (ยิ้ม)”
“ความรู้สึกที่ได้มา 5 เหรียญมันเกินความหวังมาก ๆ ค่ะ เกินตั้งแต่เหรียญแรกแล้ว ตอนได้เหรียญแรกทับทิมถามเลยว่าจริงเหรอคะ (หัวเราะ) รู้สึกมีความสุขที่ได้ทำในสิ่งที่เราอยากจะทำมาตั้งนานแล้ว และไม่เคยคิดว่าวันนึงเราจะได้ทำเพราะเราไม่มีเวลามากพอ เนื่องจากทับทิมต้องทำอาชีพนี้อยู่ ซึ่งเป็นงานหลักของเรา และค่อนข้างที่จะจัดสรรเวลายากและการเล่นกีฬาต้องทุ่มเทในการฝึกซ้อมมาก ๆ ก็เลยไม่คิดว่าเราจะได้ไป เพราะเรามีความรู้สึกว่ามันยิ่งใหญ่มาก เป็นเวทีระดับเอเชีย แต่สุดท้ายพอได้ไปอยู่ตรงนั้นจริง ๆ ก็ยิ่งมีความสุขและพิเศษที่สุดแล้ว ยิ่งได้เหรียญก็ยิ่งดีใจเข้าไปอีก (ยิ้มมีความสุข)”
“เป้าหมายต่อไปถ้าพูดถึงการแข่งขันทับทิมยังไม่ได้คิดต่อว่าเราจะไปอันไหนต่อรึเปล่า แต่คิดว่าอยากที่จะเรียนต่อไปเรื่อย ๆ พัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อย ๆ สอบเลื่อนขั้นไปเรื่อย ๆ ทับทิมยังต้องเพิ่มความแข็งแรงของร่างกายอีกเยอะค่ะ พอได้มาสัมผัสตรงนี้ทับทิมได้รู้เลยว่าคนที่เป็นนักกีฬาทีมชาติ หรือที่เป็นนักกีฬาเขาต้องเสียสละเวลามาก ๆ เพื่อมาซ้อม ปีหน้ายังไม่ได้คิดว่าจะไปแข่งอีกมั้ย แต่อยากฝึกฝนตัวเองไปเรื่อย ๆ ค่ะ ทับทิมมีความสุขที่ได้ทำส่วนอนาคตจะเป็นยังไงค่อยว่ากันอีกที (ยิ้ม)”