xs
xsm
sm
md
lg

“อั้ม” แตกหัก “บลูริบบอน” เดินหน้าฟ้อง 50 ล้าน โต้ออกเอกสารเลี่ยงภาษี ยันไลน์ถูกตัดทอนบางส่วน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“อั้ม อธิชาติ” ฟ้องหมิ่น บลู ริบบอน 50 ล้าน ยันจ่ายเงินครบ ส่วนไลน์ยอมรับค้างจ่ายหนี้ 4 งวดถูกตัดทอน ยกมาแค่บางส่วน ซัดบุญคุณส่วนบุญคุณ จะไม่ร่วมมือทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง โบ้ยถามช่องทรู จะให้ผลิต “เจ้าเวหา” ต่อหรือไม่ เปิดใจพร้อมกลับไปตอบแทนบุญคุณช่อง 3

เรียกว่า ยังไม่จบไม่สิ้น สำหรับกรณีที่ “อั้ม อธิชาติ ชุมนานนท์” และ “นัท มีเรีย” ออกมาแถลงข่าวยันไม่ได้เบี้ยวค่าตัวนักแสดงซีรีส์เจ้าเวหา ก่อนเผยว่าได้จ่ายเงินให้กับบริษัทจัดหานักแสดงไปหมดแล้ว มีหลักฐานชัดเจน มีใบเสร็จและใบกำกับภาษีที่ถูกต้อง

ต่อมา บริษัท บลูริบบอน แอดเวอร์ไทยซิ่ง จำกัด ที่มี “วินัย เยี่ยมประเสริฐ” เป็นคนดูแล ได้ส่งทนายความออกมาสวนกลับ โดยแฉยับว่าพระเอกดังยังติดหนี้บริษัท บลูริบบอน อีก 27 ล้านบาท และบริษัทตนไม่ใช่โมเดลลิ่งหานักแสดง แต่เป็นบริษัทผู้ผลิตละครเรื่องดังกล่าว แถมยังงัดหลักฐานไลน์ที่อีกฝ่ายยอมรับหนี้สินมาหักล้าง จนทำให้กลายเป็นกระแสฮือฮา

ล่าสุด อั้มได้เดินทางไปศาลอาญาพร้อมกับ “นายปริยพล กมลศิลป์” ทนาย ฟ้องร้องบุคคลที่กล่าวหาตนและบริษัทจนทำให้เสียชื่อเสียง และแถลงข่าวให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ เรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงินจำนวนถึง 50 ล้านบาท อีกทั้งในช่วงเช้าวันนี้ (8 ก.ย.) ทางบริษัท หกหนุมาน ยังได้ส่งตัวแทนเข้าแจ้งความที่ สน.ลุมพินี อีกด้วย

อั้ม : “ทางผมและตัวแทนได้มายื่นฟ้องร้องต่อศาลให้ศาลลงโทษกลุ่มบุคคล และบริษัทที่ได้ทำการหมิ่นประมาทที่มันเป็นเท็จ ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับตัวผมและครอบครัวผม การที่เรามายื่นฟ้องต่อศาล เรามีเอกสารที่ถูกต้องตามกฎหมาย เป็นเอกสารที่ศาลสามารถพิสูจน์ทุกอย่างได้จริง ผมขออนุญาตให้เป็นเอกสารที่ไว้กับศาล เพราะผมต้องเรียนว่าวันนี้เป็นการยื่นฟ้องต่อศาลยังไม่ได้มีการตัดสินใด ๆ ทั้งสิ้น ยังไม่อยากเอ่ยชื่อผู้ใด หรือกระทำการใด ๆ ซึ่งเป็นการไม่ยุติธรรมสำหรับฝ่ายตรงข้าม เพราะฉะนั้นผมขออนุญาตให้ศาลตัดสินครับ วันนี้เราได้ฟ้องร้องค่าเสียหายไป 50 ล้าน”

ทนาย : “ส่วนใหญ่ก็จะเป็นอย่างที่คุณอั้มได้เรียนไปว่าเป็นเรื่องการหมิ่นประมาท ส่วนเรื่องข้อเท็จจริงผมขออนุญาตเปิดเผยในชั้นต่อไปดีกว่าครับ เพราะเรื่องอยู่กับทางศาลแล้ว”

อั้ม : “เรื่องเงิน 27 ล้าน ผมขออนุญาตชี้แจงเท่าที่ชี้แจงได้ ว่า บริษัท หกหนุมาน ได้เป็นผู้ผลิตที่ถูกต้องตามกฎหมาย มีสัญญาการผลิตที่ถูกต้องจากทรูโฟร์ยู ในการทำงาน บริษัทได้ร่วมงานกับหลายท่าน ในบริษัทต่าง ๆ ซึ่งบริษัทหกหนุมานได้กระทำการควบคุมการผลิตตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนขั้นตอนสุดท้ายส่งเทปเรียบร้อยและมีการชำระเงินให้กับทุกฝ่ายเสร็จสิ้นเรียบร้อย ด้วยความสามารถของหกหนุมานเอง เพราะฉะนั้นผมก็ต้องถามพี่ ๆ น้อง ๆ ว่า ในเมื่อผมทำงานเสร็จเรียบร้อย แล้วทุกฝ่ายที่ทำงานกับผมที่เป็นค่าใช้จ่ายจริง ๆ ที่เกิดขึ้นได้รับค่าใช้จ่ายเรียบร้อยแล้วผมจะเป็นหนี้ให้ใครอีก (เงิน 39 ล้านได้จ่ายเรียบร้อย?) ใช่ครับ เพราะว่าการทำงานของผม ผมทำงานมาตลอดระยะเวลา 8 - 9 เดือนกับทีมงานหลายชีวิตมาก มีบริษัทหลายบริษัทมากที่ทำงานร่วมกัน ทุกคนล้วนแล้วแต่ได้รับรายจ่าย มีบิลใบเสร็จถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง”

“ที่เขาบอกว่าออกบิลใบเสร็จจากค่าผลิตเป็นค่าตัวนักแสดง เหมือนเลี่ยงข้อความในใบเสร็จนั้น บริษัทผมเป็นบริษัทที่ทำงานถูกต้องตามกฎหมาย ผมคิดว่าบริษัทใหญ่ ๆ หรือบริษัทใด ๆ แบบนั้นคงไม่กระทำการใด ๆ เพื่อเป็นการผิดต่อสรรพากร ผมเองก็ไม่มีความจำเป็นต้องทำแบบนั้น และจะไม่ร่วมทำแบบนั้นกับใคร”

ยันชำระเงินไปแล้ว มีหลักฐานทุกอย่าง ลั่นถ้าตนไม่จ่าย บริษัทอื่นที่ร่วมงานด้วยต้องออกมาเรียกร้องแล้ว
“ผมจะมีผู้รับเงินโดยเป็นทีมงานของผมที่ร่วมทำงานกันมาและทีมงานบริษัทอื่น ๆ ที่ได้ร่วมกัน ซึ่งเรามีใบเสร็จทุกอย่าง ใบกำกับภาษีทุกอย่าง บริษัทที่ร่วมงานกับผมจริง ๆ แล้วไม่มีใครที่เดือดร้อนเลยกับค่าใช้จ่าย ถ้าหากมีการไม่จ่ายให้ผู้ทำงานจริง ๆ กับผม ก็คงต้องมีคนออกมาเรียกร้องตรงนั้นแล้ว

“ในส่วนของนักแสดง คือ จริง ๆ มีการปรึกษาผ่านตัวแทนทั้งสองท่าน ผมก็ต้องเรียนว่านักแสดงในเรื่องทั้งหมดมีนักแสดงที่เป็นส่วนของหกหนุมานรับผิดชอบโดยตรง คือนักแสดงอิสระ ไม่ได้มีสังกัดหรือถูกว่าจ้างโดยใคร เราก็จ่ายค่าจ้างโดยตรง แต่นักแสดงที่ถูกว่าจ้างมาโดยบุคคลหรือบริษัทใดๆ ก็ตาม และมีการคิดค่านักแสดงสำหรับนักแสดงท่านนั้น ๆ เมื่อมีการชำระ ผมก็ต้องชำระให้กับทางบริษัทผู้ว่าจ้างนักแสดงท่านนั้นมา แต่ก็ต้องถามว่าเมื่อผมได้ชำระไปแล้ว บริษัทนั้น ๆ ได้นำจ่ายไปหรือยัง”

ยันแถลงไม่ได้พาดพิง - เจาะจงใคร ไม่เคยพูดบริษัทไหนเป็นโมเดลลิ่ง
“จริง ๆ ต้องขอสอบถามว่าที่ผมแถลงข่าวครั้งที่แล้ว ผมไม่ได้แถลงข่าวเจาะจงหรือพาดพิงใคร ผมแค่แถลงข่าวว่าผมและบริษัทเรารับผิดชอบตามหน้าที่ของเรา ผมไม่เคยพูดว่าบริษัทไหนเป็นโมเดลลิ่ง ผมบอกว่าบริษัทตัวแทน คือเอเจนซี่ สามารถเป็นตัวแทนได้หลาย ๆ เรื่องที่รับว่าจ้าง อันนี้ผมไม่ทราบว่าเป็นการว่าจ้างนักแสดงแบบไหน แต่นักแสดงท่านนั้น ๆ ที่ได้รับการว่าจ้างจากบริษัทที่เป็นตัวแทน ได้มีการว่าจ้างจริง และมีการโอนคิดค่าบริการจริง และผมได้เห็นเอกสารว่าบริษัทที่ได้มีการว่าจ้างนักแสดงนั้นเนี่ยมีการติดต่อจริงและคิดค่าบริการนักแสดงท่านั้น เพราะฉะนั้นผมได้บอกว่าผมทำหน้าที่ของผมเต็มที่แล้วครับ”

รับได้ร่วมงานกับบลูริบบอนจริง แต่ยืนยันบริษัทตนทำหน้าที่ควบคุมการผลิตทั้งหมด
“ในการเริ่มงานกันเราได้เริ่มงานหลาย ๆ บริษัท หลาย ๆ ส่วน ในช่วงแรกที่ทำงานด้วยกัน บริษัทบลูริบบอนมีหน้าที่จัดหาทีมงาน นักแสดง สถานที่ต่าง ๆ และต้องมีการยอมรับว่าได้ทำงานร่วมกัน ถามว่าเป็นการร่วมผลิตมั้ย จริงๆ แล้วเรามีบุคคลและบริษัทที่ทำงานร่วมกันเยอะพอสมควร การทำละครเรื่องหนึ่ง ผมเป็นบริษัทควบคุมการผลิต ซึ่งได้รับมอบหมายจากบริษัททรูโฟร์ยู ผมก็ต้องมีการใช้บริการจากบริษัทที่มีความสามารถในด้านนั้นๆ บริษัทหกหนุมานควบคุมการผลิตทุกขั้นตอนทั้งหมดครับ หน้าที่เดียวที่ไม่ได้ทำคือเสิร์ฟน้ำในกอง”

ปัดตอบค้างจ่ายอีก 4 งวด อ้างเป็นดีเทลบริษัท ส่วนข้อความไลน์ยอมรับหนี้ มีการตัดต่อบางส่วน
“จริง ๆ เรื่องรายละเอียดมันเป็นดีเทลของบริษัท แต่ขอยืนยันว่า บริษัท หกหนุมาน ได้ทำงานกับผู้ที่ทำงานจริง ๆ และผมได้จ่ายให้กับบริษัทที่ทำงานให้ผมแล้ว ใบเสร็จต่าง ๆ หรือหนี้อื่น ๆ เกิดขึ้นจากค่าอะไร ในเมื่อผมดำเนินการเสร็จแล้วกับผู้ที่ได้รับค่าใช้จ่ายจริง ๆ ใบเสร็จนั้นทำไมต้องเป็นบริษัทจ่ายครับ”

“(มีข้อความไลน์ เหมือนยอมรับหนี้?) การพูดคุยทางธุรกิจมีการพูดคุยหลายขั้นตอน มีการตัดตอนแค่บางส่วน ต้องดูว่าเหตุผลก่อนหน้านั้นยกเหตุผลไหนมาพูดคุย ณ ตอนนี้ผมตอบได้แค่เพียงเท่านี้ รายละเอียดต่าง ๆ ถ้ามีเอกสาร ก็ต้องพิสูจน์กันในศาล วันนี้ผมแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการที่ขออนุญาต ให้ศาลเป็นผู้ตัดสินข้อพิสูจน์ทุกอย่างที่เป็นจริง ผมและครอบครัวโดนหมิ่นประมาทในข้อมูลที่เป็นเท็จ ผมไม่ขอตอบโต้กับผู้ใด ผมขอใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย”

เผยยกเลิกการทำงานกับบลูริบบอนตั้งแต่จบภาคแรก แต่ยังยึดหลักพี่น้อง ให้โอกาสกลับมาทำงานในบางส่วน
“ยกเลิกนานแล้ว แต่การทำงานในบางส่วน อย่างที่เรียนว่าเป็นบริษัทที่ยึดหลักพี่น้อง เราได้ยกเลิกไปตั้งแต่ภาค 1 แต่การทำงานบางส่วนก็ได้มีการให้โอกาสกันบ้าง เพื่อให้บริษัทพี่น้องสามารถทำงานโดยไม่กระทบกระทั่งกัน แต่สุดท้ายแล้วรายละเอียดต่าง ๆ ขอสงวนไว้กับทางศาลเท่านั้น”

สรุปใครเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ละครให้ไปพิสูจน์กันในชั้นศาล
“เรื่องลิขสิทธิ์มันมีรายละเอียดที่ผมก็ต้องอธิบายในชั้นศาล ผมขออธิบายตามประสาบ้าน ๆ แล้วกันว่าผมได้มีการพูดคุยกับผู้เขียนบทประพันธ์มาโดยตลอดตั้งแต่เริ่มเรื่อง แล้ว ณ ปัจจุบันก็มีการพูดคุยกันอยู่ และทางผู้เขียนบทประพันธ์ก็ได้แจ้งผมว่าผมได้รับสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมายและตามเจตนาที่ผู้เขียนบทประพันธ์ตั้งใจจะมอบให้ แต่ส่วนรายละเอียดใครเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ที่ถูกต้องที่แท้จริงก็ต้องพิสูจน์กันในศาลครับ”

ไม่เจรจาเพราะเป็นเรื่องระหว่างบริษัท ยัน 10 ปี “วินัย เยี่ยมประเสริฐ” เป็นผู้ให้โอกาส ตนสำนึก แต่ขอตอบแทนบุญคุณบนพื้นฐานคุณธรรม ศีลธรรม และความถูกต้อง
จริง ๆ ผมขออนุญาตตอบตรงนี้ว่า ณ ตอนนี้ผมขอใช้ขั้นตอนทางกฎหมายเพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องระหว่างบุคคล มันเป็นเรื่องระหว่างบริษัท ถ้าต่างฝ่ายต่างมีข้อมูล มีเอกสารถูกต้องเป็นของตัวเอง ผมขอให้ศาลตัดสิน ส่วนความสัมพันธ์ส่วนตัว เป็นพี่เป็นน้องรู้จักกันมา ผมต้องเรียนว่าในระยะเวลา 10 ปี พี่วินัย (วินัย เยี่ยมประเสริฐ) เป็นผู้ให้โอกาสและเป็นผู้ได้รับโอกาส เราต่างช่วยเหลือการทำงานมาด้วยกันตลอด ผมสำนึกบุญคุณทุกท่านที่ให้โอกาส พี่น้องสื่อมวลชนทุกท่านที่ติดตามรายงานข่าวตลอด ผมต้องตอบว่าการตอบแทนบุญคุณ ผมสามารถทำได้อยู่บนพื้นฐานคุณธรรม ศีลธรรม และความถูกต้อง เรื่องเจรจากันก็ไม่มีครับ ผมก็ต้องขอใช้ขั้นตอนทางกฎหมาย เลยไม่ได้พูดคุยใด ๆ”

บรรยายความรู้สึกในวันนี้ไม่ถูก ขอให้ต่างฝ่ายต่างทำงาน
อั้ม : “(อึ้งไปก่อนหัวเราะ) บรรยายไม่ถูกครับ (แตกหักมั้ย) เอาเป็นว่าต่างคนต่างทำงานดีกว่า มั่นใจว่าไม่ผิด เพราะผมไม่ได้ทำงานแค่บริษัทนี้บริษัทเดียว ผมมีพยาน เราทำงานมา 8 - 9 เดือน เราฝ่าฟันความยากลำบาก เราทำงานกับคนร้อยพันชีวิต ฉะนั้นผมเชื่อว่าทุกคนที่ทำงานร่วมกับผม เราฝ่าฟันความยากลำบากมาด้วยกัน ทุกคนจะเข้าใจว่าเราผ่านจุดนั้นมาด้วยความถูกต้องหรือเปล่า”

ทนาย : “เบื้องต้นนัดไต่สวนมูลฟ้อง 16 ม.ค. ปีหน้า”

อั้ม : “ก็ให้เป็นไปตามขั้นตอนแล้วกันครับ”

ไม่รู้อนาคต จะพับโปรเจกต์เจ้าเวหาหรือไปต่อ โบ้ยแล้วแต่ช่องพิจารณา
จริง ๆ ต้องขอเรียนว่าผมในฐานะทีมโปรดักชัน เราพยายามทำทุกขั้นตอนให้งานออกมาดีที่สุด อาจจะมีผิดพลาด ไม่ได้อย่างที่เราคิด แต่เราได้พยายามทำงานในเรื่องที่ 2 ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมงานถ่ายทำ มีการเริ่มถ่ายทำไปบ้างบางส่วน แล้วเราพร้อมที่จะหยุดและปรับเพื่อให้ได้ตามจุดประสงค์ที่ช่องต้องการ เพื่อให้สิ่งตอบแทนกับคนดูที่ดีที่สุด พอปัจจุบันเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ผมก็ต้องแล้วแต่ทางช่องพิจารณาจริง ๆ ผมในฐานะผู้ผลิตก็ต้องแล้วแต่ทางช่อง จริงๆ ก่อนมีเรื่องราวตรงนี้ก็ได้มีการหยุดปรับเปลี่ยนแก้ไขรายละเอียดต่าง ๆ มาประมาณหนึ่ง ส่วนจะได้ทำต่อหรือเปล่าไม่ทราบครับ ต้องแล้วแต่ช่องพิจารณา”

โอกาสกลับไปร่วมงานกับช่อง 3 ก็ยังไม่รู้ บอกพร้อมตอบแทนบุญคุณทุกเมื่อ
“ยังไม่ทราบครับ ถามว่าผู้ใหญ่ติดต่อให้กลับไปทำงานด้วยกันเหมือนเดิมมั้ย ผมต้องเรียนว่าผู้ใหญ่ทางช่อง 3 ทุกท่านเป็นเหมือนครอบครัวผมที่สร้างโอกาส ให้โอกาสผมตั้งแต่เป็นเด็กชายตัวเล็กๆ เพราะฉะนั้นวันหนึ่งผมพร้อมที่จะตอบแทนบุญคุณช่องอยู่แล้ว ไม่ว่าจะหน้าที่ใด ๆ ก็ตาม”





ทนายความคู่กรณี

กำลังโหลดความคิดเห็น