ตามนโยบายสะเต็มศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ได้เน้นให้ผู้เรียนใช้ความรู้เชิงสะเต็มศึกษาเป็นกลยุทธ์ ในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวัน สอดคล้องกับบริบทพื้นที่และชุมชนสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ชุมชน ที่นักเรียน อยู่อาศัยได้ และสร้างความเท่าเทียมทางการศึกษาหรือเรียกได้ว่าเป็นสะเต็มศึกษาเพื่อชีวิตสำหรับทุกคนดังนั้น เพื่อให้ สอดคล้องกับนโยบายดังกล่าว สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) กระทรวงศึกษาธิการ จึงได้ดำเนินโครงการสะเต็มศึกษาเพื่อพัฒนาอาชีพเชิงพาณิชย์สำหรับเยาวชนไทย (STEM Education for The Development of Youth Entrepreneurship หรือ E2STEM) ซึ่งแผนการดำเนินงานใน ปี 2559 จะมีการจัดค่าย เพื่อให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับทักษะการประกอบการ (entrepreneurship) และการบูรณาการกับสะเต็มศึกษา และ มีการจัดงานออกร้านเพื่อให้นักเรียนได้พบกับผู้บริโภค นอกจากนี้ยังมีการประกวดการบูรณาการสะเต็มศึกษา และแผน ธุรกิจอีกด้วย
ดร. พรพรรณ ไวทยางกูร ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) เปิดเผยว่า โครงการ E2STEM สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมธุรกิจใหม่ หรือนโยบายสตาร์ทอัพ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยนำสะเต็มศึกษา (Science Technology Engineering and Mathematics Education: STEM Education) มาใช้เป็นแนวทางจัดการศึกษาที่บูรณาการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ เน้นนำความรู้ไปใช้แก้ปัญหาในชีวิตจริง รวมทั้งพัฒนากระบวนการหรือผลผลิตใหม่ ที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิต และการทำงาน
ในการนี้ สสวท. ได้จัดงานออกร้านแสดงสินค้าของนักเรียนในโครงการ E2STEM ในวันที่ 28 สิงหาคม 2559 ณ ศูนย์การค้าเกตเวย์ เอกมัย กรุงเทพฯ และการประกวดแข่งขันผลิตภัณฑ์ ที่ใช้ความรู้เชิงสะเต็มศึกษา ในการพัฒนาและแก้ปัญหาสำหรับนักเรียนในโครงการสะเต็มศึกษา เพื่อพัฒนาอาชีพเชิงพาณิชย์สำหรับเยาวชนไทย (E2STEM) ในวันที่ 29 สิงหาคม 2559 ณ โรงแรม S31 กรุงเทพฯ โดยโรงเรียนที่ร่วมกิจกรรมนี้ ได้แก่ โรงเรียน ปากเกร็ด สินค้าเครื่องปั้นดินเผา โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ สินค้าเครื่องหอมต่างๆ โรงเรียนพระปฐมวิทยาลัย กับผลิตภัณฑ์ P.T. Soap จากวัสดุเหลือใช้ในโรงเรียน โรงเรียนมัธยมพระราชทานนายาว ผลิตภัณฑ์จากถั่วมะแฮะ และโรงเรียนโสกนกเต็นประชาอุปถัมภ์ ผลิตภัณฑ์ข้าวกล้องอินทรีย์ 4 โดยบริษัทรักษ์ภูมิ
อาจารย์ศุภรา บาคาวอส หัวหน้าโครงการสะเต็มศึกษาเพื่ออาชีพเชิงพาณิชย์สำหรับเยาวชนไทย เปิดเผยว่า จากข้อมูลเกี่ยวกับงานวิจัยของธนาคารโลก ได้ทำนายว่าอนาคตข้างหน้า งานในประเทศไทยจะหายไปถึง 72% และแนวโน้มที่เด็กไทยอยากจะเป็นผู้ประกอบการมีมากขึ้น บริษัทต่างๆ มีความต้องการกำลังคนที่มีทักษะ ความคิดวิเคราะห์ การคิดสร้างสรรค์มากขึ้นดังนั้น สสวท. จึงมองเห็นว่าการนำสะเต็มศึกษามาบูรณาการกับการสร้าง โอกาสทางเชิงธุรกิจ จึงมีความสำคัญมาก
“สิ่งที่นักเรียนจะได้คือทักษะที่สำคัญในศตวรรษที่ 21 อย่างเช่น การแก้ปัญหา ความคิดสร้างสรรค์ การสร้างสรรค์นวัตกรรมต่างๆ ซึ่งเป็นทักษะที่เด็กไทยขาดค่อนข้างมาก แนวทางในการประกอบอาชีพ มีต้นทุนทาง การทำธุรกิจเพื่อไปต่อยอดความรู้ในห้องเรียน เนื่องจากโครงการ E2STEM เป็นโครงการนำร่อง สสวท. จึงจะต้องติดตามผล เพื่อวิจัยและพัฒนาโครงการด้วย โดยในปีหน้า สสวท. จะเปิดให้โรงเรียนต่างๆ ที่มีความสนใจได้ส่งโครงการหรือประเด็นความสนใจมาว่าอยากจะทำอะไร อยากจะแก้ปัญหาอะไรเข้ามา เพื่อให้ สสวท. คัดเลือกเข้าร่วมโครงการ E2STEM”