กลายเป็นประเด็นร้อนบนโลกออนไลน์เลยทีเดียว สำหรับกรณีน้องนางเอกสาวคนดังตัดสินใจ ปลิดชีวิตด้วยการกระโดดตึกฆ่าตัวตายที่โรงภาพยนตร์ดังย่านรัชโยธิน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เพิ่งมีข่าววัยรุ่นสาว ปืนขึ้นชั้นดาดฟ้าห้างดังย่านปิ่นเกล้าเพื่อกระโดดตึกฆ่าตัวตายเช่นเดียวกัน สะท้อนให้เห็นว่าสภาพสังคมไทยในปัจจุบัน มีผู้ป่วยที่ตกอยู่ในภาวะโรคซึมเศร้าอยู่จำนวนไม่น้อย
งานนี้หนึ่งในนักจิตวิทยาบำบัดคนดัง “โค้ชเรย่า เบรนเวฟ” หรือ “โค้ชเรย่า ปริณสิยา” ผู้ประสบความสำเร็จในการบำบัดและคลายปมจิตใต้สำนึก รักษาอาการคนไข้มาแล้วทั่วโลก มีคำตอบวิธีหลุดพ้นจากโรคซึมเศร้า โดยได้เปิดใจให้สัมภาษณ์ในรายการสายสวรรค์ ช่องดิจิตอล 13 Family
“ที่ทุกคนเข้าใจว่าโรคซึมเศร้านั้นมีเหตุมาจากความรักนั้น อันที่จริงแล้วโค้ชเรย่า อยากให้ทุกท่านทำความเข้าใจในตัวของผู้ตายจากกรณีศึกษาก่อน ว่าสิ่งที่เธอทำลงไปนั้น ไม่ได้เกิดจากประเด็นความเสียใจจากเรื่องของความรักเป็นสำคัญ แต่มองอย่างเป็นกลางตามสาเหตุที่แท้จริง ว่าผู้เสียชีวิตนั้นกำลังเผชิญกับ อาการป่วยทางสมองและจิตเรื้อรัง นั่นก็คือโรคซึมเศร้า อีกทั้งที่ผ่านมาผู้ป่วยไม่ได้รับการบำบัดอย่างเหมาะสม”
“ก็ต้องยอมรับว่าความเข้าใจของคนไทยเกี่ยวกับโรคนี้ยังน้อยมาก และแม้จะเข้าใจ ผู้ป่วยมักคิดพึ่งยาเพื่อรักษาโรคจากทางจิตแพทย์อย่างเดียว โดยละเลย การบำบัด เยียวยาจิตใจอย่างต่อเนื่อง สาเหตุที่โค้ชเรย่าใช้คำว่าบำบัดแทน คำว่ารักษา เพราะจริงๆ แล้ว โรคซึมเศร้านั้นเป็นโรคที่เกิดจากสภาวะ ความโกรธที่เรื้อรัง มาเป็นระยะเวลายาวนาน จนต่อมใต้สมองหลั่งสารสื่อประสาทเซโรโทนินผิดปกติคือต่ำเกินไป”
“เริ่มต้นด้วยเมื่อผู้ป่วยประสบปัญหาชีวิต และไม่สามารถหาวิธีที่ดีในแก้ไขได้ สมองจะสั่งให้ร่างกายหนี เมื่อคนเราหนีจากความจริง จิตใจจะต่อต้านทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิต ปิดกั้นการรับรู้ นานเข้าสภาวะของโรคซึมเศร้าจึงเกิดขึ้น ซึ่งวิธีทางการแพทย์ จะใช้ยาควบคุมสารสื่อประสาทนั้นใช้ได้แต่จะเหมาะกับระยะวิกฤตเพราะออกฤทธิ์ทางระบบประสาทรวดเร็ว ดีสำหรับระยะคับขัน”
“แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น คือการที่ผู้ป่วยได้รับการดูแลจากครอบครัวและเพื่อนด้วยความใส่ใจรักและให้ความเข้าใจ ว่าผู้ป่วยกำลังเผชิญกับสภาวะซึมเศร้า ความคิด จิตใจ ถูกควบคุมโดยสารเคมีในสมองที่หลั่งผิดปกติ ทำให้ระบบการใช้สติและตรรกะในการแก้ปัญหาถูกทำลาย”
“ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุด เมื่อเกิดสภาวะของโรคซึมเศร้าเกิดขึ้น ครอบครัวควรพา ผู้ป่วยเข้ารับการบำบัดจิตใจในเชิงการบำบัดจิตใต้สำนึก (ต่อมใต้สมองและปรับคลื่นความถี่ของสมองให้เป็นระเบียบ) กระบวนการคือเริ่มจากค้นหาอารมณ์ลบที่สะสมเอาไว้ ผ่านกระบวนการวิเคราะห์ปัญหาแบบใหม่ เข้าใจและยอมรับต่อความจริงในเชิงบวก รวมถึงการฝึกสมาธิและการใช้คลื่นเสียงประเภท isonic beats เพื่อให้ต่อมใต้สมองหลั่งสารสื่อประสาทโดพามีนและเซโรโทนินได้ทันท่วงที เกิดการเยียวยาของเซลล์ร่างกายและระบบจักกระที่สัมพันธ์กับระบบต่อมไร้ท่อช่วยให้การหลั่งฮอร์โมนนั้นสมดุล”
“เพราะหากผู้ป่วยไม่ได้รับการบำบัดและเยียวยาจิตใจอย่างต่อเนื่อง ผู้ป่วยอาจใช้วิธีจบชีวิตลงด้วยการฆ่าตัวตาย เพราะทนสภาวะซึมเศร้านี้ไม่ไหว หนึ่งในห้าเสียชีวิตจากความคิดการฆ่าตัวตาย ต่างประเทศมีผลการวิจัยของการทดลองการรักษาโรคซึมเศร้า ผลปรากฏว่าวิธีรักษาเยียวยา โรคซึมเศร้า ที่ดีที่สุดนั้นคือ การทำ MCBT mindfulness cognitive behaviour therapy เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ยา ซึ่งการใช้ยาหลอกให้ผลเสมือนยาจริง”
“แต่การทำสมาธิบำบัด สามารถเยียวยาโรคซึมเศร้าได้ดีมากจนหายขาดได้ สำคัญที่สุดคือความเข้าใจจากครอบครัวและสังคม ผู้ป่วยไม่ได้อ่อนแอหรือสิ้นคิด แต่เนื่องจากการไม่เคยฝึกฝนจิตใจให้แข็งแรงมาก่อน (ฝึกสมาธิ) ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างสติปัญญา เพื่อสู้กับปัญหาทุกอย่างได้”
“ขอให้เคสนี้เป็นอุทาหรณ์แก่พวกเราคนพุทธ ว่าคุณโชคดีแค่ไหนที่มีโอกาสเรียนรู้การสร้างความแข็งแรงให้จิตใจ และการใช้ศักยภาพสมองในขณะที่ดีที่สุด เพื่อการแก้ปัญหาในชีวิตที่ถูกต้อง และพ้นทุกข์ ตามหลักของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งตอนนี้นักจิตวิทยาต่างชาติให้ความสนใจการทำสมาธิ แบบวิปัสสนากรรมฐาน เพื่อการดับทุกข์และเยียวยาสุขภาพ สำหรับคนไทยแล้ว ต้องให้ความรู้ความเข้าใจอย่างมาก มีของดีอยู่กับตัว ควรนำมาใช้ให้ถูกต้องค่ะ”
ซึ่งวิธีแก้ไขและสามารถปลดล็อกจากโรคซึมเศร้าได้ดีที่สุด “โค้ชเรย่า” ให้คำแนะนำเพิ่มเติมไว้ว่า 1. ฟังคลื่นเสียงปรับสาร เซโรโทนินให้สมดุล (ด่วน) 2. หาข้อดีของวิกฤตนี้ให้ได้ด่วนๆ และคิดบวกๆๆๆๆ 3. หาคุณค่าของตัวเอง ดียังไง ปรับตัวเองให้ดูดีกว่าเดิม สร้างแผนพัฒนาตัวเองระยะยาว 4. หาเพื่อนนั่งด้วย ออกไปหาเพื่อน ถ้าไม่มีแรงทำ ให้ส่งข้อความหาเพื่อน ว่าอยากฆ่าตัวตาย อย่าอาย เพื่อนจะได้รีบมาดูแลเรา 5. เลิกคิดวน ไม่มีคำตอบของทุกสิ่ง 6. วิ่งหานักจิตวิทยา นักจิตบำบัด หรือโค้ชรายบุคคล 7. คิดดีดี ใครบ้าง ที่รักคุณและจะเสียใจเศร้าโศกหลังจากที่คุณเสียชีวิต สำหรับนักบำบัดจิตมองว่าเรื่องเกิดจากกลไกของสมอง และต้องให้ความช่วยเหลือ อย่ามัวแต่กังวลโทษตัวเอง ไม่กล้าเล่าเรื่องราว อย่าคิดไปเอง ง่ายๆ แค่นี้รับรองว่าจะไม่เป็น 1ใน 5 ที่ฆ่าตัวเองสำเร็จแน่นอน