สังคมไทยเดินทางมาถึงจุดนี้แล้วจริงๆ
จุดที่อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ในโลกโซเชียล
หลายครั้งหลายคราที่เพียงแค่มีภาพ มีเรื่องราว ปรากฏอยู่ในสื่อออนไลน์ ก็กลายเป็นคนดังเพียงชั่วข้ามคืน บางทียังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าข่าวที่เกิด หรือภาพที่แชร์นั้น เป็นเรื่องจริง หรือแค่ล้อเล่น
ดาราหลายคนก็แจ้งเกิดจากการเป็นเนตไอดอล
เด็กปั๊มกลายเป็นดารา
สาวไซด์ไลน์กลายเป็นนางแบบ
เหล่านี้.....ล้วนแล้วแต่เกิดจากอิทธิพลแห่งสื่อ ที่เข้าถึง และครอบคลุมทุกพื้นที่ เพราะทุกวันนี้สมาร์ทโฟนเป็นเสมือนปัจจัยที่ 5 ที่ทุกคนต้องพกติดตัว บางคนพก 2 เครื่องด้วยซ้ำ
อย่างล่าสุดที่ถูกแชร์กันกระหึ่มโลกออนไลน์ ก็คือภาพ 3 สาวพี่น้องหน้าตาดี โดยคนกลางนั่งอุ้มทารกน้อยอยู่ในบ้านมุงสังกะสี พร้อมแคปชั่นระบุ ว่า
"3 พี่น้องเดือดร้อนหนัก บ้านทรุดโทรม น้องคนเล็กถูกสามีทิ้ง พร้อมลูก 1 ต้องการคนอุปการะ วอนสังคมช่วย"
โดยต้นตอของภาพมานั้น ถูกโพสต์ลงในเพจ “สุพรรณบ้านเรา” โดยผู้ใช้เฟชบุ๊กที่ใช้ชื่อ “เอก ประทุมรัตน์” ก่อนจะขยายวงกว้างไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งนอกจากจะแชร์กันในเฟซบุ๊กแล้ว แม้แต่ในโปรแกรมแชทไลน์กลุ่ม ก็มีการนำภาพนี้มาส่งต่อ พร้อมทั้งข้อความของบรรดาหนุ่มๆ ที่ขันอาสาจะเป็นดูเข้าไปบรรเทาความเดือดร้อนกันถ้วนหน้า
แต่สุดท้ายเรื่องกลับโอละพ่อ.....
เมื่อเจ้าของเฟซบุ๊ก Pinijklang Patcharin ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกอ้างอิงในภาพนั้น ออกมาชี้แจงว่า เรื่องที่ถูกแชร์นั้นไม่เป็นความจริง เป็นเพียงการกลั่นแกล้งของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ซึ่งเรื่องจริงก็คือ พวกเธอไปทำบุญช่วยเหลือเด็ก ที่ชื่อ “น้องเจมส์” ซึ่งหลังจากที่คลอดออกมาได้เพียง 5 วัน ก็ถูกแม่แท้ๆ ทิ้งไปอยู่กับแฟนใหม่ แต่กลับถูกนำภาพมาปั้นเป็นเรื่องราว แล้วก็นำมาส่งต่อ จนเกิดเป็นกระแสลุกลามใหญ่โต
ดีที่ว่าคนที่นำภาพนี้มาลง อาจจะเป็นแค่ต้องการกระเซ้าเย้าแหย่ ไม่ใช่เป็นการแอบอ้างเพื่อรับเงินบริจาคช่วยเหลือ 3 สาวพี่น้อง ไม่เช่นนั้นอาจจะกลายเป็นความผิดฐานฉ้อโกง เพราะคงเดาได้ว่าไม่น่าจะมีคนคิดว่าเป็นเรื่องจริงอยู่แล้ว
แต่พอกลายเป็นกระแสโด่งดัง เจ้าของเฟซบุ๊ก Pinijklang Patcharin ก็เลยถือโอกาสออกมาโพสต์เชิญชวนให้คนมาร่วมกันทำบุญช่วยเหลือน้องเจมส์ เด็กที่ปรากฏในภาพ โดยระบุว่า
"ต้นตออยู่นี่นะ ไปทำบุญกันมา ไหนๆ แชร์รูปกันไปเยอะ น้องเจมส์ ยังต้องการนม กับแพมเพิสอีกเยอะนะคะ ใครสนใจร่วมบริจาค ตามที่อยู่ใต้รูปที่แชร์เลยค่ะ #ทำบุญกันดีกว่า #จะเสพอะไรก็ใช้วิจารณญาณกันหน่อยนะคะ"
โดยเจ้าของเฟซบุ๊ก ยังเปิดเผยเพิ่มเติมว่า น้องเจมส์ มีชีวิตน่าสงสารมาก อาศัยอยู่กับตาและยายซึ่งเป็นชาวมอญ พูดไทยไม่ได้ หลังจากที่ถูกแม่แท้ๆ ทิ้งไป และสำหรับสิ่งที่อยากจะวอนให้คนมาร่วมบริจาคก็คือนม , แพมเพิสไซส์เล็กและใหญ่ (เผื่อโต) และเงินจำนวนหนึ่ง สำหรับเป็นค่ารักษาพยาบาล ผู้มีจิตศรัทธา สามารถส่งได้ตามที่อยู่ จิตติมา นามหาสุข หมู่บ้านอิ่มอัมพร 2 20/147 แขวงบางเชือกหนัง เขตตลิ่งชัน กรุงเทพ 10170
และเมื่อลองเข้าไปส่องที่เฟซบุ๊กดังกล่าว ก็พบว่าเจ้าตัวระบุอาชีพว่า freelance (Pretty,MC,Model) มียอดผู้ติดตามสูงถึง 44,338 คน ขณะที่ในอินสตาแกรม pynk.prp ของคนเดียวกัน พบว่ามีการโพสต์รูปไปแล้ว 221 โพสต์ มียอดผู้ติดตาม 12.1 พันคน และกำลังติดตาม 914 คน
สื่อโซเชียลก็เหมือนดาบสองคม ถ้าใช้ในทางผิดก็จะเกิดโทษ แต่ถ้าใช้ในการที่ถูกที่ควร ก็ถือว่าเป็นคุณ อย่างในกรณีนี้ ถือว่าเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ เพราะเป็นการใช้ดาบทั้งสองคมในเหตุการณ์เดียวกัน จากแรกเริ่มที่นำสื่อมาเครื่องมือในการสร้างเรื่องสนุกสนาน อาจจะด้วยความคึกคะนอง หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ (อย่างที่คนชอบนำมาอ้าง) โชคดีที่เรื่องไม่บานปลายใหญ่โต แต่กลับพลิกด้านกลับมาสร้างประโยชน์อย่างใหญ่หลวง หากจะสามารถนำไปสู่หนทางที่ผู้มีจิตศรัทธาจะนำเงินหรือสิ่งของไปบริจาคช่วยเหลือเด็กตามเจตจำนงของเจ้าของเฟซบุ๊ก Pinijklang Patcharin
และเผลอๆ เจ้าของเฟซบุ๊กเอง ก็อาจจะได้อานิสงส์ในเรื่องหน้าที่การงาน อาจจะได้เข้าวงการในไม่ช้า เพราะเชื่อว่าน่าจะต้องมีคนโหนกระแสรีบคว้าตัวไปร่วมงานด้วยแน่นอน แต่เคสนี้ถือว่าเป็นคนคิดดี ทำดี ถ้าจะได้ดีด้วยก็ ต้องอนุโมทนา สาธุ
ที่มา นิตยสาร ผู้จัดการ 360 องศา สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 354 27 สิงหาคม-2 กันยายน 2559
