“จั๊กกะบุ๋ม” สุดทน “ศร ศรศักดิ์” ประจาน - เหยียบย่ำศักดิ์ศรีแม่ งัดคลิปเสียงแฉเมียเสี้ยม บอกศรเคยฆ่า ตร. แถมข้อความไลน์กว่า 3 พันแผ่น แฉจัดหนัก เดินหน้าฟ้องกลับ 3 ข้อหา แขวะใครเกาะกระแสใคร ตนไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องกราบเท้า ลั่นเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับองค์กร สมาคมตลกไม่ต้องเข้ามายุ่ง ด้าน “ศร - เมีย” บุกมาวีนก่อนแถลง แต่อยู่ไม่ทันจบชิ่งกลับไปก่อน ส่วน “ออม” คู่กรณีเก่าโผล่ทวงหนี้
เรียกว่าชุลมุนที่สุด สำหรับกรณีที่ “ศร ศรศักดิ์ สวนแก้ว” อดีตนักร้องดังสังกัดอาร์เอสฯ เจ้าของเพลงเพลง “อิจฉา” ออกมาแฉตลกดัง “จั๊กกะบุ๋ม” หรือ “ยอดอยุธ ทรงกฤต” เผยถูกข่มขู่ทำร้ายร่างกาย ท้าต่อยกันมั้ยจะได้จบ ชาตินี้ไม่ขอเผาผี ล่าสุดตลกดังได้นัดสื่อมวลชนขอเคลียร์ทุกประเด็น ณ ร้านลาภฅนยโสธร ตลาดคลองถม 2 - คอลั่ม ท่าข้าม ถ.พระราม 2 ซึ่งก่อนจะถึงเวลาแถลงไม่นาน ศรกับเมียได้บุกมาวีนแตก ซัดให้เอาหลักฐานออกมา แถมยังพา “ออม” เจ้าหนี้คู่กรณีมาด้วย ด้าน จั๊กกะบุ๋ม ได้เปิดใจว่า
“ก่อนอื่นสวัสดีพี่น้องสื่อมวลชนทุกท่านนะครับผม และพี่น้องประชาชนชาวไทยที่ติดตาม ดูเหตุการณ์เรื่องราวข่าวกระผม จั๊กกะบุ๋ม เชิญยิ้ม เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กรณีมีข้อพิพาท มีคลิปที่ผมแสดงกิริยามารยาทไม่สุภาพออกไป ก่อนอื่นต้องขออภัยด้วย ที่แสดงกิริยาไม่สุภาพ หรือใช้คำพูดที่ไม่สุภาพแบบนั้นออกไป ผมก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ”
“แต่ว่าสาเหตุที่ผมต้องทำแบบนั้น เนื่องจากว่าผมถูกกดดัน ทำให้ผมรู้สึกว่าผมควรจะออกมาทำอะไรสักอย่างหนึ่งเพื่อปกป้องคนที่เป็นแม่ของผม เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้น แม่ของผมได้ถูกเหยียดหยาม ดูถูก และใช้คำพูดที่ไม่สุภาพ แล้วเอาอดีตต่าง ๆ นานา ที่แม่ผมประสบพบเจอมา เอามาประจานในโซเชียล ผมก็มีความรู้สึกว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องระหว่างเราสองคน แต่คุณพาดพิงถึงบุคคลที่สาม แล้วบุคคลที่สามที่คุณพาดพิงคือแม่ของผม หวังว่าคงไม่ผิดนะครับ ที่ผมออกมาปกป้องบุพการีของผม ในขณะที่บุพการีของผมถูกรังแก”
“มันเป็นเรื่องที่หลังชนฝาครับ ผมต้องทำครับ และสิ่งที่ผมทำไม่ได้ออกมาจากจิตใต้สำนึก หรือกมลสันดาน หรือความเป็นสลัม หรือตลกชั้นต่ำของผม ถึงแม้ผมจะเรียนมาน้อย แต่ผมก็ได้รับการปลูกฝังมาดีที่จะไม่ดูถูกใครก่อน หรือยกหยิบเอาประวัติจากความผิดพลาดของคนอื่นมาเหยียบย่ำก่อน ครอบครัวผมไม่เคยสอนให้ผมทำแบบนั้นครับ”
“แต่วันนี้ด้วยสิ่งที่เราเจอ และสิ่งที่เกิดขึ้น มันเกิดมาจากสิ่งที่เขาเหยียดหยาม และทำให้เรารู้สึกว่าเราทนไม่ไหวแล้ว และต้องออกมาพูด ก็หวังว่าทุกคนจะเข้าใจผมนะครับ แล้วก็ต้องขอประทานอภัยด้วยที่ผมใช้วาจาไม่สุภาพ”
รับขอนักร้องดังตามไปทำงานที่สวิตเซอร์แลนด์ด้วย วาดฝันจะต้องได้เงินมาเปลื้องหนี้ เหตุธุรกิจเจ๊ง แต่ทุกอย่างผิดพลาดหมด
“ก็ขอพูดเรื่องเกี่ยวกับเรื่องที่ยืดเยื้อมานาน เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสเดินทางไปสวิตเซอร์แลนด์ โดยรู้จักกับนักร้องท่านหนึ่ง สนิทสนมกันพอสมควรในขณะนั้น ก็มีการพูดคุยในขณะที่นักร้องคนนี้ไปเล่นคอนเสิร์ตที่ร้านผม ตอนนั้นผมทำร้านกาแฟอยู่ที่หัวหิน ผมได้นั่งพูดคุยกับนักร้องท่านนี้ และได้ทราบข่าวว่าเขากำลังจะไปโชว์ตัว หรือทำการแสดงที่สวิตเซอร์แลนด์”
“เราก็มีการพูดคุย เราก็ขอ อันนี้ยอมรับว่าผมขอเขาไปทำการแสดง โดยเป็นการพูดคุยกันฉันพี่น้อง พูดคุยในลักษณะเพื่อนฝูงที่คุยกัน ผมก็สอบถามเขาว่าพี่ลองสอบถามเจ้าภาพที่สวิตเซอร์แลนด์หน่อย ถ้าผมไปด้วยเขาจะโอเคมั้ย ก็มีการพูดคุยกัน หลังจากนั้นสองสามวันก็ให้คำตอบว่าเจ้าภาพโอเคยินดีให้ผมร่วมเดินทางไปด้วย ผมก็บอกว่าขอบคุณมากครับผม”
“ผมต้องเดินทางไปสวิตเซอร์แลนด์ เพราะผมต้องการเงินสักก้อนหนึ่ง เนื่องจากร้านผมประสบปัญหาขาดทุนมาตลอดระยะเวลา 7 เดือน ผมต้องแบกรับภาระหนี้สิน ที่ผมทำอยู่ อ.หัวหิน จะขอแจงให้ทราบ ผมทำร้านกาแฟ 1 ร้าน ร้านสเต็ก 1 ร้าน เพราะฉะนั้นรายจ่ายที่ผมต้องจ่ายในแต่ละเดือนมันจะมีมาก และสูง ในแต่ละเดือนผมต้องกำเงินสด ๆ ถึง 4 แสนบาท เพื่อเป็นเงินซัปพอร์ตร้าน นี่เป็นเงินสด ๆ ที่ผมต้องใช้จริง”
“มันเลยเป็นที่มาของเรื่องราวที่ผมต้องไปกู้หนี้ยืมสิน 4 แสนบาทจริงเหรอ ขอแจงให้ทราบก่อนนะครับ ตึกสองตึกที่เช่า ตึกละ 33,000 บาท สองตึกก็ 66,000 บาท รวมค่าน้ำค่าไฟประมาณ 1 แสนบาท อย่างที่ 2 เงินเดือนพนักงานร้านผมมีพนักงาน 10 คน คนละหมื่นกว่าบาท ตัดยอดกลม ๆ เลยแสนหนึ่ง สองแสนแล้ว แสนที่สาม เป็นค่าวัตถุดิบ อย่างที่บอกผมทำร้านกาแฟและร้านสเต็ก ฉะนั้น ค่าวัตถุดิบตัดยอดกลม ๆ ให้เป็นหนึ่งแสน รวมกันเป็นสามแสน รวมค่าใช้จ่ายส่วนตัว ผ่อนรถ 2 คัน ผ่อนบ้าน 1 หลัง มีลูกต้องเลี้ยงดู แม่ และครอบครัวกินใช้ในชีวิตประจำวัน เบ็ดเสร็จแล้ว 4 แสนบาท เป็นเงินที่ผมต้องใช้จริงในแต่ละเดือน มันเลยเป็นที่มาทำให้ผมชักหน้าไม่ถึงหลัง”
“มันเลยเป็นชนวนเหตุที่ทำให้ผมไปกู้หนี้และยืมสินบรรดาเพื่อนฝูงรอบ ๆ ตัวผม ผมเลยได้โอกาสไปโชว์ที่สวิตเซอร์แลนด์ ตั้งใจว่าผมจะได้เงินมาสักก้อนหนึ่งเพื่อใช้หนี้ปลดหนี้ และก่อนเดินทางไปต่างประเทศ ได้มีการ โทร.และบอกเจ้าหนี้คนที่ผมยืมเงินทุกคนว่าเดี๋ยวรอผมกลับจากสวิตเซอร์แลนด์ ผมไปประมาณ 15 วัน แล้วทุก ๆ คนจะได้ตังค์ ผมจะกลับมาใช้หนี้ ความตั้งใจผมเป็นอย่างนั้น เพราะผมต้องไปทำงาน 13 วัน ผมคิดมั่นใจมากผมมีตังค์แน่นอน มีเงินกลับมาใช้หนี้แน่นอน”
“แต่สิ่งที่ผมหวังไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่ผมคิด ผมไปถึงสวิตเซอร์แลนด์ ค่าเครื่องบินผมออกเองนะครับ ค่าใช้จ่ายทั้งหมด ผมออกเองนะครับ ผมบินตามไปทีหลังคนเดียวหลังจากผมทำงานเสร็จ ไปถึงผมทำงานจริงอยู่ 6 วัน โดยได้ค่าตอบแทน เป็น 15,000 บาท ผมว่างงาน ไม่มีงานทำอยู่ 7 วัน หมายความว่า สิ่งที่ผมตั้งใจไม่ได้เป็นเหมือนที่ผมคิดแล้ว”
บอกโชคดีได้รับความเมตตาจากผู้ใหญ่ที่น่ารักคนหนึ่ง ส่วนตนขออนุญาต “ศร” แล้ว
“แต่ยังดีที่ผมโชคดีมาก โชคดีที่สุดที่ได้รับความเมตตาจากคนไทยที่นั่น มีการไลน์พูดคุยกัน เป็นพี่สาวที่น่ารักท่านหนึ่ง ได้มีการคุยกัน เขาก็ถามว่าผมไปโชว์ที่ไหนเขาจะตามไปดู ผมก็บอกว่าไม่ได้โชว์พี่ วันนี้ว่างงานและว่างอีกหลายวัน เขาบอกว่าว่างเหรอ ว่างกี่วัน ก็บอกว่าว่างยาวเลย จะไปโชว์อีกทีวันที่ 19”
“เท่ากับผมนอนเน่าอยู่ในห้องหลายวันมาก พี่สาวคนนี้เขาเลยชักชวนและแนะนำผมว่า ถ้าเขาหางานให้ไปเล่น เราจะมีปัญหากับคนที่พามามั้ย ผมบอกว่าไม่น่าจะมีนะ เพราะในขณะที่พี่ โทร. มา ผมก็นั่งอยู่กับเขา และก็ปรึกษาเขาตลอดว่าถ้ามีคนหางานให้ผมเล่น พี่โอเคมั้ย ผมขออนุญาตก่อน มีการขออนุญาตถูกต้อง และพาคนที่จัดงานไปนั่งคุยกับพี่สาวคนนี้ แล้วพี่สาวคนนี้ได้ขออนุญาตอย่างถูกต้อง เพื่อพาไปทำงาน เขาสงสาร เขาเห็นว่าผมไม่มีงาน และเห็นว่าผมไม่มีเงิน เลยหางานให้ผมทำ”
“เป็นความเมตตาของคนไทยที่อยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ อันนี้ผมซาบซึ้งมาก ขณะเดียวกัน ผมได้ทำงาน สิ่งที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวผม หรือครอบครัว ระหว่างที่ผมอยู่สวิตเซอร์แลนด์ มันได้มีการติดตามเฟซบุ๊กของพี่นักร้องท่านหนึ่งที่ผมไปทำงานกับเขา ผมเห็นเขาโพสต์เฟซแปลก ๆ ผมก็ไม่สบายใจ”
“ผมก็มีความไม่สบายใจ มันคือผม พามาต่างแดนแล้วมาเนรคุณ มันใครอ่ะ มันผม ผมเลยปรึกษากับพี่ ๆ ที่อยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ว่าพี่เขาเป็นอะไร เขาโกรธผมเรื่องอะไร แต่ด้วยความที่ผมได้รับการปรึกษาที่ดี เขาบอกว่าไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องรู้ว่าเขาโกรธเรื่องอะไร แต่ถ้าเขากลับมาเราก็เข้าไปขอโทษเขา อาจทำกิริยาไม่งามหรือไม่ถูกใจเขา เราเป็นเด็กเข้าไปขอโทษเขา จะถูกจะผิดเข้าไปขอโทษเขา ผมทำครับ ผมรอจนพี่คนนั้นกลับมา ก่อนหน้านี้ ผมได้นอนคนละบ้านกับเขาแล้วนะครับ พี่อีกคนที่พาผมไปทำงานเขาพาไปนอนอีกบ้าน พอผมรู้ว่าเขากลับมา ผมก็ไปหาที่บ้าน ที่อพาร์ตเมนต์ ที่สวิตเซอร์แลนด์ ผมก็ขึ้นไปสวัสดี ถ้าสิ่งไหนที่ผมทำให้พี่ไม่สบายใจ หรือโกรธ ไม่พอใจในความเป็นเด็กของผม ผมขอโทษพี่นะครับ ผมไม่ได้มีเจตนาหรืออะไรที่ผมผิดพลาดไปผมขออภัยแล้วกันครับพี่”
“นี่คือสิ่งที่ผู้ใหญ่ได้แนะนำผม และผมยินดีที่จะทำ หลังจากที่ขอโทษขอโพยเรียบร้อย คล้อยหลังไม่เกิน 5 นาที ผมลงลิฟต์และกำลังจะกลับที่พักก็ได้มีโพสต์นี้เกิดขึ้น (โชว์ข้อความ) ตามหลังผมไม่ถึง 5 นาที ไม่รู้ขอโทษเพราะจวนตัวหรือเจอตอ แต่บอกเลยยินดีให้อภัย หากพร้อมกลับตัว และหวังว่า อย่าไปทำกับใคร อย่าเอาคำว่าหัวใจหรือวาทศิลป์หรือคำพูดหรือจิตใจมาเล่นตลกแบบนี้อีก สำหรับพี่คงเข็ด ต่อไปดูคนจะดูให้ลึก ๆ มากกว่าคำว่าจริงใจ หรือหากไม่มีเลย สะกดไม่ถูก ก็ลองหัดดู ไม่ยากหรอก ถ้ามีศาสนา สำนึกบ้าง พี่พร้อมให้อภัย สั้น ๆ พี่มีนิสัยแมนพอ ไม่ต้องยืมลมหายใจใครก็อยู่ได้สบาย สำหรับพี่โอเค จบ ต่างคนต่างอยู่ นี่แหละครับ”
ยันไม่โกรธแค่ไม่เข้าใจ จะโพสต์ให้ตัวเองดูดีเพื่อ!!!
“สิ่งที่คุณรับคำขอโทษจากผม แล้วคุณก็โพสต์ เพื่อ! ให้ตัวเองดูดีเพื่ออะไรครับ ผมไม่โกรธครับ แต่ผมไม่เข้าใจ ผมไม่เข้าใจว่าทำไม แต่ก็ได้เก็บความสงสัยไว้ในใจตลอด แล้วผมก็ทำงานครับ”
งงบ้านเกือบแตก ถูกด่าขายตัว มั่วหญิง อยากพิสูจน์ตัวเองให้เมียอัดเสียงเอาไว้เปรียบเทียบว่าตนทำจริงหรือเปล่า
“สิ่งที่เกิดขึ้นเรื่องที่สอง ก็คือ ครอบครัวผมเปลี่ยนไปครับ จากปกติที่ไลน์คุยกันตลอด หายไป 3 วัน ผมก็ร้อนรนมาก ผมก็จินตนาการต่าง ๆ นานา ว่ามันเกิดอะไรกับผมอีกในรอบที่ 2 จนติดต่อครอบครัวผมได้ แต่สิ่งที่ผมได้รับ ผมได้รับคำด่าทอต่าง ๆ นานา จากคนในครอบครัวของผม ว่า ผมขายตัว ผมมั่วผู้หญิง ผมสำมะเลเทเมา ไม่ยอมกลับบ้านช่อง แต่ยังโชคดีนะครับที่ผมมีโอกาสเปิดใจคุยกับคนในครอบครัว และได้พิสูจน์ตัวเองโดยการวิดีโอคอลในขณะที่ผมอยู่สวิตเซอร์แลนด์ ว่าตอนนี้ผมอยู่ไหน และทำอะไรอยู่ แต่สิ่งที่ครอบครัวผมได้รับ ในขณะที่ผมกำลังวิดีโอคอลอยู่ โทรศัพท์ด้านซ้ายดังขึ้นครับ มันไปนอนกับผู้หญิงแล้วคงไม่กลับมาเมืองไทยแล้ว มันมีที่เกาะแล้ว มันไปอยู่กับคนหนองคายแล้ว มันสบายแล้ว ทิ้งมันไป อย่าไปสนใจ ลืมมันไปเถอะ”
“ครอบครัวผมบอกแบบนี้ ผมเลยสอบถามว่าเขาได้ข้อมูลอะไรมา ก็เลยปรึกษากันครับแล้วก็วัดใจ บอกเขาว่าถ้าคุณเชื่อใจผมคุณลองอัดคลิปเสียงเปรียบเทียบกับสิ่งที่ผมเป็นอยู่ ผมเชื่อว่าคุณเชื่อ เพราะในขณะนั้นคุณอยู่ในภาวะที่ไม่มีใคร ทำให้คุณกับผมเลิกกัน ใครใส่ข้อมูลอะไรคุณเชื่อแน่นอน ผมมั่นใจ แต่ ณ ขณะนี้ผมอยากพิสูจน์ตัวเองว่าผมไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด คุณลองอัดเสียงแล้วเอามาเปรียบเทียบว่าผมทำจริงหรือเปล่า มันเลยเป็นที่มาคลิปเสียงคลิปนี้ ฟังครับ อาจจะนานหน่อยนะครับ”
(เปิดคลิปเสียงการสนทนาระหว่างภรรยาตน และภรรยาศร บอกชื่อเสียงไม่ดี วงการบันเทิงถึงกัน มันละเอียดอ่อนเยอะ ไม่ใช่ไปทำงานแล้วจบ อีกฝ่ายยอมรับเป็นคนบอกเรื่องที่สวิส ให้ บอล เชิญยิ้ม รู้ ชี้บอลรู้โลกรู้ ตามธรรมชาติมนุษย์ ตอนนี้เรื่องกระจายไปทั่วคณะตลกว่าจั๊กกะบุ๋มไปทำงานกับเขาแล้วเนรคุณ ไปกับเขา ไปเที่ยว ไปนินทา เพราะให้พีอาร์กระจายข่าวจั๊กกะบุ๋มตามสื่อต่า งๆ ว่า ไปนอนกับผู้หญิง ไปตามช่องวัน ในอดีตศรเคยหิ้วคนมาแล้วพ่อเป็นตำรวจ หิ้วไปปล่อยเขาใหญ่ แก้ผ้ากลางเขาใหญ่ ไม่ได้ฆ่าให้ตายแต่กลับมาก็ไม่เหมือนเดิม ไม่กล้าอีกเลย กลายเป็นคนสงบเสงี่ยมเจียมตัว แกหิ้วหลายคนแล้ว ไม่ได้เอาไปนั่งยาง เอาไปดีดไข่ที่เขาใหญ่ หลังจากลงมาก็ไม่เคยมีเรื่อง เป็นคนดี แกเคยฆ่าคนตายมาแล้วนะขึ้นหนังสือพิมพ์หน้า 1 ฆ่า ตร.ด้วยมือเปล่า ได้ฉายาศรข้าวมันไก่ เคยฆ่าตำรวจ แกรมมี่ช่วยเลยไม่โดนติดคุก ทำให้เป็นเยาวชนให้ รวมทั้งช่วยปลอมอายุให้)
ลั่นตนมีปัญหากับเมีย แต่อีกฝ่ายกลับมายุให้ตีกัน อยากให้ครอบครัวแตกแยก
“ประเด็นคือมันเป็นการทะเลาะกันระหว่างผมกับครอบครัว ระหว่างไปสวิตเซอร์แลนด์ แต่แทนที่เขาจะมาปลอบอารมณ์ให้กำลังใจ กลับให้ข้อมูลผิด ๆ ไปแล้วก็ยุยงทุกอย่างให้ผมและครอบครัวแตกแยกกัน โดยการไปบอกว่าผมไปนอนกับผู้หญิงโน่นนี่นั่น ส่งต่าง ๆ นานา ผมมีเอกสารทุกอย่าง เป็นการล้างสมอง โฆษณาชวนเชื่อให้แฟนเชื่อว่าผมเป็นแบบนั้นจริง ๆ แต่เดชะบุญครับ วาสนาผมยังมีอยู่ แล้วแฟนผมได้อัดคลิปนี้แล้วเอามาเปรียบเทียบกับสิ่งที่ผมทำ มันไม่ตรงกับที่เขาพูด มันเลยทำให้ไม่สำเร็จ”
ซัด “ศร” ทำตัวเป็นมาเฟียเกินไป ตนถูกขู่อุ้มฆ่า ทั้งที่ไม่ได้ติดหนี้อีกฝ่ายสักบาท
“เขาทำให้ครอบครัวผมพังไม่สำเร็จ แต่ขณะนั้นเขายังไม่รู้นะครับว่าผมกับครอบครัวผมคืนดีกันแล้ว เขาก็พยายามทวงเงิน เพราะตอนนั้นผมทำธุรกิจที่หัวหิน ผมมีหนี้สินที่ต้องจ่ายผมทิ้งแฟนไว้ที่หัวหิน ก็เหมือนทิ้งภาระไว้ให้เขา เขาก็พยายามทวงเงิน แต่เขาไม่ได้ทวงแบบคนธรรมดาเขาทวงกัน เขาแบบมึงอยู่ที่ไหน กูจะอุ้มมึง กูจะฆ่ามึงให้ตาย ผมมีความรู้สึกว่ามันเลวร้ายขนาดนั้นเชียวเหรอ แค่เรื่องครอบครัวคนธรรมดา เข้าใจว่าพี่เป็นคนกลางแต่ไม่ได้หมายความว่าพี่จะมารุนแรงกับผม คุยกับผมให้ผมไปเคลียร์ก็ได้ ผมมีเอกสารหมด ที่พี่จะอุ้มผม คลิปเสียงที่จะฆ่าผมให้ตายก็มี”
“ผมไม่ได้ติดเงินพี่ศรนะครับ ช่วยตอบผมหน่อยว่าเขามาทวงตังค์คนอื่นเพื่ออะไร ผมไม่ได้ติดเขา ผมไม่ได้ทำอะไรกับเขา ไม่ได้เป็นอะไรกับเขา ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาเลย เขาอาสาทวงให้ แต่รูปแบบการทวงเขามันรุนแรงเกินไป มาเฟียเกินไป จะอุ้มฆ่าผม แล้วเที่ยวโพทะนาต่างๆ นานา เพราะได้รับข้อมูลจากภรรยาผม ซึ่ง ณ ขณะนั้นภรรยาผมกำลังเสียใจมาก เขาก็เลยให้ข้อมูลด้วยความไว้ใจว่าผมติดหนี้ใครบ้าง เป็นหนี้ที่ไหนบ้าง ทะเลาะใครบ้าง เลยเป็นที่มาของการขุดคุ้ยทุกอย่างทุกเรื่องในขณะนี้ว่าผมไปกู้หนี้ยืมสินคนนี้มา ผมมีคดีที่นี่ ผมทำร้านกาแฟเจ๊ง ผมโดนที่นี่ฟ้อง ผมโดนที่นั่นฟ้อง แต่เรื่องราวทั้งหมดไม่ได้เกี่ยวกับเขาเลย”
“ผมมีหลักฐานที่ผมรู้สึกว่าเขาคุกคามข่มขู่ผม โดยการโพสต์ในเฟซบุ๊กตัวเอง ตอนนี้เขาลบไปแล้ว เขาจะพูดให้ตัวเองดูดีสองสามวันแล้วลบ พยายามปั่นกระแสให้คนอื่นกลัวเขาว่าเขาโหดร้ายจริงๆ เขาเป็นกระบวนมาเฟียซึ่งยิ่งใหญ่มากในประเทศไทย (อ่านข้อความให้ฟัง) รู้ซอย รู้บ้าน รู้พิกัดผม ผมถูกคุกคามตั้งแต่เดือน มิ.ย.- ก.ค. ผมไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อนนะครับ แต่ผมไม่พูด”
บอกก่อนหน้าไปเมืองนอกแทบจะจูบปากกัน แต่หลังตนคืนดีภรรยา กลับไม่ยอมรับความจริง เลวร้ายสุดเอาตนไปโพสต์ด่ากล่าวหามีคดีล่วงละเมิดทางเพศ
“ผมไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเขาก่อนไปสวิตเซอร์แลนด์ แทบจะจูบปากกัน เขาไม่ยอมรับความจริง เมื่อเขารู้ว่าผมกับภรรยาคืนดีกันแล้ว ผมมีรายชื่อลูกหนี้ทุกคนที่ผมเป็นคนส่งให้เองกับมือผม ผมมีรายชื่อที่ผมติดเงินอยู่ ผมเป็นคนส่งให้เขา ว่าผมตั้งใจทำงานใช้เงินพวกนี้ มีเพื่อนหลายคน หลังจากได้รายชื่อไป เขาก็โทรศัพท์หาคนพวกนี้ อาสาทวงหนี้ให้ โดยมีเอกสารที่เขาโพสต์แต่ตอนนี้ลบไปแล้วว่าเขาทำบริษัทรับจ้างทวงหนี้ทั่วราชอาณาจักร ซึ่งผิดพรบ.คอมพิวเตอร์ในการทวงหนี้นะครับ ก็เป็นหนึ่งในกระบวนการที่ผมจะส่งฟ้องต่อไป”
“ผมไม่ได้ไว้ใจ ผมเปิดใจ ผมตั้งใจทำงาน แต่เอาข้อมูลหนี้ผมมาประจานผม ผมไม่ทราบว่าเขาทำเพื่ออะไร ผมก็ตอบโต้ด้วยการนิ่ง ไม่อยากต่อล้อต่อเถียง จนผมทนไม่ได้ ล่าสุด ที่ผ่านมา 17 ส.ค. ผมไปขึ้นศาลที่หัวหิน ก่อนผมขึ้นศาลที่หัวหิน มีโพสต์ว่าผมมีคดีล่วงละเมิดทางเพศ ข่มขืนกระทำชำเรา เป็นคดียิ่งใหญ่มาก แต่สิ่งที่เขาทำไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะอยู่ในคดีความไม่สามารถให้คนอื่นเอามาเผยแพร่อยู่ในกระบวนการโซเชียลได้”
“เขาไม่จบจนวันกลับมาเขาก็ไม่จบ ยิ่งรู้ว่าผมกับภรรยาคืนดีกัน เช้ามาภรรยาผมเป็นกะหรี่เลยครับ (เอาโพสต์ที่อีกฝ่ายด่าให้ฟัง) ก็เพื่ออะไร อยากให้ฟังคลิปครับ มันจะบอกเรื่องราวทั้งหมด เดี๋ยวจะขมวดจบเลยครับ”
(เปิดคลิปเสียงที่คุยกับศร ต่อว่ามาขุดคุ้ยตนทำไม ตนติดหนี้อีกฝ่ายสักบาทมั้ย จะทำลายกันทำไม นักร้องดังบอกว่ามีคนส่งข้อความมาให้ โดยตลกยันเรื่องที่พูดกับเมีย เป็นแค่เรื่องที่คุยกันปกติผัวเมีย เป็นเรื่องในครอบครัว ก่อนศรจะบอกว่าให้โพสต์เฟซกราบขออภัยที่เสือกพาดพิงชื่อ แล้วตนจะจบให้ ซึ่งจั๊กกะบุ๋มบอกว่าตนแค่คุยกับภรรยา ไม่ได้เอาเรื่องอีกฝ่ายไปนินทา)
“เขาข่มขู่ พาดพิงว่าแม่เคยติดคุกคดียาเสพติด ผมผิดมั้ยที่ออกมาปกป้องแม่ รู้เหรอว่าแม่ติดคุกเรื่องอะไร รู้เหรอว่าแม่เจ็บช้ำน้ำใจจากการถูกยัดข้อหา ติดคุก 2 ปี เขาช้ำขนาดไหน”
“การที่ผมออกมาปกป้องบุพการีใช้คำไม่สุภาพ ผมกราบขออภัย ถ้าคุณทำเพื่อโปรโมตอะไรหรือเปล่า อย่าทำเลย เขาบอกผมมาเกาะเขาดัง ผมเองมีงานมาตลอดนะ ทำงานมาตลอด 11 ปี แต่เขามีอะไร เขาหายจากจอทีวีมานานมาก ใครเกาะกระแสใครกันแน่ ดำเนินกานทางกฎหมายแน่นอน เอกสารมีมากกว่า 3,000 แผ่น จะเข้าสู่กระบวนการกฎหมาย จะฟ้องหมด พ.ร.บ.คอมฯ หมิ่นประมาท ขู่กรรโชก ข่มขู่คุกคาม ไม่ต้องแจ้งความแล้ว เข้าฟ้องศาลเลย”
“ฝ่ายโน้นบอกให้กราบเท้าขอขมา ผมถามหน่อย ผมผิดอะไร ถ้าผมผิดจริงผมพร้อมกราบต่อหน้านักข่าวเลยไปเคลียร์กันที่ศาลเลย พูดไปก็เป็นการกล่าวโทษพาดพิง ไปศาลเลยดีกว่า ที่เขามาวันนี้มาทำไม ไม่ได้เชิญ เอาคนชื่อออมที่ว่าเป็นหนี้มาด้วย เขาเป็นคนเชิญมาเอง อยากให้มาคุยต่อหน้านักข่าว ยอมรับยืมเงินออมมาจริง แต่มีการจ่ายล่าช้า”
“ตอนแรกคุยกันเองว่าจะจ่าย แต่พอดีเขาไปแจ้งความ หลังจากนี้ก็คงต้องใช้กฎหมายคุยกัน จะฟ้องทุกเรื่องภายในอาทิตย์นี้ ไม่ต้องการเรียกร้องอะไร เพียงแต่จะให้คนรู้ว่าผมเป็นยังไง”
“สมาคมตลกไม่มีเรียกไปคุย มองเป็นตัวบุคคลดีกว่า อย่าไปพาดพิงถึงองค์กร ไม่มีองค์กรไหนสอนให้คนทำผิดพลาด ผมกราบขออภัยสมาคมตลกด้วย องค์กรก็ไม่จำเป็นต้องเข้ามายุ่ง แต่นามสกุลเชิญยิ้มก็อาจจะทำให้มีผลบ้าง แต่ขอให้ผมได้ชี้แจงก่อนจะใช้หนี้ทุกคนแน่นอน มีการพูดคุยกับเจ้าหนี้ทุกคนตลอด จำนวนเงินติดหนี้ทั้งหมดประมาณ 120,000 บาท แต่เขาทำเป็นเรื่องใหญ่ ไปบอกผู้จัดว่าอย่าจ้างงาน แล้วผมจะเอาเงินที่ไหนไปใช้หนี้”
“ถ้าเขาออกมาแถลงโต้ผมไม่ซีเรียส ผมทำมาหากิน ให้โอกาสผมเถอะ ผมใช้หนี้ทุกคนแน่นอน สัญญาว่าจากนี้ไปจะไม่มีการโพสต์พาดพิงถึงเขาอีก แต่ถ้าเขาโพสต์ถึงผมขอให้ทุกคนคิดเอาเองว่าใครกันที่ไม่จบ”
“ฝากถึงเขา ในฐานะที่ผมเป็นน้อง ถ้ามีสิ่งใดที่ผมทำให้พี่ไม่พอใจ ผมขอโทษ ทุกเรื่องทุกสิ่งผมพยายามบอกให้พี่หยุด ผมไม่โกรธ เพราะผมเข้าใจว่าพี่ทำเพราะอะไร แต่ผมขอให้ศาลเป็นคนดำเนินการแทน ผมขอโทษแล้วกัน ถ้าพี่คิดได้พี่ก็หยุดเถอะ ไม่นานคนไทยก็ลืม อย่าดื้อดึงเลย”
เปิดศึกน้ำลาย "ออม" เจ้าหนี้ทวงหนี้เดือด! กลางงานแถลง “จั๊กกะบุ๋ม” ลั่นตั้งใจทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง อยากได้ให้ไปฟ้องเอา ตนจ่ายแน่แต่ต้องเป็นไปตามกฎหมาย
ออม : “พอดีพี่บุ๋มเขานัดออมไปสน.ท่าข้ามตอน 4 โมงเย็นนะคะ แต่นี่เป็นเวลา 5 โมงเย็นแล้ว เห็นแถลงข่าวเสร็จเรียบร้อยก็ยังไม่ได้ไป ออมก็เลยอาสามาเองที่นี่ค่ะ คือออมคุยกับพี่จั๊กกะบุ๋มในไลน์นะคะ เดี๋ยวจะอ่านให้ฟัง 24 นี้เจอกัน สน.ท่าข้าม 4 โมงเย็นนะครับ ออมก็ถามว่าพี่จะคืนเงินออมใช่มั้ย เขาบอกคุยกับจอยจบไปแล้วนี่ เมื่อวานทำไมไม่มาเอาเช็ค ออมบอกว่าเอาเป็นว่าสรุป 24 นี้ใช่มั้ย ออมจะได้ลางานเลย”
จั๊กกะบุ๋ม : “อันนี้ช่วยแยกด้วยนะครับว่าคุยกับผมหรือคุยกับคุณจอย”
ออม : “นี่ค่ะ ไลน์พี่บุ๋ม”
จั๊กกะบุ๋ม : “โอเค งั้นก็ช่วยแจ้งว่าคุยไลน์กับผม”
ออม : “แต่พี่บุ๋มพูดข้างในว่าคุยกับคุณจอยเรียบร้อยแล้วไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวให้พี่จอยพูดดีกว่า ออมก็บอกว่า 4 โมงเย็นบอกเวลา สถานที่ ออมบอกว่าถูกต้องนะ ออมจะได้ลางาน พี่จะคืนเงินที่สน.เลยใช่มั้ย แล้วเขาก็ตอบมาว่าใช่ ออมก็เลยมาตามคำนัดของเขาค่ะแค่นั้นเอง”
จั๊กกะบุ๋ม : “ก่อนหน้านี้อย่างที่ผมบอกว่าผมนัดมาตั้งแต่ก่อนที่ผมจะไปพม่า เพราะว่าวันนั้นผมพร้อมก่อนที่จะเดินทางว่านัดให้มาเอาตังค์นะครับ ทีนี้หลังจากที่มีการนัดให้มาเอาตังค์ กลับมีการให้ข่าวไปในทางเสียหายว่าผมได้นัดมาที่นี่เพื่อมาเอาตังค์เวลาประมาณตี 2 หรือตี 3 โดยบุคคลอีกบุคคลหนึ่งเป็นคนพูดในกรณีที่ทำให้ผมถูกสังคมภายนอกมองว่าการที่ผมนัดผู้หญิงมาเอาตังค์ประมาณตี 2 หรือตี 3 คนเดียวด้วย ทำให้ทุกคนมองว่าผมนัดผู้หญิงคนนี้มาเพื่อจุดประสงค์อะไร ทั้งๆ ที่การคุยไลน์ระหว่างคุณออมและคุณจอยมีการตกลงกันแล้วว่าให้มารับเช็คที่ร้านและมาคุยกับจอย และมารับเช็คกับคุณจอย หลังจากนั้นเวลาประมาณ 4 ทุ่ม คุณออมเป็นคนติดต่อกลับมาหาจอยว่าหนูเพิ่งเลิกงาน มาไม่ทัน จอยก็เลยบอกว่าถ้ามาไม่ทันวันนี้ก็คงไม่ทันถ้าจะมาเอาตังค์ สรุปในคืนนั้นก็เลยไม่ได้ตังค์ เพราะว่าตอนเช้าผมต้องบินไปพม่า แต่ในระหว่างที่ผมบินไปพม่า ในเฟซบุ๊ก ในข้อความต่างๆ ผมอาจจะอ่านของเขาไม่ได้ เพราะว่าผมบล็อกเขา แต่ว่าผมอ่านจากคนอื่นได้ในคอมเมนต์ เขากลับเอาเรื่องราวของผมไปคุยกันอย่างสนุกสนาน ว่าผมหนี ไม่ได้อยู่ที่เมืองไทย ผมพูดโกหก พูดกันอย่างสนุกสนานว่าผมอยู่ที่เมืองไทยนี่แหละ แต่หนี ไม่ยอมรับความจริง แต่สุดท้ายผมก็ได้ออกมาบอกว่าสาเหตุที่ผมหายไป 3 วันเนื่องจากว่าผมไปพม่า ผมไปทำงาน"
"ฉะนั้นถ้าดูจากจุดประสงค์ ดูจากความเป็นจริง นั่นก็แสดงว่าจุดประสงค์ของคุณไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะมาเอาตังค์จากผม แต่เป็นจุดประสงค์ที่ต้องการที่จะมาก่อกวนและคุกคามผม และต้องการที่จะทำให้เรื่องราวของผมมันเป็นที่โด่งดังและทำให้คนมองผมว่าผมเป็นคนเบี้ยวหนี้ ทั้งๆ ที่ผมบอกแล้วว่าวันนั้นผมพร้อม ผมยอมที่จะไปทำเช็คด้วยตัวเอง ผมยอมไปธนาคารด้วยตัวของผมเองเพื่อจะทำเช็ค ผมยินดีที่จะจ่ายเขา แต่เขาก็ต่อล้อต่อเถียง ต่อความยาวสาวความยืด คุยไลน์กับจอย อ้างเหตุผลต่างๆ นานาว่ามาเอาไม่ได้ แต่ไปบอกอีกคนหนึ่งว่าผมนัดมาตี 2 ตี 3 เพื่อจะมาทำมิดีมิร้าย ให้คนมองเป็นอย่างนั้น”
“ผมขอประกาศตรงนี้นะครับ ว่าก่อนหน้านี้ตัวผมบอกกับเขามาโดยตลอดว่าตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังจากคลาดเคลื่อนเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมาที่ผมนัดใช้หนี้เขา ว่าผมขอเลื่อนไปเป็น 15 เนื่องจากเงินเดือนบ้านนี้มีรักของผม ผมจะรับทุกๆ วันพฤหัสบดีที่สองของเดือน ผมจะได้เงินเดือนจากบ้านนี้มีรักทุกเดือนเป็นเงินเดือนประจำของผม ซึ่งผมมีเงินเพียงพอที่จะมาใช้หนี้และจ่ายเขาแน่นอน แต่การเจรจาการคุยในครั้งนั้นผมมองว่าผมคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง ผมก็เลยโยนธุระทั้งหมดไปให้คุณจอย คุณจอยก็เป็นคนคุยเรื่องราวทั้งหมดแทน แต่แทนที่จะรู้เรื่องกลับบังคับให้จอยเขียนเช็คให้ ทั้งๆ ที่จอยบอกว่าเขาไม่ได้เป็นลูกหนี้”
ออม : “ขออนุญาตนิดหนึ่งนะคะ (พูดแทรก) ขอดูหลักฐานพี่จอยที่ออมบอกว่าออมบังคับให้พี่จอยเซ็นเช็คนิดหนึ่งค่ะ เอาเลยค่ะ และบอกนิดหนึ่งนะคะว่าถ้าพี่บุ๋มตั้งใจที่จะคืนเงินออม ไม่จำเป็นที่ออมต้องมาเอาเช็คที่นี่ถูกต้องมั้ยคะ คนที่จะคืนเงินไม่จำเป็นต้องนัดมากลางดึก ต้องเป็นวันนั้นวันนี้ ถ้าคุณมีเงินคุณคืนตอนไหนก็ได้ ตอนนี้ยังได้เลยค่ะ แล้วออมก็มาตามนัด”
จอย : “สาเหตุที่ต้องทำแบบนั้นเนื่องจากเราพูดเสมอว่าอยากคุยกับออมส่วนตัว เพราะว่ามันทำให้เข้าใจอะไรมากกว่า การที่มันเป็นแบบนี้เพราะออมไม่เชื่อ และการที่ออมเชื่ออีกฝั่งหนึ่งแล้วไม่เชื่อเรามันทำให้ทุกอย่างเป็นอย่างที่เห็นในวันนี้”
ออม : “เอาหลักฐานขึ้นมาเลยค่ะ พี่จอยโชว์หลักฐานเลยค่ะ”
จอย : “ได้ค่ะ แป๊บหนึ่งนะคะ (หาหลักฐานในกองเอกสาร) เราจริงใจ เราไม่ได้เป็นลูกหนี้ แต่เราบอกว่าไม่ว่าเรากับพี่บุ๋มจะคบกันหรือเลิกกัน เราก็จะให้ จะช้าจะเร็วก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าเราเห็นใจ เพราะ ณ วันนั้นเราเสียตังค์มา จะพยายามหาให้ ทั้งๆ ที่จอยก็ไม่มี แต่สิ่งที่ได้คือขออย่างเดียว ขอแค่น้องออม ครอบครัวน้องออม พี่สาวหรือแม่ก็ได้รอนะ เดี๋ยวจะหาให้ ขอแค่ครอบครัวเรากับเรา ณ ตอนนั้นไม่เกี่ยวกับพี่บุ๋มเพราะแยกกันทำงาน พี่บุ๋มอยู่อีกที่หนึ่ง จอยคุยกับน้องออมเองโดยที่พี่บุ๋มไม่รู้ บอกว่าจะช่วยเอง กำลังหาอยู่นะ ทำวิธีไหนล่ะ จะขายไอ้นั่น จะขายไอ้นี่ จะทำอย่างนี้ อาจจะใช้เวลาหน่อย เพราะการยื่นเรื่องน่าจะใช้เวลา ยื่นไปแล้วรอบที่หนึ่งไม่ผ่าน รอบที่สองไม่ผ่าน ส่งเอกสารให้ดูว่ากำลังยื่นเรื่องอยู่นะ ไม่ใช่ว่าอยู่เฉยๆ ไม่ใช่ว่าไม่รับผิดชอบ ส่วนตัวพี่บุ๋มเองล่ะ ทำงานเหมือนกันค่ะไม่ได้อยู่เฉยๆ ทำทุกอย่างอย่างที่เห็น กลับมาจากสวิตฯ สิ่งที่ทำก็คือร้านนี้ แม่เป็นคนออกตังค์ แม่เป็นคนช่วย เราก็ช่วยออกแรง ช่วยคิด ทำยังไงก็ได้ให้เรามีรายได้ต่อวันเพื่อที่จะพยุงตัวเองผ่านไปให้ได้และใช้หนี้หมดโดยเร็ว”
“ก็ยังไม่ได้ใช้หนี้เลยค่ะ ตั้งแต่ต้นจนถึงวันนี้ ไม่มีตังค์จริงๆ เป็นวันต่อวันของร้าน ดูสมุดบัญชีได้ค่ะ รายได้ที่เข้ามากับรายได้ที่ออกไป เงินยังไม่ได้คืนแม่เลยสักบาท เงินที่กินใช้ก็ไม่ได้มีตังค์อะไรมากมาย ก็บอกตลอดว่าทำไมคืนช้า มีตลอดทุกคำที่คุยกับน้องอยู่ในปึกนี้ ไม่มีการตัดออกไปทั้งสิ้น หรือสามารถส่งเป็นประวัติการแชตให้ดูได้ทุกคำ และทุกคำที่จอยพูดไม่มีอันไหนที่โกหกและไม่เป็นความจริง แต่สิ่งหนึ่งถ้าทุกคนอ่านจะเห็นว่าจอยพยายามมากๆ (เน้นเสียง) ที่จะบอกน้องว่าขอส่วนตัวได้มั้ย เนื่องจากไม่เกี่ยวกับคนอื่น แค่เรา จอยเข้ามาไม่มีผลประโยชน์อะไร ไม่จำเป็นต้องมาใช้หนี้คืนให้พี่บุ๋ม วันข้างหน้าถ้าจอยไม่ได้อยู่กับพี่บุ๋ม จอยมานั่งเสียตังค์ให้น้องออมเพื่ออะไร ได้ประโยชน์อะไร จอยถามว่าจอยได้ประโยชน์อะไรกับการทำสิ่งนี้ ขออย่างเดียวคือความไว้วางใจกันและกัน น้องออมมาหาเราก็ได้ เราทำงานอยู่ที่นี่ๆ พาแม่มาก็ได้ พาพี่สาวมาก็ได้ มานั่งคุยกัน นั่นคือต้องการส่วนตัว เพราะสิ่งที่จอยมีจะทำให้น้องออมรู้ว่าทำไมจอยถึงเป็นแบบนี้ แต่เขาไม่มา”
งงปนขำ ขอความช่วยเหลือ “ศร” ผิดตรงไหน ตลกดังซัดแรง “เป็นญาติเหรอ”
ออม : “เอาหลักฐานที่ว่าออมโพสต์มาดีกว่า ออมก็อยากเห็นเหมือนกันว่าออมโพสต์อะไร”
จั๊กกะบุ๋ม : “ผมไม่ได้บอกว่าคุณโพสต์ครับ”
ออม : “ก็ไปเล่าให้อีกฝั่งฟังค่ะ เพราะออมเป็นคนไปขอความช่วยเหลือจากพี่ศร ออมเล่าให้พี่ศรฟัง”
จั๊กกะบุ๋ม : “เขาเป็นญาติเหรอครับ”
ออม : “ออมปรึกษาใครออมผิดตรงไหนคะ (หัวเราะ) วันนี้ 4 โมง พี่บุ๋มนัดออม อันนี้ไม่เกี่ยวกับพี่ศรนะ”
จั๊กกะบุ๋ม : “แล้วเมื่อกี้ 4 โมงผมทำอะไรอยู่ครับ”
จุดประสงค์หลักอยากได้เงินคืน ณ วันนี้ยังไม่ได้เงินคืนสักบาท
ออม : “ตี 2 เขาบอกให้ออมไปเอาเช็ค แต่ออมบอกว่าออมทำงาน แล้วพี่จอยก็เป็นคนพูดว่าตกลงกับออมแล้วว่าออมจะไปเอา ทั้งที่จริงๆ ออมไม่ได้บอกเขาว่าออมจะไปเอา ก็เลยงง เรื่องนี้ก็บอกพี่ศร บอกว่าพี่จอยนัดออมไปเอาเช็ค แล้วพี่เขาก็บอกว่า คนจะคืนหนี้น่ะ ออมต้องไปเอาเช็คถึงบ้านเขาเหรอ ตอนออมให้เขายืม ออมให้เขามาเอามั้ย ทั้งๆ ที่ออมโอนไปนะคะ”
จอย : “เอาล่ะค่ะ ไลน์สุดท้ายที่จอยคุยกับน้องคือตอน 4 ทุ่มกว่าๆ บอกว่าหนูเพิ่งเลิกงาน เราก็บอกว่าหนูไม่บอกพี่ก่อน พี่ออกมางานแล้ว อย่างนั้นคงต้องรอเรากลับมา เพราะจะบินอีกวันหนึ่งแล้ว นี่คือสุดท้ายที่คุยกัน ถามว่าล่อลวงน้องตอนตี 2 เข้ามาเอาตรงไหน พี่พูดถูกมั้ยคะ พี่พูดตามนั้นนะ (หันไปหาออม)”
ออม : “ใช่ค่ะ สรุปวันนี้ดีกว่า จุดประสงค์หลักๆ เรื่องนี้คือออมอยากได้เงินออมคืนแค่นั้นเอง ไม่มีปัญหาอะไร เพราะว่าพี่เขาผิดนัดออม ผิดแล้วผิดอีก และส่วนตัวที่พี่จอยบอกว่านัดกับออมตกลงเรียบร้อย มันไม่ใช่ค่ะ เพราะตกลงเรียบร้อยเรื่องมันจะไม่ใหญ่ขนาดนี้ ถูกต้องมั้ยคะ จนถึงวันนี้ออมยังไม่ได้เงินคืน”
จอย : “ตกลงกันเรียบร้อยความหมายของจอยคือเราตกลงกันแล้วว่าวันที่ 15”
ออม : “ขอโทษนะคะ ถ้าตกลงกันแล้วต้องคุยกันทั้งสองฝ่ายถูกมั้ยคะ ออมจะต้องตกลงกับพี่ว่า พี่จอยตกลงวันนี้ออมจะรอพี่นะ นัดเวลา สถานที่หรือว่าเรื่องที่เราตกลงกันนะคะ”
จอย : “หลักฐานที่เราตกลงกันมีค่ะ ตกลงกันว่าวันที่ 15 เดี๋ยวเงินเดือนพี่บุ๋มออกจะไปรับเช็คกับเขาก็ได้ หรือได้เช็คมาแล้วเอาเงินเข้าบัญชีแล้วโอน ซึ่งจอยคุยกับพี่บุ๋มส่วนตัวว่าป๊าอันนี้ต้องคืนน้องนะ ไม่งั้นก็ไม่ต้องมาอยู่ด้วยกัน คือเลิกกัน ก็ยึดบัตรเอทีเอ็มเอาไว้ แต่ไม่ได้บอก มันเป็นเรื่องของผัวเมีย ไม่จำเป็นต้องมาบอกคนอื่น แต่เราแค่บอกว่าคุณได้คืนแน่นอน”
จอย : “ได้นัดกันแล้วคือวันที่ 15 พอตกลงกันแล้วเราก็ล็อกวัน”
ออม : “ออมอยากให้พี่โชว์หลักฐานมากเลยที่ออมคุย”
จอย : “ได้ค่ะ พี่ถามแล้วว่าตกลงวันที่ 15 (หาหลักฐาน) คือส่วนของจอยจะมีข้อตกลงข้อเดียวแลกกับการที่จอยจะใช้หนี้แทนพี่บุ๋ม”
บอกไม่ตั้งใจเบี้ยวนัด ซัดอีกฝ่ายเดินมาหานักข่าวตั้งใจทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ด้านเจ้าหนี้เดือด บอกรอมา 6 เดือน อ้างแต่คำว่าเวลาคลาดเคลื่อนตลอด
จั๊กกะบุ๋ม : “นัด 4 โมงจริงครับ แต่ก็ติดสัมภาษณ์อยู่ และเวลาล่วงเลยไปจนเกือบ 5 โมง และผมก็มีรายการสดต่ออีกด้วย ซึ่งเวลาเราไม่สามารถฟิกซ์ได้นะครับ ผมไม่ได้บอกว่าจะไม่ไป แต่ตอนนี้สิ่งที่คุณเดินมาหาสื่อมวลชนเท่ากับคุณกำลังจงใจที่จะทำให้ทุกอย่างมันเป็นข่าว และจงใจจะทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต ผมก็ยินดีที่จะไป เพราะวันนี้ผมวางแพลนเอาไว้ว่า ผมสัมภาษณ์ตอน 3 โมงเย็น เสร็จ 4 โมง ผมจะต้องไปที่สน. เพราะผมมีนัดสัมภาษณ์ตอน 18.30 น. คิวของผมวางไว้ตามลำดับ แต่เวลามันคลาดเคลื่อน ซึ่งสื่อมวลชนก็เห็นว่าในขณะที่ผมอยู่ที่ร้านและให้สัมภาษณ์อยู่ ไม่ได้หนีไปไหน ผมไม่ได้พูดว่าผมจะไม่ไปที่สน. ก็นัดไปเพื่อตกลงกันครับ”
ออม : “ในไลน์หนูถามเลยว่าพี่จะคืนเงินหนูใช่มั้ย เขาตอบว่าใช่ หลักฐานมี เราว่ากันด้วยหลักฐานดีกว่า และหนูคิดว่ามันเป็นข้ออ้างที่บอกว่ามันคลาดเคลื่อนทางเวลา เพราะหนูรอมาเป็นเวลา 6 เดือนกับคำว่าคลาดเคลื่อนทางเวลา และวันนี้ก็คลาดเคลื่อนอีกแล้ว”
จั๊กกะบุ๋ม: “ถามว่ามีเงินใช้หนี้มั้ยถึงได้นัด ก็ใช่ครับ บอกแล้วว่าผมยินดีที่จะใช้หนี้ แต่ขอให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย”
ออม : “เขาติดหนี้มาตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงตอนนี้ค่ะ”
จั๊กกะบุ๋ม : “ก็ไม่เปลี่ยนความตั้งใจ เมื่อกี้ผมก็ให้สัมภาษณ์ว่าหลังจากนี้ต่อไป ผมก็บอกว่าจะเรียกเขามาคุยต่อหน้าสื่อ”
ออม : “นี่ไงออมก็มาแล้ว (หัวเราะ)”
จั๊กกะบุ๋ม : “ผมก็เรียกให้เขามาคุยต่อหน้าสื่อ และเมื่อมีข้อตกลงว่าเมื่อขั้นตอนของคุณทำให้ทุกอย่างเข้าสู่กระบวนการกฎหมาย ก็ให้กระบวนการกฎหมายเป็นคนตัดสิน”
ออม : “ออมยินดีรับเงินคืนต่อหน้าสื่อนะคะ ได้ประกาศความบริสุทธิ์ของพี่บุ๋มด้วยว่าพี่บุ๋มคืนแล้ว”
จอย : “ขอสรุปให้สั้นๆ มีสองประเด็น พี่บุ๋มยืมตังค์ไปแล้วไม่คืน ซึ่งจอยก็บอกว่าพี่บุ๋มต้องคืนนะ อันนี้ให้เขาไปตกลงกันเอง ส่วนจอยบอกจะใช้คืนให้โดยมีเงื่อนไขข้อเดียวคือต้องแค่เรา และเชื่อใจเรา เราจะคืนให้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ตกลงกันตั้งแต่ครั้งแรกจนครั้งสุดท้าย พี่บุ๋มก็ยังไม่เคยรู้ว่าจอยมีตังค์แล้ว”
ออม : “ขอโทษนะคะ เชื่อใจพี่จอยเรื่องอะไรคะ เชื่อใจว่าออมต้องได้เงินถูกมั้ย”
จอย : “เชื่อใจว่าจะได้เงินโดยที่เราไม่มีประโยชน์อะไร แค่เชื่อใจเราตรงที่ว่าอย่าบอกเรื่องที่คุยกับเรากับใคร เราขอแค่นี้เยอะไปมั้ย”
ออม : “เรื่องเงินออมมันไม่เกี่ยวกันเลยนะ”
จอย : “แล้วการที่ออมเอาสิ่งที่คุยไปบอก แล้วเขาก็เอามาโพสต์ด่าอยู่หน้าเฟสล่ะ”
ออม : “ด่าว่าอะไรพี่เอาหลักฐานมาเลยค่ะ"
ยินดีชดใช้ แต่ขอให้เป็นไปตามกระบวนกฎหมาย
จั๊กกะบุ๋ม : “ผมยินดีที่จะชดใช้ แต่ขอให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย”
ออม : “เหตุผลที่ต้องให้เป็นกระบวนการของกฎหมายพี่บุ๋มต้องการอะไรคะ”
จั๊กกะบุ๋ม : “ไม่ต้องการอะไรครับ เพราะคุณต้องการให้ผมเสื่อมเสียชื่อเสียงก่อน”
ออม : “เสียชื่อเสียงตรงไหน ออมไม่ได้ไปแจ้งความพี่บุ๋มเป็นเท็จ พี่บุ๋มยืมเงินออมจริงๆ ถูกต้องมั้ยคะ”
จั๊กกะบุ๋ม : “ผมมีหลักฐานว่าใครเป็นคนให้เขาไปแจ้งความ มีการเอ่ยชื่อนะครับว่าเขาเป็นคนนัดนักข่าวและตั้งใจจะไปตั้งแต่รัชดาลัยเธียเตอร์ เพราะวันนั้นมีรอบเพลสละครเวทีเรื่องหนึ่ง แต่มานัดกันอีกวันที่สน.ลุมพินี นั่นเท่ากับมีการวางแผนและตั้งใจมากกว่าที่จะได้ตังค์ คือเป็นการทำลายชื่อเสียงผม”
ออม : “ถ้าพี่บุ๋มคืนเงินออม ไม่มีข่าวพวกนี้เกิดขึ้น คืนวันนี้เรื่องราวจบ แค่คืนเงินค่ะพี่”
จั๊กกะบุ๋ม : “ตอนนี้มันไม่จบแล้วครับ เรื่องราวประชาชนรู้กันทั่วโลกแล้วครับ”
ออม : “แล้วมันไม่จริงตรงไหน”
จั๊กกะบุ๋ม : “ผมไม่ได้บอกว่าจะไม่คืนครับ แต่ผมพูดว่าให้เป็นไปตามกระบวนการขั้นตอนกฎหมาย ไปคืนกันในศาล”
ออม : “ทำไมต้องไปคืนกันในศาลคะ”
บุ๋ม : “เพราะผมจะฟ้องไงครับ”
ออม : “ฟ้องเรื่องอะไรคะ บอกสื่อไปเลยค่ะพี่”
บุ๋ม : “ฟ้องแน่นอนครับ ที่บอกว่าจ่ายตามกระบวนการกฎหมาย คือเขาก็ไปฟ้องเอาสิครับ ก็คุณไปแจ้งความแล้ว”
ออม : “แล้วออมต้องทำยังไงคะ ถอนแจ้งความเหรอ”
จอย : “ลบกูเกิ้ลได้มั้ยล่ะ”
ออม : “แล้วมันเรื่องไม่จริงตรงไหนคะ (หัวเราะ)”
จั๊กกะบุ๋ม : “ผมเสื่อมเสียชื่อเสียงไปแล้ว คุณลบได้มั้ยครับ”
ออม : “แล้วพี่ยืมเงินจริงมั้ย”
จั๊กกะบุ๋ม : “ก็จริง ผมก็พูด”
ออม : “แล้วมันเสียหายตรงไหนคะพี่ เพราะพี่ไม่คืน หนูก็เลยไปแจ้งความแค่นี้เอง”
บุ๋ม : “ผมไม่ได้บอกว่าจะไม่คืนนะ”
ออม : “ออมว่าค่าทนายที่เขาจะจ้างมันมากกว่า 50,000 ของออมซะอีก ออมไม่คิดว่าพี่เขาจะมาทำกับออมแบบนี้”
จอย : “พี่ก็ไม่คิดว่าออมจะทำแบบนี้เหมือนกัน ใช้ความไว้วางใจของพี่มาหลอกใช้และหลอกถามพี่”
ออม : “ถ้าพี่เขายืนยันไม่คืน ออมก็จะฟ้องค่ะ”