“สุนารี ราชสีมา” ควง “วาวเตอร์” เปิดใจจดทะเบียนสมรส ตบหน้าคนขี้นินทา ชิล ๆ จดทะเบียนรอบ 2 บอกตื่นเต้นจะได้ใส่ชุดเจ้าสาวเป็นครั้งแรก เล็งจัดพิธีฉลองมงคลสมรสปลายปี แพลนฮันนีมูนสวิสเซอร์แลนด์ เชื่อฝ่ายชายรักจริงไม่วอกแวก ด้านลูกชายแฮปปี้ เอ่ยปากอยากมีน้องเป็นลูกครึ่ง
สวีตที่สุดจริง ๆ สำหรับคู่รักต่างวัย “สุนารี ราชสีมา” กับ “วาวเตอร์ เดราฟ” วัย 27 ปี ที่ล่าสุดได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวก่อนอัดรายการบันเทิง 8 HOT NEWS ทางช่อง 8 เข้มทุกเรื่องราว สุดทุกอารมณ์ หลังจากที่สร้างความฮือฮาจูงมือกันไปจดทะเบียนสมรสเมื่อวันที่ 6 ก.ค. ที่ผ่าน และจะมีพิธีมงคลสมรสกันปลายปี
“จริง ๆ หลายคนคงจะทราบเรื่องราวของเราทั้งสองคนแล้วนะคะ ถึง ณ วันนี้เกือบ ๆ 3 ปีแล้วที่คบกันมา ก่อนหน้าทุกครั้งที่ถูกถามว่าจะแต่งงานมั้ย เราก็ยังไม่แน่ใจว่าจะยังไง เพราะความแตกต่างของอายุ แต่เราอยู่กับเขาเรารู้สึกดี รู้สึกมีความสุข แต่ในขณะเดียวกัน ในสังคมไทยเราความต่างของอายุผู้หญิงที่มากกว่าผู้ชายมันก็ยังเป็นอะไรที่ต้องคิดหนักเหมือนกัน พออยู่ ๆ มาเราก็รู้สึกชัดเจนมากขึ้น ก็คิดว่าถึงเวลาที่เราควรจะทำอะไรที่ให้มันถูกต้องตามขนบธรรมเนียมที่ควรจะทำ”
“ก็คุยกันแล้วว่าเราตกลงจะอยู่ด้วยกันอย่างแน่นอน ไม่ใช่อยู่แบบลอยๆ เหมือนก่อนหน้านี้ ก็เลยตัดสินใจชวนกันไปจดทะเบียนเมื่อวันที่ 6 ก.ค. ค่ะ (ยิ้ม) ไปจดทะเบียนกันที่อำเภอเมืองนนทบุรีค่ะ เพราะเราอยู่ที่นั่น ตอนนี้ก็เปลี่ยนนามสกุล เดลาฟ ก็เป็น ทิม เดลาฟ คือชื่อตามบัตรประชาชนชื่อทิมอยู่แล้วค่ะ สุนารีเป็นชื่อนักร้อง”
“ถามว่ามีการขอแต่งงานมั้ย จริง ๆ เราคุยภาพรวมหมดเลยค่ะ เพราะถ้าครอบครัวของวาวเตอร์เขาสามารถที่จะบินมาก็สามารถหาวันได้ แต่ว่าเราจะต้องแพลนล่วงหน้าเพื่อที่จะให้ญาติ ๆ เขา ครอบครัวเขาให้รู้ล่วงหน้า ก็เลยแพลนเอาไว้ว่าประมาณ พ.ย. - ธ.ค. หรือ ม.ค. อันนี้โดยประมาณนะคะ จัดที่เมืองไทยค่ะ แต่ที่ไปจดทะเบียนเมื่อวันที่ 6 ก.ค. เพราะเราดูแล้วว่าเป็นวันดีที่สุด จริง ๆ วันนั้นมีงานด้วย แต่ขอกองละครจ่าเริงเซิ้งยับว่าขอครึ่งวันได้มั้ยจะไปอำเภอ (หัวเราะ)”
รับจดทะเบียนกับคนต่างชาติยาก ต้องวิ่งวุ่นเรื่องเอกสารหลายอย่าง
“จดทะเบียนกับคนต่างชาติยากมั้ยก็ยากนะคะ เพราะตอนแรกเราก็นึกว่าเดินไปอำเภอได้เลย มันไม่ใช่ ขั้นตอนการจดทะเบียนต้องไปถามรายละเอียดที่สถานทูตเนเธอร์แลนด์ก่อนว่าเขาต้องการอะไรบ้าง เตอร์ต้องมีใบรับรองโสดจากประเทศของเขา คุณแม่ก็ไปวิ่งทำเรื่องที่อำเภอบ้านเขาแล้วก็ส่ง EMS มาให้ เราก็ต้องวิ่งไปที่สถานทูตเพื่อที่จะให้เขาแสตมป์รับรองว่าเป็นของจริง แล้วก็แปลจากภาษาดัตช์เป็นภาษาอังกฤษ”
“จากนั้นก็เอาเอกสารที่สถานทูตแสตมป์ให้แล้วมาที่กงสุลที่แจ้งวัฒนะ เพื่อให้มาแปลเป็นไทย และให้แสตมป์ว่าเป็นเอกสารถูกต้อง พอได้ฉบับสมบูรณ์ก็ต้องหาวันหาฤกษ์ไปที่อำเภอ แต่ก็ยังจดไม่ได้นะคะ เพราะอำเภอต้องส่งเอกสารใบรับรองไปที่กระทรวงต่างประเทศ แล้วถึงจะส่งกลับมาว่าโอเคชัวร์เป็นของจริง จดได้ ก็ถึงได้จดวันที่ 6 ก.ค. นี่แหละค่ะ (ยิ้ม)”
พยายามมีความสุขกับชีวิตคู่ มองข้ามปัญหา ไม่สนขี้ปากคน
“ความรู้สึกตอนจดทะเบียนก็ไม่รู้สิ (หัวเราะ) สำหรับเราเฉยๆ นะ แต่สำหรับเขาก็คงตื่นเต้นนิดหน่อย แต่เหมือนเราอยู่กันแล้วมันก็เหมือนไม่ใหม่กันเกินไปแล้วด้วยค่ะ ที่มั่นใจเขาเพราะภาพหนึ่งของสังคมคือเราเปิดเผยแล้วว่าเราคบกับเขา ก็พยายามมองข้ามปัญหาทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความคิดคน ปากคน หรือที่เราทะเลาะกัน ความต่างวัยหรือขนบอะไรต่าง ๆ เราพยายามมองข้าม คนไทยส่วนมากก็รู้แล้วว่าเราคบกัน ก็พยายามทำให้ชีวิตคู่มีความสุขที่สุด มองข้ามปัญหาทุก ๆ ครั้ง”
“ซึ่งมันก็ต้องมีบ้างปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ก็ยังไม่เคยทะเลาะกันจริง ๆ จัง ๆ ส่วนมากก็เรื่องนิด ๆ หน่อย ๆ ส่วนมากจะเป็นการคุยกันซะมากกว่า ซึ่งวาวเตอร์เขาก็แคร์และดูเขามั่นคง เขาไม่วอกแวก เราก็เลยคิดว่ามาถึงจุดนี้แล้ว เรามีความสุข ก็ควรทำอะไรให้มันชัดเจน แต่ไม่ใช่เพราะว่าฝ่ายเราอยากจด เพราะเราคุยกันจริง ๆ นะ อีกอย่างวาวเตอร์เวลามาเมืองไทยถ้าเขาอยากจะอยู่กับเรานาน ๆ บางทีมีปัญหาเรื่องวีซ่า แต่ถ้าเราแต่งงานกันมันก็มีสิทธิพิเศษของความเป็นสามี ตัวเราเองก็มีสิทธิพิเศษของการเป็นภรรยาเวลาที่จะไปเมืองนอก ไปบ้านเขา”
“ถามว่าเขาขอเราจดทะเบียนมั้ยเราคุยกันค่ะ ไม่ได้มีใครขอใคร เหมือนเป็นการคุยกันมากกว่า ใครพูดก่อนจำไม่ได้เหมือนกัน เหมือนนอนๆ อยู่แล้วก็คุยกัน เหมือนว่าจะคิดยังไงกับอนาคตของเรา คือวาวเตอร์เขาก็อยากอยู่เมืองไทย และเราเองก็มีโครงการจะไปเปิดร้านอาหารในเมืองของเขาที่เป็นหมู่บ้านของเขา คือ ออกจากอัมสเตอร์ดัมไปครึ่งชั่วโมง ซึ่งเมืองนั้นยังไม่มีอาหารไทย ใครจะทานก็ต้องมาอัมสเตอร์ดัม ก็เลยอาจจะไปเปิดร้านเล็ก ๆ ซึ่งถ้าเราแต่งงาน จดทะเบียนเราก็มีสิทธิที่จะทำอะไรได้ ถามว่าอนาคตจะไปอยู่ที่โน่นมั้ยคงไม่อยู่ เพราะคงอยู่ตรงไหนถาวรไม่ได้ ก็อาจจะไป ๆ มา ๆ”
ลูกชายไฟเขียว บอกอยากได้น้องเป็นลูกครึ่ง
“ลูกก็ไฟเขียวตั้งแต่ตอนคบกับเตอร์แล้วค่ะ ลูกชายเขาก็เข้าใจ อะไรที่แม่มีความสุขเขาก็มีความสุข เขาไม่มีปัญหาอะไร ก็บอกเขาว่าแม่จะจดทะเบียนนะ เขารับรู้หมด ถามว่าอยากมีลูกอีกมั้ย คือด้วยวัยของเราลูกชายก็บอกว่ามี๊เอาน้องนะ อยากได้น้องลูกครึ่ง (ยิ้ม) เขาอยากได้น้องผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้ แต่ด้วยวัยของเราก็ยังไม่ปกติเท่าไหร่ แต่แข็งแรงนะ คือ ถ้าจะมีจริง ๆ ก็ปรึกษาหมอได้ เคยคุยกันเขาก็อยากมีค่ะ”
ยันไม่ซีเรียสสินสอด แค่อยากแต่งให้ถูกต้องตามขนบธรรมเนียม เล็งฮันนีมูนสวิตเซอร์แลนด์
“ถ้าวันแต่งก็คงจะมีสินสอดค่ะ (หัวเราะ) วันนั้นจดทะเบียนอย่างเดียว ไม่ได้มีแหวนอะไร เดี๋ยวตอนจัดงานแต่งก็คงจะมี แต่เราไม่ได้ซีเรียสว่าแหวนต้องยังไง สินสอดต้องยังไง แค่เขามาทำให้ถูกต้องตามขนบธรรมเนียมไทยเราก็โอเคแล้ว แต่จะไปจัดงานที่โน่นอีกหรือเปล่าเดี๋ยวต้องคุยกันอีกทีค่ะ ตอนที่ไปจดทะเบียนกันเขาก็ถามว่ามันยังไม่มีงานปาร์ตี้ ไม่เป็นไรใช่มั้ย เราก็บอกไม่เป็นไร เอาฤกษ์สะดวกไว้ก่อน อันนั้นไว้ค่อยดูกันอีกที แพลนฮันนีมูนเดือนมีนาคมค่ะ จะไปสวิสเซอร์แลนด์แน่นอน แต่ที่อื่นไว้ค่อยเพิ่มเติม”
ชิล ๆ สละโสดรอบ 2 บอกไม่มีอะไรการันตีชีวิตรักจะอยู่นิรันดร์ ขอมีความสุขให้เต็มที่ และจะเป็นครั้งแรกในชีวิตได้แต่งชุดเจ้าสาว
“กับการสร้างครอบครัวครั้งที่สองนี้เราสบาย ๆ นะ คือ การจดทะเบียนมันเหมือนเป็นการทำอะไรที่มันชัดเจนว่าเราจะอยู่กับคนนี้แน่นอน แต่มันก็ไม่ได้การันตีว่าชีวิตรักของเราจะอยู่ไปชั่วนิรันดร์นะ เราเข้าใจในชีวิตครอบครัวอยู่แล้ว เวลาที่มันมีความสุขน่ะอยู่กับมันไปเถอะ เต็มที่กับมัน เวลาทุกข์อะไรที่แก้ไขได้ก็ได้ อะไรที่แก้ไม่ได้ก็อยู่กับมันให้ได้ พอมันถึงจุดที่จะต้องแยกกัน ใบสมรสก็ไม่มีประโยชน์ ฉะนั้น ก็เลยสบาย ๆ ไม่คาดหวัง ที่ผ่านมาก็ไม่ได้คาดหวัง เจอคนนี้เลยไม่คาดหวังอะไรเลย แต่กลับเป็นคนที่เราต้องมาแต่งงานด้วยอีกครั้งหนึ่ง ครั้งแรกที่แต่งกับพ่อลูกชายก็แค่จดทะเบียนเฉย ๆ ไม่ได้แต่งชุดเจ้าสาว ครั้งนี้เหมือนจะเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้แต่งชุดเจ้าสาว (หัวเราะ)”
“ตอนนี้วาวเตอร์เรียนหนังสืออยู่ค่ะ ก็บินไปบินมา ตอนมาเขาก็มาเรียนภาษาและเรียนทำอาหารไทย เพราะเขาชอบทานอาหารไทยด้วย ก็ฝึกทำไว้ไม่เสียหาย แต่ถ้าโครงการเราเปิดร้านได้ช่วงแรก ๆ เราอาจจะต้องทำกันเอง ยังไม่ต้องไปจ้างใคร”
ไม่สนถูกวิจารณ์เป็นวัวแก่กินหญ้าอ่อน บอกมีความสุขก็ทำไป ไม่เดือดร้อนใคร
“ช่วงแรก ๆ ที่เปิดตัวคบกับวาวเตอร์มีกระแสว่าเราเป็นวัวแก่กินหญ้าอ่อนเข้ามาเยอะเหมือนกัน ก็มีคำพูดหลาย ๆ คำที่แรง ๆ ช่วงแรกเราก็คิดตามเขาเหมือนกันนะ แต่ไป ๆ มา ๆ ไม่ต้องไปคิดตามหรอก อะไรที่มีความสุขเราก็ทำไป ที่สำคัญคือ ไม่ได้เดือดร้อนใครด้วย ก็อยู่กันมาจนถึงตอนนี้ พอเริ่มมั่นใจซึ่งกันและกันเราก็อยากทำอะไรที่มันมั่นคงขึ้น แต่ในเรื่องของอนาคตที่คนจับตามอง เรื่องความรักมันไม่มีสูตรสำเร็จอยู่แล้ว ไม่มีใครการันตีได้ว่าจะอยู่กันตลอดชั่วนิรันดร์ บางทีคบกันมานานมาก อยู่กันจนลูกไม่รู้กี่คนก็ยังเลิกกันได้ บางทีสิ่งที่เราไม่ได้คาดหวังอาจจะเกิดขึ้นก็ได้ก็ปล่อยไปตามธรรมชาติ (หัวเราะ)”
ครอบครัวแฮปปี้ไม่เคยซ้ำเติม
“พ่อแม่เราไม่มีปัญหาเลย อะไรที่เรามีความสุข ไม่ได้เบียดเบียนใคร ถ้าคนที่เขารักมีความสุข เขาก็มีความสุข เหมือนลูก เหมือนเราปลูกฝังกันมาแบบนี้ แม้ชีวิตเราจะผิดพลาดอะไรมา ไม่เคยซ้ำเติม มีแต่คอยให้กำลังใจ”
“ถามว่าวาวเตอร์ชินกับการออกสื่อมั้ย ไม่ชินหรอก ชีวิตเขาคนละขั้วกับเราเลยนะ แต่เขาก็เรียนรู้จากเรา เวลาเจอแฟนคลับหรือคนที่ชื่นชอบเรา เราก็จะต้องหยุดทุกอย่างแล้วก็คุยกับแฟนเพลง เขาก็จะเรียนรู้ แรก ๆ เขาก็ไม่เข้าใจ เรากินข้าวอยู่ทำไมไม่บอกเขาว่าขอกินข้าวก่อน เราก็บอกว่าไม่ได้ กว่าเราจะกินข้าวเสร็จอีกหลายนาที เราให้เขานาทีเดียวก่อนดีกว่า”