“บุ๋ม ปนัดดา” น้ำตาไหลพราก อัด “เจนี่” สองมาตรฐาน ปล่อยคลิปดิสเครดิตบิดเบือนความจริง ยกมือไหว้ขอ!! อยากเดินหน้าทำธุรกิจต่อ อย่าทำร้ายกัน เผยทวงหนังสือสัญญาเช่าที่ ยัน “กึ้ง เฉลิมชัย” แต่เงียบ หมดปัญญาเลยต้องออกมาโพสต์ลงไอจี พ้อเครียดมากจนเป็นลม ยื่นคำขาดให้จ่ายค่าก่อสร้างยิม 3 ล้าน รับรองไปแน่ บอกแฟนคลับอย่าตีกัน อย่าด่าเจนี่เพราะเป็นเรื่องธุรกิจ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว
แซ่บที่สุดในตอนนี้ หนีไม่พ้นกรณีที่ซือเจ๊สั่งลุย “บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” ออกมาฉะแหลก ไม่ไว้หน้า “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ” ระบุอีกฝ่ายกันที่จอดรถให้ลูกค้าตัวเองอย่างน่าเกลียด ก่อนถูกแฉกลับด้วยคลิป สามีบุ๋ม “เอก เอกริน นิลเศรษฐี” บุกเคลียร์ถึงยิมเจนี่ ซัดฝ่ายบุ๋มค้างจ่ายค่าเช่าที่และค่าส่วนกลาง 3 เดือน จนบุ๋มและสามีออกมาโพสต์แฉรัว ๆ ว่า ติดต่อขอหนังสือสัญญาแล้วแต่อีกฝ่ายยึกยักไม่ยอมให้
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 22 มิ.ย. “บุ๋ม ปนัดดา” ควง “เอก เอกริน” มาแถลงข่าวที่ “สแมชยิม” ย่านเกษตรนวมินทร์ โดยฝ่ายบุ๋มถึงกับน้ำตาไหลพราก ๆ ยืนยันไม่อยากมีปัญหากับเจนี่ แค่อยากให้อีกฝ่ายมาจัดการธุรกิจให้จบ ไม่พอใจที่สองมาตรฐานในการรับรถลูกค้า และไม่พอใจมากที่คนฝ่ายเจนี่เอาคลิปสามีบุกยิมออกมาดิสเครดิต
“ที่อยากชี้แจงวันนี้เพราะเรื่องเริ่มบานปลายจากแฟนคลับทั้งสองฝ่ายรุนแรง นอกประเด็นเรื่องที่ต้องการ เราต้องการเรื่องธุรกิจเท่านั้น เรื่องผู้ดำเนินการ ไม่ต้องมีปัญหากับเจนี่หรือแม่ของเจนี่ เราะยังมีไปเต้นคลาสกับเขาและทานข้าวกับแม่เจนี่อยู่”
“ปัญหาจริงต้องการการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ สแมชยิมตั้งอยู่ในพื้นที่ของ 911 พื้นที่เดียวกัน ปัญหาเกิดขึ้นสะสม มาถึงจุดที่เราพยายามคุยแล้ว เราคุยกันทุกทางแล้ว คุยกับแม่ กับเจนี่ กับผู้จัดการแล้ว ส่วนมากมีหุ้นส่วนไปพูดคุย แต่ปัญหาไม่ได้รับการแก้ไข ต้นกำเนิดของสถานที่นี้ จริง ๆ มีบุ๋ม กับรุ่นน้องบุ๋มชื่อท็อป นักแสดงเรื่องอังกอร์ นั่นคือจุดเริ่ม และเจนี่มาขอร่วมหุ้นที่สาม เลยทำให้ตอนแรกคุยกันว่าจะเป็นหุ้นส่วนสามคน ฝั่งท็อปอยากเปิดสอนเทควันโด เจนี่เปิดมวย เราเปิดยิม โดยติดต่อผู้เช่า เคลียร์สัญญาเช่า”
“ขั้นแรกเป็นฝั่งเรากับท็อป ตกลงกันว่าเทควันโด มวยใช้พื้นที่เยอะ เราเลยบอกว่าเช่าพื้นที่ใหญ่ไป บุ๋มบอกตรง ๆ อุปกรณ์ไป 10 กว่าล้าน ของท็อปและเจนี่มีแต่ห้องเปล่าและเวทีมวยลงทุนน้อยกว่าบุ๋ม เอาเงินส่วนหนึ่งถ้าจะให้แฟร์ ๆ เอาไปจ่ายค่าเช่าที่ ส่วนเราลงเครื่อง จะทำงานร่วมกัน แต่กลายเป็นว่าท็อปกับเจนี่ เป็นผู้ต่อสัญญาเช่าที่ ซึ่งขั้นตอนแรกเรามีสัญญาเก่า เป็นสัญญาเช่าเก่า ระหว่างสแมชยิม กับท็อป และ เจนี่ ซึ่งมีลายเซ็นสามฝ่าย และเราได้ชำระมัดจำค่าเช่าไปแล้วสามเดือน ซึ่งเป็นการตอบคำถามที่หลายคนถามว่า ถ้าไม่มีสัญญาแล้วบุ๋มกล้าลงทุนได้อย่างไร 10 กว่าล้าน เรามีไม่ใช่ไม่มี ไม่ได้ทำอะไรผิดขั้นตอนเด็ดขาด ทุกอย่างเรามีหุ้นส่วน มีที่ปรึกษาทางกฎหมาย”
“เพียงแต่ปัญหาอยู่ที่ว่าหลังเราเซ็นสัญญาอันนี้แล้ว ทางท็อปกับเจนี่เขามีปัญหากัน ซึ่งเราจะไม่แตะเรื่องนั้น ต้องไปถามเจนี่เอาเอง เพียงแต่ว่าพอมีปัญหากันเจนี่เลยซื้อหุ้นของทางท็อปกลับคืนมาแต่เพียงผู้เดียว บุ๋มไม่พูดอะไรทั้งนั้น คุณไม่พูดถึงเรา เราไม่ว่าอะไร ทั้ง ๆ ที่เริ่มต้นมาด้วยกัน ซึ่งถ้าเราเป็นแค่ผู้เช่าจริง ๆ ตั้งแต่แรก เราจะจ่ายค่าก่อสร้างอาคารทำไมอีก 3 ล้านบาทร่วมกับเขา ทั้งหมดที่เห็นทั้งอาคารใช้เงินทั้งหมด 10 ล้านบาท ทั้งอาคารนะคะ ถ้าสแมชยิมเป็นแค่ผู้เช่า บุ๋มแค่มาตกแต่งภายในก็พอ แต่ทำไมบุ๋มต้องมาสร้างทั้งตัวอาคารด้วย นั่นเพราะเราลงทุนร่วมกัน เพียงแต่ตัวสัญญาเราดันยอมเขา ไปเป็นผู้เช่าจากเขาอีกที นี่คือข้อผิดพลาดหนึ่ง”
“สองเรื่องที่เขาผิดใจกันระหว่างท็อปกับเจนี่มันคือจุดเปลี่ยน แต่อุปกรณ์เราสั่งมาแล้ว สั่งจากอเมริกาโดยตรง ถึงแม้เราจะรู้ว่าเขามีปัญหากันแต่เราก็ต้องเอาของลง ตอนนั้นเราก็มีเสนอให้เขาซื้อพื้นที่คืนไป ตอนนั้นยังไม่ตกแต่ง แต่เขาไม่ตกลง จะให้เราเช่าต่อ เราก็เลยมาคุยกันใหม่ ซึ่งตอนที่เขามีปัญหากัน เขาขอเซ็นสัญญาใหม่ เพราะสัญญาเก่าถือว่าเป็นโมฆะไปแล้ว ซึ่งจนบัดนี้ยังไม่ได้สัญญาเลย ตามหลักฐานที่บุ๋มลงในไอจี ทวงสัญญาตั้งแต่เดือนเมษายน จนถึงมิถุนายน ทวงทุกคนจริง ๆ จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้สัญญาใหม่ ไม่ใช่ว่าเราไม่อยากจ่าย แต่ถ้าทำงานบริษัทจะทราบว่า การจ่ายเช็คจะต้องมีสัญญาแนบ คือคนอยากจ่ายเดินไปหาก็แล้ว ไลน์ถามก็แล้ว เดินหาทุกคนเพื่อจะจ่ายตังค์ทำให้มันถูกต้อง จนถึงวันนี้เราก็ยังไม่ได้ แต่ปัญหาก็ยังเกิดขึ้นรายวัน เรื่องที่จอดรถ สแมชยิมพื้นที่ใหญ่ถ้าเทียบกับที่อื่นๆ เรายังไม่เคยเรียกร้องเรื่องพื้นที่จอดรถเลยว่า ควรจะได้พื้นที่จอดรถเยอะกว่า”
“เอก” เผยทนไม่ไหวเพราะโดนลูกค้าตำหนิทุกวัน
“สาเหตุที่เป็นปัญหาทุกวัน ก็คือ ผมอยู่ยิมทุกวัน ผมโดนลูกค้าตำหนิ ต่อว่าทุกวันว่าทำไมขับมาก่อน แล้วเขาไม่ให้จอด เพราะเขาเตรียมที่ให้คลาสซุมบ้า ซึ่งคลาสซุมบ้าไม่ได้มีทั้งวัน มีแค่เป็นบางช่วง ซึ่งช่วงอื่นที่ไม่ใช่คลาสซุมบ้าปกติจอดได้ ซึ่งผมไม่ได้ว่าอะไรเลย แม้ที่จอดรถมันจะเต็มมันแก้ไขไม่ได้ผมเข้าใจ แต่ผมมีที่จอดว่าง กลับไม่ให้จอด ผมเคยเดินไปยกกรวยออก จะให้ลูกค้าถอยรถเข้า”
“สำหรับคนที่ทำกิจการ เรื่องนี้มันทำให้กิจการพังได้เลย ล่าสุดเพิ่งมีลูกค้า โทร.เข้ามาตอนที่วนรถอยู่ว่า เขาบอกว่ากั๊กที่จอดรถไว้ให้ซุมบ้าอีกแล้ว ผมทำอะไรไม่ได้ ลูกค้าวนออกและกลับบ้านไปเลย คือผมปรึกษากับเขาหลายรอบแล้วแต่ไม่ได้รับการแก้ไข ซึ่งเรามีหลักฐานว่าเราไปคุยกับแม่เจนี่เรื่องหาทางออก ซึ่งเราก็คุยกับเขาดี ปรึกษาว่าจะหาพนักงานมาดูแลเรื่องรับรถมั้ย ซึ่งวันนี้เป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นมีคนมาดูแลเรื่องนี้ ขอบคุณที่มาที่นี่กัน ไม่งั้นคงไม่มีคนดูแลเกิดขึ้น ลองมาแบบที่ไม่ใช่นักข่าวสิ”
“ซึ่งก่อนหน้านี้มันมีคนดูแลเรื่องรถเฉพาะของครูหนุ่ม ที่ครูหนุ่มเป็นคนจ้างมาส่วนตัวเฉพาะคลาสเขา จริง ๆ มีลูกค้าที่มาแล้วบอกว่ามาฟิตเนสเขาบอกว่าให้หาที่จอดรถเอง อีกวันหนึ่งลูกค้ามาแล้วลองบอกว่ามาต่อยมวย คนดูแลเรื่องที่จอดรถก็บอกว่าจอดได้”
บุ๋มน้ำตาแตก! บอกเครียดทุกวัน ทนไม่ไหวขอขึ้นไอจี อยากให้หันกลับมาสนใจตนบ้าง ย้ำไลน์หาติดต่อทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ “กึ้ง เฉลิมชัย”
“ซึ่งวันนี้ที่แถลงข่าวบอกตามตรงว่าเครียดมาหลายวัน และทุก ๆ ครั้งที่ก้าวมาที่นี่ คุณรู้สึกมั้ยเหมือนคุณเช่าบ้านใครสักคนหนึ่ง แล้วคุณเดินเข้าอาคารโดยที่ไม่รู้ว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้น มันเครียดมาก แล้วมันก็เริ่มไม่ไหวแล้วด้วย (น้ำตาคลอ) และบุ๋มก็ไม่อยากร้องไห้ด้วยเดี๋ยวจะหาว่าดราม่ากัน ซึ่งที่วันนี้ เราอยากจะแก้ปัญหาจริง ๆ เราติดต่อคุณแล้วทุกวิถีทาง เลยตกลงกันว่าขึ้นไอจีเถอะไม่ไหวแล้ว ทำอย่างไรก็ได้ ให้ได้แอ็กชั่นกลับมา ขอให้เขาสนใจเราบ้าง มาคุยกับเราบ้าง”
“ซึ่งล่าสุดมีลูกค้าเคยเห็นเหตุการณ์ว่าบุ๋มเข้าไปคุยกับแม่เจนี่ สถานที่เดียวกันกับที่ปล่อยคลิป เคยเข้าไปคุยแล้ว คุยดี คุยสุภาพด้วย แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไขไม่รู้ทำไม ที่วันนี้มาอกมาพูดเพราะมันมีคลิป แล้วบุ๋มรู้สึกเสียใจ และทราบว่าทาง ไหนวันวันต้องทราบด้วย เพราะมันคือกล้องวงจรปิด ลูกค้าเราเคยมีปัญหาเรื่องกันชนรถพัง ขอไปดูกล้องวงจรปิดเขาไม่ให้ดู เขาบอกดูไม่เป็น ดังนั้นถ้าจะบอกว่าไม่รู้เรื่องคงไม่ได้แล้ว จริง ๆ บุ๋มเสียใจเพราะคนที่เจอหน้ากัน ทำไมไม่เดินมาคุย ไม่เดินมาเคลียร์ บุ๋มถึงขนาดไลน์หาทุกคน แม้กระทั้งคุณกึ้ง (เฉลิมชัย มหากิจศิริ) แต่กลายเป็นว่าเขาเงียบตลอดเลย แล้วอย่างในคลิปปิดเสียงทำไม อยากให้คุณเอกเล่าให้ฟังเองมากกว่า”
“เอก” ยันพยายามต่อสู้เพื่อสิทธิลูกค้า และไม่ได้ทำร้ายร่างกายอีกฝ่าย
“คือ วันนั้นมีคลาสซุมบ้า ผมรู้เลยว่าคนเยอะ ลูกค้าฟิตเนสเลิกเล่นประมาณทุ่มหนึ่ง แต่คลาสซุมบ้าเริ่มทุ่มครึ่ง ลูกค้าเราเล่นเสร็จตอนทุ่มหนึ่ง สองรายออกไปกลับบ้าน บอกว่ากลับไม่ได้ เพราะว่ารถจอดอยู่ข้างใน ซึ่งผมมองว่าลูกค้าซุมบ้ายังไม่ได้เข้าคลาสเลย ผมมารู้ทีหลังว่าทางเขาเก็บกุญแจไว้ แต่ทางเขาเลื่อนไม่ได้เพราะไม่มีคนเลื่อน ผมเลยโมโห แต่ไม่ได้ทำร้ายร่างกายเขา เพราะเขาบอกลูกค้าผมว่า สองทุ่มครึ่งค่อยกลับบ้าน ก็พูดกับเขาว่าทำไมรับลูกค้าถึงพูดจาไม่ดี ทำไมให้ลูกค้ารอตั้งนาน มันไม่ถูก”
“ไม่มีอเวนิวที่ไหนหรอกเรียกให้ผู้เช่าออกไปยืนโบกรถ เพราะเขาเคยบอกว่าเป็นลูกค้าฟิตเนสหรือ ไปเรียกฟิตเนสมาโบกเหนื่อยแล้ว เขายอมรับว่าพูดจริง ในคลิปน่าจะมีเสียงอยู่ ผมก็บอกว่าคุณพูดไม่ดีกับลูกค้า แล้วจะให้ผมพูดดีกับคุณหรือ ผมเลยโกรธตามที่เห็นในคลิป คือเราพยายามสู้เพื่อลูกค้า”
ปรี๊ด!! สร้างเรื่อง “เอก” ทำร้ายร่างกาย ซัดทำไมต้องโกหกทำให้ธุรกิจเสียหาย
“สิ่งที่เสียใจคือทำไมต้องทำคลิปแบบนี้ออกมา และมีการส่งให้นักข่าว เมื่อวานบุ๋มได้คุยนักข่าวสื่อหนึ่ง บุ๋มพยายามถามข้อความให้ชัดเจนว่าเป็นใครกันแน่ที่ส่งคลิปมา ทางสื่อบอกว่าต้องปิดแหล่งข่าว แต่เท่าที่ทราบ เขาบอกว่านักข่าวก็บอกว่ามีคนส่งคลิปมาให้ แล้วก็เล่าเหตุการณ์ว่าคุณเอกทำร้ายร่างกายผลักจนกระเด็นอย่างที่เห็น และมีการไปแจ้งความที สน. ดีนะที่ โทร.ไปเช็กที่สน. ไม่มีการแจ้งความแต่อย่างใด”
“บุ๋มก็รู้สึกว่าทำไมต้องโกหกนักข่าวขนาดนี้ ซึ่งเนื้อหาในข่าวที่บอกว่าเราค้างค่าเช่า 3 เดือน ไม่จ่ายค่าส่วนกลาง ไม่จ่ายค่าที่จอดรถ ซึ่งจะพิจารณาให้ไม่ต่อสัญญา ถามว่าสัญญาอะไรทุกวันนี้ยังไม่ได้สัญญา และไม่ได้สัญญาจะไปจ่ายค่าเช่าได้อย่างไร และค่ามัดจำที่จ่ายไปแล้วเราไม่ได้มีเจตนาหนีอะไรเลย อยู่ก็อยู่นี่ เงินก็เตรียมไว้ตลอด ทวงสัญญาก็ไม่ให้ จริง ๆ ต้องบอกว่าการให้ข่าวแบบนี้มันเสียหายต่อธุรกิจของเรา และเสียหายต่อภาพลักษณ์ของเรามากด้วย”
“และประเด็นที่เขาบอกว่า เรื่องที่ว่าสแมชยิมเปิดซุมบ้าซ้ำซ้อน ไหนล่ะคลาสซุมบ้า ให้ลองไปดูในแฟนเพจหรือถามลูกค้าก็ได้ เราไม่มีคลาสซุมบ้าเลย จริง ๆ ต้องบอกว่าฟิตเนสเรามีก่อนคลาสของเขา เพราะตอนแรกเขาจะทำเป็นเทควันโด ซึ่งเราก็มีห้องไว้สำหรับเปิดคลาสเหมือนกัน แต่ต้องดูก่อนว่าทางนั้นจะเปิดคลาสอะไร จะได้ไม่ชนกัน แต่จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่บอกว่าจะเปิดคลาสอะไร เราเลี่ยงทุกอย่าง เรายอมถอยทุกอย่างเราทำให้ทุกอย่างแล้วคุณมาบอกว่าเปิดคลาสซ้ำซ้อน อ้าว มาบอกว่าเรามาค้างค่าเช่าจะไล่ออกไม่ต่อสัญญา”
งงแทนที่จะเอื้อกันเรื่องผลประโยชน์ กลับมองเป็นศัตรูกัน
“การให้ข่าวแบบนี้พูดตามตรงมีไม่กี่คนที่รู้เรื่องถูกไหมคะ และเราก็รู้ด้วยว่าใครเป็นคนพูดเราถามสักคำกลับขอร้องล่ะค่ะ ทำเพื่ออะไร ทำกันขนาดนี้เพื่ออะไรทำไม การทำธุรกิจมันน่าจะช่วยดูแลลูกค้ากันไม่ใช่เหรอ ที่เราตั้งใจตั้งแต่แรกมันคือการทำธุรกิจเพื่อเสริมกันและกันไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมต้องมามองเป็นศัตรูทำคู่แข่ง วันนี้สิ่งที่ต้องการก็คือทำข้อตกลงกันค่ะ สัญญามาเลยก็ได้วินาทีนี้ก็ได้จะจ่ายตังค์ให้ทันทีทำตามขั้นตอนให้ถูกต้อง”
เอก : “ถ้ามีสัญญามาผมจะจ่ายให้เลยสามเดือน แค่เอาสัญญามา เรารอสัญญามานานมาก”
บุ๋ม : “เราแค่อยากถามว่าลูกหนี้ที่ไหนเป็นคนทวงคุณเคยเห็นไหมอ่ะ เนี่ยอีเนี่ย (ชี้ที่ตัวเอง) แต่ทีนี้ต่อให้หลาย ๆ คนจะมาด่าบุ๋มว่าโอ้ย ออกมาโวยวายทำไม ไม่ไฮเลย ตลาดๆค่ะ ก็ตลาดแบบนี้แหละค่ะ”
เอก : “มันเหลือทางสุดท้ายแล้วไม่รู้จะทำยังไง”
พ้อเครียดมากจนเป็นลม ยื่นคำขาดขอแค่ค่าก่อสร้างคืน 3 ล้านแล้วจะไป ไม่เอาค่าตกแต่งสักบาท ลั่นมองหน้ากันไม่ได้อีกแล้ว
บุ๋ม : “แล้วไงเพราะคุณเห็นจากหลักฐานแล้วใช่มั้ยว่าเราถามทวงทุกหนทางจริง ๆ จะเดินหน้ากันแล้วไงจะเอาไงว่ามา แต่ ณ วันนี้คุณเล่นปล่อยคลิปออกมาจงใจขนาดนี้ บุ๋มขอยื่นคำขาดเลยว่าขอแค่ค่าก่อสร้างมาเหอะ ขอแค่ค่าก่อสร้างมาเราจะย้ายออก 3 ล้านบาท ค่าตกแต่งเราไม่เอาสักบาท มันอยู่ไม่ได้แล้วจะมองหน้ากันยังไง จะดูแลลูกค้ายังไง เราทำงานตั้งแต่ 7 โมงเช้า จน 5 ทุ่มสำหรับยิมนี้เราดูแลลูกค้าเหมือนครอบครัว บุ๋มเข้าไปเล่นทุกฝั่งเหมือนพี่น้องบุ๋มไว้ใจ บุ๋มไว้ใจเขา บุ๋มไปนั่งกินข้าวกับเขาบุ๋มไว้ใจเขา แต่เขาทำแบบนี้มันคืออะไร บุ๋มไม่เข้าใจ บุ๋มเครียด บอกตามตรงบุ๋มเป็นลมไปเลยบุ๋มไม่เคยเป็นลมมาก่อนในชีวิต”
เอก : “คือ ต้นเหตุเรื่องจริง ๆ ผมทนไม่ไหวจริง ๆ เรื่องการรับลูกค้าครับ แค่นั้นแหละจริง ๆ นะคือเรื่องอื่นมันตามมาทีหลัง คือ เรื่องการรับลูกค้า ลูกค้ามาบ่นบ่อยมากมาบ่นทุกวันทำไมคนรับรถเขาเกลียดเราเหรอ ทำไมพอมีคลาสรุมบ้าปั๊บรถเปิดกระจกเขาจะถามทุกครั้งว่ามาทำอะไรถ้าบอกว่ามาฟิตเนสทำไมเขาไม่ค่อยต้อนรับ ทำไมว่าบอกมาคลาสอื่นเขาต้อนรับดี ผมก็ตอบลูกค้าไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงไม่ต้องรับ อันนี้เป็นคำที่ลูกค้าเขาพูดออกมานะครับว่า ลูกค้าเจอว่ามาฟิตเนสเหรอหาที่จอดรถเอง หรือมีคนลูกค้าแจ้งว่าคนในคลิปเหวี่ยงใส่เขามาฟิตเนสเหรอ ไปเรียกคนในฟิตเนสมาโบกเอง คือ วันเดียวกันสี่ห้าคนมาพูดกับผมอย่างนี้”
บุ๋ม : “ขอโทษจริง ๆ บุ๋มเครียดมากไป”
เอก : “คือ เรื่องที่จอดรถหรืออะไรผมไม่ซีเรียสเลย คือ บอกที่จอดรถเต็มนะครับ พี่รบกวนช่วยเหลือตัวเองยังงี้ คือทำไมต้องพูดจาไม่ดีต่อลูกค้าเรา แต่ที่งงก็คือหลังจากในคลิปที่คุณเห็นกันเขาก็มานั่งคุยกับเอกดี ๆ ผมเป็นคนนั่งคุยเองผมเป็นคนยกมือขอโทษเขาในคลิปถ้ามีต่อจะเห็นว่าผมยกมือขอโทษเขา ที่ผมโกรธใส่มีลูกค้าพิมพ์ด้วยว่าเห็นผมไปนั่งคุยกับเขาดี ๆ”
บุ๋ม : “แล้วเราก็เล่าเรื่องที่บ้านเขาว่าเขามีธุรกิจส่วนตัวไม่จำเป็นต้องมาเหนื่อยขนาดนี้ก็พูดดีกันแล้ว แล้วทำไมจู่ ๆ คุณมาตัดคลิปแค่นั้นคุณมาทำรายชื่อเสียงที่บุ๋มทำ”
เอก : “วันที่นั่งเคลียร์กัน มีประโยคว่าตอนแรกผมไม่รู้ว่าเขาเป็นใครผมก็สอบถามว่าเขาทำตำแหน่งอะไร เขาบอกเขาไม่ได้เป็นลูกน้องเขาเป็นเพื่อนที่นี่ผมเลยบอก อ๋อ โอเคผมขอโทษที่ผมพูดจาไม่ดีด้วย แต่ทำไมเลื่อนรถลูกค้าไม่ได้ เขาบอกว่ามันไม่มีคนเลื่อนแต่เขาเก็บกุญแจไว้ แต่ผมถามลูกค้าเขาบอกให้รอถึงสองทุ่มครึ่งผมก็เข้าใจ เขาบอกให้มาช่วยแก้ปัญหาที่จอดรถ ผมเลยบอกว่ามันแก้ไม่ได้หรอกที่จอดมันเต็ม ผมขอแค่อย่างเดียวทำไมไม่พูดดี ๆ กับลูกค้าผมพูดแบบนี้นะ”
บุ๋ม : “ก่อนหน้าที่คุณเอกจะเข้าไปเคลียร์บุ๋มก็เคยเข้าไปคุยกับเขานั่งคุยกับเขาเลย บอกเขาว่าคนเรามันเหนื่อยกันได้นะทำงานเนี่ย ถ้าไม่ไหวก็พัก แต่งานบริการบางทีมันต้องระวังมันไม่ใช่จะเอาอารมณ์มาลงได้ ถ้าเหนื่อยก็พักแล้วเอาคนอื่นมาแทน ก็ไม่รู้ มาช่วยกันทำอย่างนี้บางทีก็มันก็เกินมือของเรา เราก็ได้แต่เลี่ยงลูกค้า ลูกค้าก็ขอบคุณมากที่คุณยอมมาหลังสี่ทุ่ม”
เอก : “ผมแจ้งด้วยนะว่าทางโน้นโกรธที่เรายังไม่จ่ายค่าเช่ารึเปล่า ผมถามเขาเพราะว่าเรารอสัญญานะคุณรู้เรื่องมั้ย เขาบอกไม่รู้เรื่องอะไรเรื่องการเงินเขาไม่รู้ ขนาดผมบอกแล้วนะยังให้ข่าวแบบนี้อีกว่าเราไม่จ่ายค่าเช่ายกเลิกสัญญา ผมก็ เอ้า”
พร้อมเจรจาทุกวินาที ซัดจ่ายมาสิ 3 ล้านแล้วจะไป
บุ๋ม : “คือ ถ้าเขาจ่าย 3 ล้านค่าโครงสร้างค่าตกแต่งไม่เอาสักบาท คุณก็เห็นทั้งหมด หลอดไฟ ตั้งแต่มีปัญหาทุกอย่างเราไม่เอา เราอยากหนีแล้ว พร้อมจะเจรจาตลอด”
เอก : “คือ สำหรับตัวผม ผมยังไงก็ได้แค่คุยเพื่อแก้ปัญหาจริง ๆ สักทีได้มั้ย ผมคุยหลายรอบมากคุยจนแบบเจนี่มาเล่นยิมผมมาจ้างเทรนเนอร์ยิมผม ผมเรียกเจนี่เข้าไปคุยส่วนตัว เจนี่คุยดีนะครับ เจนี่คุยดีมาก คุยเข้าใจว่าปัญหาเกิดอะไร แต่เขาไม่ได้เข้ามาดูแลเต็มตัวเขาบอกว่าจะพยายามให้คุณหนุ่มจัดการเอง แต่เป็นเดือนแล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยเหมือนเดิมแก้ไขอะไรไม่ได้เหมือนเดิม”
บุ๋ม : “คือ ถ้ามานั่งคุยกันตกลงกันมันจะไม่มีปัญหาแบบนี้ แต่นี้คือเขาไม่คุย”
เอก : “เขาไม่ได้เลี่ยงไม่ได้หนีแต่ว่าคงไม่ว่างหรือคิดว่ามันไม่สำคัญหรืออะไรไม่รู้”
บุ๋ม : “คำตอบอย่างเดียวคือ เขาบอกว่ารอทนายจากคุณกึ้งเท่านั้นเขาเป็นคนร่างสัญญา”
เอก : “แต่เรื่องปัญหาก็คือเรื่องรอแก้ไข ปัญหาวันนี้ผมมายิมตั้งแต่เช้าลูกค้าบอกสู้ ๆ นะ ผมก็เคยโดน สู้ๆนะแฟนผมก็เคยโดนคือแบบ”
บุ๋ม : “ลูกค้ามาสารภาพกับเราเพียบเลย”
โบ้ยอีกฝ่ายคงอยากถึงจุดแตกหัก บอกแทนที่จะมาช่วยกันแก้ปัญหา กลับต้องมาเกลียดกัน
บุ๋ม : “คงเป็นเรื่องของฝั่งนั้นแล้วล่ะค่ะว่าจะยังไง คือ จุดหนึ่งที่เราโดนปล่อยคลิปออกไปเพื่อทำลายกันแบบนี้ ให้นักข่าวทำลายเราแบบนี้”
เอก : “คือ ทางเราเรื่องแรกที่บุ๋มโพสต์คือทางเราถามบุ๋มว่าโพสต์มั้ย โพสต์เถอะให้เขาตอบมาบ้าง ให้เขาคุยกับเราแก้ปัญหากับเรา แล้วรูปนั้นผมเป็นคนถ่ายเองไม่ได้ถ่ายวันนั้น ถ่ายสักเดือนที่แล้วมั้ง กลับกลายเป็นว่าเอาคลิปมาปล่อยกลับโต้ตอบแนวนั้นซะงั้น ไม่ได้กะจะแก้ปัญหา แต่เกลียดกันซะงั้น”
มั่นใจไม่ใช่วิธีบีบไล่ที่ เชื่ออีกฝ่ายคงงานยุ่ง ไม่เข้าใจทำไมต้องบิดเบือน ถามแล้วจะฟ้องตนกลับเรื่องอะไร
เอก : “ผมไม่คิดว่าเขาบีบผมคิดว่าเขางานยุ่ง คือ ทนายที่เขาทำเขาอาจจะมีงานอื่นเยอะผมไม่คิดว่าเขาเลี่ยงนะ ก็โอเคไม่เข้าใจว่าเข้า 3 เดือนแล้วทำไมไม่ได้สักที”
บุ๋ม : “สิ่งที่ไม่ชอบคือทำไมให้ข่าวบิดเบือนขนาดนั้น นี่คือ สิ่งที่อยากแถลงตรงนี้ ถามว่าต้องฟ้องกันมั้ย มีข่าวว่าทางนั้นจะฟ้องร้องเรา คือจะฟ้องร้องเรื่องอะไร”
เอก : “ทุกวันนี้ทุกคนยังไม่รู้เลยว่าจะฟ้องร้องเรื่องอะไร”
บุ๋ม : “ไม่รู้จะฟ้องร้องเรื่องอะไร มีอะไรก็มาคุยกันสิ คุณก็มีปัญหาฉันก็มีปัญหาทำไมไม่คุยกัน คือมาตั้งแง่บุ๋มว่ามันไม่สนุก ฟ้องเรื่องอะไรเราต้องฟ้องคุณกลับใช่ไหม”
เอก : “ที่ผมมองคือจะฟ้องเรื่องอะไรเราไม่ได้ผิดสัญญา สัญญายังไม่มีเลย”
บุ๋ม : “คือเราไม่ได้อยากมีปัญหาอะไรเลย แต่ตัดต่อคลิปแบบนี้เราเสียหาย”
ทุกอย่างจบแน่ แค่เอาเอกสารออกมา และขอให้ปรับปรุงการรับรถลูกค้า
เอก : “คือถ้าเขามาคุยดี ๆ ยอมปรับปรุงเรื่องของการพูด ผมขอให้ปรับปรุงการรับลูกค้าเท่านั้น”
บุ๋ม : “ทำสัญญาออกมาซะ”
เอก : “อย่างน้อยเป็นลายลักษณ์อักษร ที่พูดจาไม่ดีกับลูกค้าเรา สองมาตรฐานการรับรถ ก็โอเคก็อยู่ได้ ขอแค่ทำสัญญาออกมาเราก็จ่ายค่าเช่าปกติ ไม่ใช่เรื่องจอดรถคือการรับลูกค้าเรากับสัญญาที่ยังไม่ได้”
บุ๋ม : “คือ มันแบ่งเป็นสอง คือ ตามจริงสัญญามันไม่ได้เป็นปัญหานะเพราะเอามาแกล้งอย่างนี้ไง ว่าไม่จ่ายตังค์หรือจะไล่ออกเลย เอามาชี้แจงว่าเรายังไม่ได้สัญญา ตอนแรกเรื่องสัญญามันไม่ได้เป็นปัญหา แต่ถ้าเขาเกิดเป็นปัญหาหรือเปล่าที่เราไม่จ่ายค่าเช่าเขา”
แฉสอบถามทุกฝ่ายแต่ไม่มีใครให้คำตอบ ย้ำถ้าไม่ชอบขี้หน้า จ่ายค่าก่อสร้างมาเดี๋ยวจะย้ายออกให้
เอก : “ทุกวันนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าอำนาจเด็ดขาดที่ต้องคุยคือใคร แต่เห็นคุณแม่เจนี่อยู่ทุกวัน คอยบริหารจัดการข้างในทุกวัน เจนี่มานาน ๆ ครั้ง แต่พอเราสอบถามเจนี่ เจนี่ก็ขัดคุณแม่ไม่ได้ พอถามคุณแม่ คุณแม่ก็ให้คำตอบไม่ได้ สอบถามผู้ดูแลที่ดูแลเรื่องทนายและการบริหารก็งานยุ่งไม่ตอบ ติดต่อไม่ได้ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง ทุกวันนี้เป็นเรื่องเขายังไม่ติดต่อมาเลย เหมือนรอผลกลับมาก็ยังไม่มี ผมบอกตรง ๆ ถ้าเขาไม่ชอบเรา ก็จ่ายค่าก่อสร้างมา แล้วเดี๋ยวเราย้ายให้ คือเราไม่ซีเรียสเลยครับ”
บุ๋ม : “เขาโบ้ยกันไปมา”
เอก : “เรื่องย้ายออกมันกำหนดไม่ได้หรอกครับ ถ้ามองในแง่ธุรกิจ เขาก็เสียโอกาสที่ยังไม่ได้สักที เขาอาจจะไม่ชอบฝั่งเราไปแล้วแหล่ะ เพราะว่ามันมีเรื่องกันแล้วเขาต้องทนเห็นหน้าฝั่งเราไปตลอดทุกวันเหรอ แล้วเราต้องอยู่เห็นหน้าฝั่งเขาไปทุกวันเหรอครับ”
“ที่ตรงนี้เป็นของบุคคลภายนอก บุคคลที่สามแต่คนที่มาเจอที่คนแรกเป็นท็อป ท็อปมาปรึกษาผมว่าเอามั้ยตรงนี้ ผมก็ได้ส่งทนายไปช่วยเขาเจรจาตอนเซ็นสัญญาครั้งแรก โดยที่มีเจนี่ร่วมด้วย ตอนแรกไม่ได้มาดูแลเรื่องงานเท่าไหร่ปล่อยให้ท็อปเป็นคนทำคนเดียว แล้วท็อปก็มาคุยกับผมสองคน พอเช่าเสร็จก็เกิดปัญหาอย่างที่ว่า”
ยัน “เจนี่” ไม่ใช่เจ้าของที่ ส่วนบุ๋มเป็นหุ้นส่วน ฝากบอกเจนี่ถอยให้ทุกอย่าง นี่คือสิ่งตอบแทนเหรอ?
เอก : “เจนี่ไม่ใช่เจ้าของที่นะครับ”
บุ๋ม : “ที่ผ่านมา การทำธุรกิจ เราแค่อยากจะเริ่มธุรกิจ บางทีมันมีปัญหาอะไรหลายอย่างเกิดขึ้น ซึ่งปัญหาเรื่องของหุ้นส่วนคุณต้องไปสอบถามด้านเจนี่เอาเองว่ามีปัญหาอะไร เราไม่อยากไปแตะเรื่องนั้น ทั้งที่เราเองก็ได้รับผลกระทบเยอะเหมือนกัน เพราะเราก็เป็นหนึ่งในหุ้นส่วน แล้วที่ผ่านมาบุ๋มยอมถอย อันนี้ขอฝากข้อความไปถึงด้วย บุ๋มยอมถอยทุกอย่าง คุณอยากได้อะไร อยากให้เราเอาเคาน์เตอร์มาอยู่ด้านใน อยากได้กำแพงด้านนอกของเราไป อยากได้ระเบียง บุ๋มยอมให้หมดทุกอย่าง แต่นี่คือสิ่งที่เราได้ตอบรับเหรอ คือการอยู่เฉยๆ ไม่ตอบกลับเหรอ”
เอก : “เราก็หวังว่าจะได้อะไรตอบกลับสักด้านหนึ่งครับ”
ฝากบอกแฟนคลับ-ทีมเผือกอย่าใช้คำรุนแรงด่าเจนี่ แยกเรื่องธุรกิจกับเรื่องส่วนตัว
บุ๋ม : “คาดหวังอย่างหนึ่งคือขอฝากไปถึงแฟนคลับของทางฝั่งบุ๋มเอง หรือไม่ใช่แฟนคลับของทั้งสองฝ่าย ฝากถึงทีมเผือกหรืออะไรก็ตาม อย่าใช้คำรุนแรงกับน้องเจนี่ค่ะ”
เอก : “เรื่องชีวิตส่วนตัวไม่เกี่ยวกับเรื่องธุรกิจนะครับ อย่าเอามาก้าวก่ายกัน”
ยกมือไหว้ขอ!! อยากเดินหน้าธุรกิจ อย่าทำร้ายกันมากไปกว่านี้
บุ๋ม : “บุ๋มไหว้ล่ะ (ยกมือไหว้) ขอร้องแทนน้องเลยค่ะ บุ๋มรู้จักกับน้อง ที่ต้องการออกมาแค่อยากลุยเรื่องธุรกิจให้มันเดินหน้าเท่านั้นเอง เรื่องส่วนตัวทุกคนมีกันหมดค่ะ ดังนั้น อย่าทำร้ายมากกว่านี้ แค่นี้มันก็เป็นเรื่องกันอยู่แล้ว แล้วอีกอย่างหนึ่ง อยากจะให้แฟนคลับของแต่ละฝ่ายใจเย็นๆ อย่าเพิ่งเขียนอะไรไปไกล วันนี้คงจะได้ตอบคำถามหลายๆ คำถาม อย่างคำถามที่ว่าลงทุนทำไม เกิดอะไรขึ้น”
เอก : “ทำไมถึงสร้างโดยที่ไม่มีสัญญา คือมีสัญญาเก่า แต่สัญญาเก่าเขาถือว่าโมฆะไปแล้ว แต่เขาไปเซ็นสัญญาเช่าอันใหม่ เลยขอเปลี่ยนสัญญากับเรา สัญญาใหม่เรายังไม่ได้ แล้วที่ถามทำไมถึงคุยกันเองไม่ได้ คือคุยแล้วครับ คุยทุกอย่างแล้ว ถามว่าทำไมยังไม่ชำระเงินค่าเช่า คือเรายังไม่ได้สัญญาใหม่ แต่ค่ามัดจำเราจ่ายแล้ว ไปดูในไอจีบุ๋มได้ แต่ว่าค่ามัดจำนั้นเอาไปหักกับค่าที่ เขาซื้อระเบียงคืนด้วย ก็เลยเหลือแค่นั้น ส่วนเรื่องคลาสเต้นที่เราซ้ำกับเขา ไม่ซ้ำครับ ดูคลิปในแฟนเพจได้ เราถ่ายตัวอย่างทุกคลิป ไม่มีการซ้ำเด็ดขาด เพราะเราเห็นใจอยู่แล้วคนทำธุรกิจข้าง ๆ กัน จะมาทำอะไรเหมือนกัน เพื่อแย่งเขามันทุเรศไป”
“บุ๋ม” รับกลัวแล้ว! ไม่สนิทใจกับ “เจนี่-แม่เจนี่” ไม่รู้อีกฝ่ายจะทำอะไรต่อไป
เอก : “ลูกค้าไม่ได้หายครับ เพียงแต่ว่าเราบริการลูกค้าเหมือนคนในครอบครัว ผมอยู่ทุกวัน ต้อนรับทุกวัน ผมให้คำตอบลูกค้าไม่ได้เวลาที่เขาโดนกันที่จอดรถ เวลาโดนคนรับรถพูดจาไม่ดีใส่ ผมแก้ไม่ได้ ผมไม่มีอำนาจ มันรู้สึกแย่ครับ”
บุ๋ม : “ถามว่าจะสนิทใจกับเจนี่ แม่เจนี่มั้ย (ยิ้ม) กลัว ขอใช้คำว่ากลัวดีกว่า เพราะบุ๋มไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรต่อ”
เอก : “ถ้าพูดตามตรง ถ้าเป็นคนสามัญปกติ ตอนช่วงที่ทะเลาะกัน เขาต้องไม่ชอบหน้ากันอยู่แล้วครับ ถ้าเกิดเคลียร์ปัญหากันได้ เขาก็จะดีกันได้เหมือนเดิม เหมือนเด็กผู้ชายต่อยกันหลังทะเลาะกันเสร็จก็ดีกันเหมือนเดิม แต่ตอนนี้มันมีปัญหากัน มันเป็นปัญหาธุรกิจ ไม่ใช่ปัญหาส่วนตัวแค่นั้นเอง”
“อย่างที่ผมบอกว่ามันมีปัญหาแค่ธุรกิจครับ ถ้าเคลียร์ปัญหาธุรกิจได้ ผมอยู่ได้ เพราะผมโกรธแค่เรื่องธุรกิจ ไม่ได้โกรธที่เขาทำอะไรอย่างอื่นกับผม ผมโกรธแค่ว่าคุณทำไมทำกับลูกค้าผมอย่างนี้”
บุ๋ม : “ที่ผ่านมา อะไรเรายอมได้เราก็ยอมอยู่แล้ว เราถึงว่าเราทำธุรกิจร่วมกัน ที่ผ่านมา ทำไมบุ๋มไม่เคยบอกเลยว่าบุ๋มเริ่มต้นเป็นหุ้นส่วน ทุกคนเพิ่งรู้ด้วยซ้ำวันนี้ใช่มั้ยคะว่าเป็นหุ้นส่วน นั่นเพราะว่าถ้าเกิดเจนี่สามารถดึงลูกค้ามาได้ ก็โอเค ไม่เป็นไร ที่ผ่านมาเขาไม่เคยจะมาช่วยโปรโมตฝั่งนี้ไม่เป็นไร แต่อย่างน้อยอย่าทำร้ายกันสิ ขอแค่นี้อย่าทำร้ายกันเลย อย่างล็อกเกอร์คุณออกไปดูได้เลย มีคนพูดถึงว่าเราเคี่ยว จริง ๆ แล้วล็อกเกอร์เราเป็นคนซื้อเองทั้งหมดนะคะ”
เอก : “ฝั่งโน้นมาขอซื้อไป 4 ตู้ เราแจ้งแล้วนะว่าเวลาลูกค้ามาออกกำลังกาย เขาต้องการล็อกเกอร์ จะซื้อเพิ่มอีกมั้ย เขาบอกไม่เอาแค่นี้พอแล้ว แล้วพอลูกค้าที่ไม่ใช่ของยิมมาใช้ล็อกเกอร์ คือกุญแจมันจะมีตะขอให้เกี่ยว แต่เขามาล็อกกุญแจ ผมก็ต้องเตือนเขา เขาห้ามลูกค้าไม่ได้กันหลายรอบ ผมก็ต้องเก็บค่าปรับ ค่าใช้กันหลายรอบ เพราะมันเป็นตู้ของลูกค้าเรา ถึงได้เขียนป้ายเตือน ใช้ผิดโดนปรับ200 เป็นค่ารายวันที่นี่ กลับกลายเป็นว่าโดนหาว่าเราเคี่ยว เราไม่ได้เคี่ยว มันเป็นของพื้นที่เรา คนเป็นสมาชิกเราถึงใช้ได้”
บุ๋ม : “ถามว่าแผนสำรองมีมั้ย บุ๋มไม่รู้ บุ๋มถึงถามว่าใครรู้จักฝั่งนั้น เป็นผู้ใหญ่ที่ฝั่งนั้นเกรงใจ ช่วยคุยกับเขาให้หน่อยค่ะ บุ๋มพยายามแล้วค่ะ ไม่ใช่ไม่พยายาม ลงไอจีคือสุดติ่งแล้วแหละ เพราะไม่มีสัญญาณตอบรับ มันถึงขีดสุดแล้ว ดังนั้น ใครก็ได้ช่วยที บุ๋มขออย่าทำกันอย่างนี้เลย”