“แอน กรุณา” เปิดใจถึงชีวิตบัดซบ อ้วนจนบ้า เกิดภาวะฮอร์โมนเพศชายมากกว่าเพศหญิง ส่งผลให้เมนส์ทะลัก 24 ชม. ไหลอย่างกับท่อประปาแตกอยู่เป็นปี เกือบไหลตายหยุดหายใจขณะนอนหลับ ตัดสินใจลดน้ำหนักตั้งเป้าจะผอมเท่า อั้ม พัชราภา
เคยเป็นสาวอ้วนที่มีน้ำหนักถึง 150 กิโลกรัม แถมยังมีความสุขกับการกินไม่คิดจะลดน้ำหนัก เพราะที่ได้ดีเป็นดารามีเงินใช้ทุกวันนี้ก็เพราะความอ้วนไขมันส่งเสริมทั้งนั้น แต่ล่าสุด “แอน กรุณา มอริส” ก็ได้ออกมาเปิดเผยชีวิตบัดซบเพราะความอ้วน เคยกินยาลดน้ำหนัก จนหลอนเกือบจะตีแม่ นอกจากนั้นแล้วก็ยังประสบภาวะฮอร์โมนเพศชายสูงกว่าเพศหญิง ทำให้ประจำเดือนไม่ปกติ เคยเป็นประจำเดือนทุกวันอยู่ 1 ปี แถมเป็นชนิดรุนแรงต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยทุกครึ่งชั่วโมง ทำเอาเจ้าตัวอยากตาย ล่าสุดก็เกือบไหลตายเพราะเกิดการหยุดหายใจขณะนอน ส่งผลให้เจ้าตัวตัดสินใจลดน้ำหนักอย่างจริงจัง และเล่าประสบการณ์ชีวิตเฉียดตายไว้เป็นอุทาหรณ์สำหรับสาวอ้วน
“ปกติแอนไม่ได้อ้วนตั้งแต่เด็กค่ะ แต่พออายุ 9 ขวบอยู่ดีๆ น้ำหนักก็ขึ้นมาเป็นสิบๆ โลภายในปีเดียว อ้วนขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ เพราะเราก็กินเล่นตามปกติเหมือนเด็กทั่วไป ไม่ได้กินเยอะหรือผิดปกติอะไรเลย ตอนนั้นอยู่ขอนแก่นหมอก็ส่งมาโรงพยาบาลจุฬา ก็มีการเจาะฮอร์โมนตรวจฮอร์โมน ซึ่งการอ้วนนี่มันมีหลายแบบ อ้วนจากกรรมพันธุ์ อ้วนจากการกิน ซึ่งจริงๆ มันมีการอ้วนจากฮอร์โมนผิดปกติด้วย”
“บางคนไม่ได้กินอะไรเลยแต่มันอ้วนๆ คนก็มักจะถากถางว่า ก็มึงแดกเข้าไปสิ แ-กเข้าไปเยอะๆ ถึงได้อ้วน ซึ่งจริงๆ ถ้าฮอร์โมนผิดปกติไม่กินก็อ้วนค่ะ พอไปตรวจแล้วปรากฏว่าแอนเป็นโรคที่ระบบต่อมใต้สมอง ซึ่งมันสามารถผิดปกติได้แบบทั้งกรณีที่สูงไม่หยุดและอ้วนไม่หยุด คือสูงขึ้นไปเรื่อยๆ กับอ้วนไปเรื่อยๆ เป็นเรื่องของระบบการเผาผลาญและฮอร์โมนเพศด้วย ระบบต่อมใต้สมองมันจะควบคุมทุกอย่าง เราโชคดีที่ไม่สูงแต่โชคร้ายที่เราอ้วน”
“การรักษาก็คือจะต้องผ่าตัดต่อมใต้สมอง ซึ่งเมื่อ 30 ปีก่อนการผ่าตัดสมองนี่มันเป็นเรื่องน่ากลัว ครอบครัวก็เลยไม่ให้ผ่า ก็เลยทำให้อ้วนมาเรื่อยๆ จนอายุประมาณ 15 เพื่อนๆ เราสวยหมดเลย เราก็อิจฉาเพื่อนเธอผอมสวยจัง น้ำหนักตอนนั้นเราก็ปาเข้าไปร้อยกว่าโลแล้ว ทำให้เราตัดสินใจอยากมาหาหมอที่จุฬาเพราะอยากผอม อยากที่จะมาผ่าต่อมใต้สมองอยากสวย แต่ปรากฏว่าเราโตมากเกินไปสมองมันสมบรูณ์หมดแล้วผ่าไม่ได้”
“พอผ่าไม่ได้ทำไงล่ะทีนี้ก็คนมันอยากผอม ก็เลยไปหาหมอคนหนึ่งที่ขอนแก่นนี่แหละ หมอคนนี้ดังมากเลย ยาเขาดีมากเลย ใครมากินยาเขาก็ต้องผอม หมอเขาก็จัดยาให้เป็นชุดๆ และก็บอกว่า ห้ามกินอันนั้นอันนี้ เราอยากผอมก็ทำตามหมดเลย ปรากฏว่า 1 เดือนลดไป 12 กิโล ตอนนั้นเราจะไม่หิวไม่กินอะไรเลย คอแห้งปากแห้งอยากจิบแต่น้ำ หัวใจก็หวิวๆ เห็นอะไรก็หงุดหงิดขวางหูขวางตาทั้งที่ปกติเป็นเด็กอ่อนโยนสนุกสนานชอบหยอกแม่จ๋า(คุณป้าที่เลี้ยงแอนมาตั้งแต่เด็ก)หยอกยาย”
“ตอนนั้นใครพูดอะไรก็จะผิดหูโกรธโมโหตาขวางตลอดเวลา และมีอยู่วันหนึ่งที่แม่บ่นและเราก็เถียงเสียงดังใส่ แม่ก็ยิ่งเสียงดังใส่เราเข้าไปอีก เราก็หงุดหงิดมากยกมือจะตีแม่ แม่ก็ตกใจ เราก็ตกใจ เฮ้ย...เราทำจะอะไรลงไป สติมันกลับคืนมาทำให้เราเสียใจมากร้องไห้จะเป็นจะตาย บอกกับตัวเองไว้ว่าจะไม่กินอีกแล้วยาลดความอ้วน เพราะมันทำให้เราคลุ้มคลั่งจนเกือบจะตีแม่”
“พอเลิกกินน้ำหนักที่เคยลดลงไป 12 กิโลก็ขึ้นมาเท่าตัว 20 กว่ากิโลมันดับเบิ้ลเลย แต่จะขึ้นก็ขึ้นไปเราก็พยายามใช้ชีวิตปกติไม่สนใจกับความอ้วน ครอบครัวเองก็ไม่ได้ห้ามกินจะมีแต่แม่ของเราเท่านั้นที่ทำให้เกิดแรงกดดัน คือแอนเป็นลูกครึ่งอเมริกันตอนเด็กๆ ก็จะสวยน่ารักตากับยายก็จะรัก แม่ก็หวังว่าลูกสาวสวยโตขึ้นมาต้องได้เป็นดาราเป็นนางงามแน่ๆ เลย เขาก็สร้างความหวังไว้กับเรามาก แต่พอเราอ้วนขึ้นมาแม่เขารู้สึกว่าผิดหวัง เขาใจร้ายกับเราไม่เหมือนกับแม่จ๋า ที่ตามใจให้กินอะไรได้ทุกอย่าง ไม่เคยด่าว่าเราอ้วนเลย จะแบบน่าสงสารคนอ้วน”
“แม่มาที่เมืองไทยทีไรมันคือความทุกข์ทรมานของเราเพราะเขาจะห้ามทุกอย่าง พอกินข้าวเสร็จเราก็หยิบผลไม้จะกินกำลังจะเข้าปากแม่ก็จะมาตีพลั้ว ทำไมไม่ดูน้องสาวเธอน้องเธอสวยแต่ทำไมเธออ้วนแบบนี้ กินแบบนี้มันก็อ้วนสิ เรารู้สึกว่ามันคือความทุกข์ทรมาน เขามาแล้วเราทุกข์มันเป็นปมที่กดดันในชีวิต ส่วนปัญหาเรื่องอื่นกับคนอื่นๆ ไม่ค่อยมีเพราะเพื่อนๆ รักไม่มีใครล้อ เราไม่รู้สึกกดดันเรื่องอ้วนหรือคิดที่จะลดความอ้วนส่วนหนึ่งเพราะไม่มีความรัก ไม่มีความรู้สึกต้องการหาคู่ ชีวิตชอบที่จะอยู่กับเพื่อน คนรอบข้างไม่มีใครมากดดันเรื่องน้ำหนัก ยิ่งพอได้มาเข้าวงการได้เป็นที่รู้จัก ก็เป็นเพราะความอ้วน ก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่าไม่อยากจะลดความอ้วนมันไม่ใช่ปัญหาชีวิต”
“เราเริ่มมาดังจากโฆษณามิสทีนที่เล่นเป็นนางยักษ์ตอนนั้นดังมากทำให้ชีวิตเราเปลี่ยน เรากลายเป็นไอดอลคนอ้วนเพราะสมัยก่อนมันไม่มีคนอ้วนคนไหนดัง เรากลายเป็นคนอ้วนที่คนรักเราทั้งประเทศเลย เราดังมากคนรู้จักหมดเลย ออนแอร์กลางคืนเช้ามาดังเลย รายการแย่งกันไปออกเรารถตู้มาดักแย่งชิงตัวเราออกรายการ ไปมาหมดแล้วทุกรายการ มันก็เลยไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าความอ้วนมันเป็นปัญหาในชีวิตเรา ก็ยังกินอะไรปกติไม่สนใจน้ำหนัก ไม่สนใจผู้ชายไม่ได้อยากผอม เราใช้ความสามารถใช้สังขารอ้วนๆ นี่แหละในการทำงาน คือถ้าไม่อ้วนก็อาจจะไม่มีงาน”
“น้ำหนักเราก็เลยขึ้นมาเรื่อยๆ เป็น 100 กว่าโล ยิ่งมีสังคมมาก ยิ่งมีเพื่อนมากยิ่งอ้วนมาก ไปกับเพื่อนหลายกลุ่มก็กินหลายอย่าง เพื่อนเที่ยวกลางคืนเราก็กินกลางคืน เราอยากกินเท่าไหร่ เรากินเท่านั้น เราไม่เคยคิดว่านี่คือเนย นี่คือขนมปัง เราเอาอร่อยอย่างเดียวตลอดเวลา และไม่เคยคิดจะลดความอ้วน ที่ผ่านมาไม่เคยลดความอ้วนเลย ยาลดความอ้วนอะไรก็ไม่กิน เพราะกินแล้วคลั่งจนเกือบจะตี แม่จ๋าก็เลยไม่แตะต้องของพวกนี้อีกเลย”
อยากตาย ! เป็นประจำเดือนอยู่ 1 ปีเต็ม ต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยทุกครึ่งชั่วโมง ประจำเดือนไหลอย่างกับท่อปะปาแตก
“จนสุดท้ายเมื่อไม่กี่ปีมานี่น้ำหนักมันขึ้นไปถึง 150 กิโล อ้วนใหญ่ยักษ์อลังการมาก มันทำให้เกิดปัญหาความผิดปกติทางฮอร์โมนที่มากขึ้น บอกเลยว่าคนที่อ้วนมากๆ 70-80 เปอร์เซ็นต์จะมีปัญหาเรื่องฮอร์โมน คือจะมีฮอร์โมนเพศชายในร่างกายมากเกินไป จะมีปัญหาเรื่องประจำเดือน มีขนเยอะ มีเครามีหนวด แอนก็มีนะคะก็จะใช้วิธีดึง ขนขาก็จะแข็งเหมือนผู้ชาย และที่สำคัญคือไม่เป็นประจำเดือน”
“แอนไม่เป็นประจำเดือนเลยตั้งแต่เด็ก เคยเป็นตอนอายุ 13 ปี เป็นอยู่ครั้งเดียว หลังจากนั้นก็เคยเป็นอีก 2 ครั้ง เป็นแล้วก็หายไปเลย แล้วก็มาเป็นใหม่แล้วก็หายไปเลย จนอายุ 29 ปี เกิดมีประจำเดือนขึ้นมา เป็นเยอะๆ ตัวใหญ่ๆ ไหลเยอะ ไหลตลอด 24 ชม. ต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยทุกครึ่งชั่วโมง วันๆ นึงใช้ผ้าอนามันเป็นโหลไหลอย่างกับท่อประปาแตก เป็นแบบนี้อยู่ 1 ปี เป็นจนมือสั่นหน้ามืดต้องใช้ชีวิตแบบระมัดระวัง บอกตรงๆ ว่าอยากตายมาก”
“ตอนนั้นถ่ายละครอยู่ศาลายามันลำบากมากเลย ต้องไปเปลี่ยนผ้าอนามัยทุกครึ่งชั่วโมง จะเปลี่ยนตรงที่เขาเปลี่ยนเสื้อผ้ากันบนรถก็ไม่ได้เพราะแค่เราถอดออกมามันก็หล่นโพล๊ะลงมาที่พื้น มันเป็นหนักหนาสาหัสมาก ต้องไปหาหมออยู่ 3 โรงพยาบาลถึงจะรู้สาเหตุ โรงพยาบาลแรกบอกอยู่ในภาวะแท้ง เราก็บอกว่าไม่มีผัวจะแท้งได้ไง พอไปโรงพยาบาลที่ 2 ก็ให้กินฮอร์โมนให้กินยาคุมมันก็ไม่ได้ดีขึ้น ก็มีแบบไหลน้อยลงแต่ก็ยังเป็นประจำเดือนทุกวันไม่หยุดอยู่เหมือนเดิม เครียดมากถึงขั้นที่ว่าจะไปตัดมดลูกทิ้งร้องไห้ไม่เอาแล้ว มันอารมณ์เสียหงุดหงิด ผู้หญิงเป็นเดือนละ 3 วันมันก็หงุดหงิดแล้ว แต่นี่เป็นทั้งปีทั้งชาติมันทรมาน แต่หมอไม่อนุญาตเพราะเราไม่ได้ป่วย ทางการแพทย์เขาไม่ทำให้อยู่แล้ว”
“จนจะต้องไปถ่ายละครของอาต้อย เศรษฐา แล้วต้องเข้าป่าที่เพชรบุรี เราก็เลยไปหาหมอที่โรงพยาบาลที่ 3 ก็เล่าให้ฟังว่าเรามีความทุกข์เป็นประจำเดือนมา 1 ปีแล้ว และจะต้องไปถ่ายละครในป่าหนูจะต้องหยุด จะต้องทำยังไง ทำให้มันหยุดซักที หมอเขาก็ให้ยาเลื่อนประจำเดือนที่นักกีฬาเขากินกัน หมอให้กิน 1 เม็ดเรากิน 2 เม็ดเลย สรุปหายชอบเลยเข้าป่าเข้าดงได้ทำงานได้ คราวนี้ติดใจซื้อมากินเองเลยไม่ปรึกษาหมอ กินอยู่เป็นปีเลยค่ะ เพราะไม่อยากเป็นประจำเดือนแล้วมันหลอนมากอยากตาย เรากินชนิดที่ว่าไม่มีหยุดไม่มีเว้นให้ประจำเดือนไหลออกมาเลย ถ้าไม่กินแล้วมันซึมออกมาก็จะรีบกินเข้าไปอีกเพื่อไม่ให้มันออกมา”
“แล้วมีวันหนึ่งที่เรามาดูรายการชูรักชูรสเขาก็พูดถึงการกินยาตัวนี้ เราก็คิดว่าเราจะตายหรือเปล่า ก็เล่าอาการให้เขาฟัง เขาก็บอกให้เราปรับฮอร์โมนเขาก็สอนให้เรากินแบบไหนเพื่อปรับฮอร์โมน เราก็กินแบบที่หมอบอกจนมันหายไปเอง นานๆ ทีหลายเดือนประจำเดือนถึงจะมาทีนึง บางทีก็เป็นปีเลย”
“ก็เป็นแบบนี้มาตลอดจนกระทั่งเมื่อปี 57 อาการเดิมมันกลับมาอีกแล้ว เกิดเป็นประจำเดือนเยอะมาก มันเหมือนเดิมเลยยืนอยู่นี่พลั่วๆ ลงพื้นเลย มาแบบตัวใหญ่ยักษ์ ยืนอาบน้ำนี่นะมันหล่นออกมาเป็นก้อนเลยเหมือนคนแท้งลูกตัวใหญ่เลย หล่นจนได้ยินเสียงดังพลั่ว เวลาที่เราใส่ผ้าอนามัยแบบสอดตอนที่เราดึงออกมามันจะหุ้มออกมาตัวใหญ่เชียวเป็นเอเลี่ยนเลย เป็นประจำเดือนแบบนี้อยู่อาทิตย์สองอาทิตย์แล้วก็หาย แต่ไม่หายขาดนะมันจะซึมออกมาทุกวันในช่วง 2 ปีที่ผ่าน ชีวิตมันจะหลอนมากมึงจะมาเมื่อไหร่ จะมีผ้าอนามัยอยู่รอบตัวรอบบ้าน ไปไหนก็ต้องพกผ้าอนามัยกับกางเกงในซุกไว้ตามที่ต่างๆ เพราะมันจะมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้”
“ก็กลัวว่าจะเป็นมะเร็งหรือเปล่าก็ตัดสินใจไปหาหมออีกครั้ง คุณหมอก็อัลตร้าซาวน์ให้เชคให้ทำให้พบว่ามันเป็นปัญหาของผู้หญิงอ้วนที่มีฮอร์โมนเพศชายเยอะเกินไป ผู้หญิงจะตกไข่เดือนละฟองแต่เรานี่ตกไข่ทุกวัน พอมันออกมาไม่ทันมันก็จะไปหุ้มๆ ผนังๆ มันก็จะรูดออกๆ ในขณะที่มันรูดออกแต่เราก็หุ้มอยู่ได้ก็เลยเกิดอาการแบบนั้น จนคุณหมอบอกว่าไม่ไหวแล้วนะต้องขูดมดลูกออก”
“ทุกวันนี้ก็ต้องกินฮอร์โมนเดือนละ 7 เม็ดเพื่อเลือกวันตกไข่ ก็ทำให้ประจำเดือนมาเป็นประจำทุกเดือนในปริมาณที่ไม่มาก คุณหมอก็บอกว่า ถ้าไม่อยากกินยาจะต้องลดน้ำหนักแล้วร่างกายจะกลับมาเป็นปกติจะได้ไม่ต้องกินฮอร์โมน ตอนนั้นก็คิดจะลดนะแต่ก็ยังรู้สึกไม่มากเท่าไหร่ แค่รู้สึกอยากเฉยๆ”
เกือบไหลตาย หยุดหายใจขณะหลับ
“กระทั่งเมื่อปีที่แล้วมันเกิดปัญหานอนๆ อยู่แล้วหยุดหายใจขณะหลับ เราลืมตาขึ้นมาจมูกไม่หายใจก็จะแบบสะดุ้งเฮือกๆ เลยจะขาดใจตาย มันเป็นแบบนี้อยู่หลายครั้งในช่วงเวลาหลายเดือน ซึ่งเราก็รู้ว่าคนอ้วนเป็นแบบนี้เยอะ หลับตายกันไปหลายคน คุณหมอก็จะแนะนำอย่านอนทับหัวใจ อย่าให้น้ำหนักทับหัวใจ พอมันเป็นแบบนี้บ่อยๆ เราก็กลัวว่าจะตาย กลัวว่าจะจากแม่จ๋าไป ถ้าเราตายใครจะอยู่ดูแลแม่จ๋า เราก็คิดเลยว่า เราตายไม่ได้ พูดก็พูดนะ ผัวแค่ผัว เมียแค่เมีย เพื่อนแค่เพื่อน โกรธกันเดี๋ยวก็เลิกคบกัน เพื่อนซี้กันมาชอบของชิ้นเดียวกันเดี๋ยวมันก็เลิกคบกัน ถ้าโชคดีเราก็อาจจะเจอเพื่อนดีๆ ผัวดีๆ แต่จริงๆ แล้วคนที่รักเรามากที่สุดคือที่บ้าน คนที่เราห่วงมากที่สุดคือแม่จ๋า ถ้าเราตายคนที่เลี้ยงเราคนที่รักเราจริงๆ จะอยู่ยังไง ก็เลยตัดสินใจลดน้ำหนักอย่างจริงจัง”
“กระทั่งไปเจอเพื่อนที่เคยอ้วนมากๆ เหมือนกับเรา แต่ตอนนี้เขาผอมจนผิดหูผิดตา เขาบอกว่า เขาลดน้ำหนักลงมาได้ 20 กิโลแล้ว เขาก็แนะนำอาหารเสริมลดน้ำหนักยี่ห้อหนึ่งมา ตอนแรกเราก็ไม่เอาเพราะกลัวว่าจะคลุ้มคลั่งไปตีแม่จ๋าอีก แต่ก็เห็นว่าเขาลดได้จริงและไม่ตายด้วยเพราะตัวนี้มันเป็นออแกนิก มันเป็นธรรมชาติกินแล้วใจไม่หวิวไม่สั่นปกติมากๆ ก็เลยตัดสินใจกินควบคู่ไปกับการตั้งใจลดน้ำหนักอย่างจริงจัง เราได้กำลังใจจากหมอ ได้กำลังใจจากแม่จ๋า อยากจะอยู่กับแม่จ๋านานๆ ก็เลยตั้งหน้าตั้งตาลดน้ำหนัก”
“เราก็พยายามลดพวกแป้งจากเคยกินกาแฟเย็นก็มากินกาแฟดำ จากที่เคยกินข้าวขาวก็มากินข้าวไรซ์เบอรี่เพราะมันจะเป็นไฟเบอร์ไม่สะสมเป็นน้ำตาล บวกกับตัวช่วยที่เป็นอาหารเสริมลดน้ำหนักมันเป็นบุที่ทำให้อิ่ม ก็เลยทำให้เราลดน้ำหนักได้เร็วมากยิ่งขึ้น ปัญหาของคนอ้วนก็คือกินแล้วไม่อิ่ม พออดมื้อนี้มือหน้ามันโหยก็จะซัดมื้อหน้ากระจาย ฉะนั้นจะต้องทำยังไงให้อิ่มถึงจะผอมได้ ร่างกายมันคือบ้านของเราทำไมเราต้องเอาขยะเข้ามาในบ้านเรา”
“คือเราเองก็ต้องมีวินัยในตัวเองด้วย ถ้าอยากจะลดความอ้วนแต่ยังกินพิซซ่า กินข้าวขาหมู กินนรกแตกมันก็ยากนะ แอนต้องใช้ทั้งความอดทนความมุ่งมั่นกำลังใจและตัวช่วย ทำให้น้ำหนักมันลดลง แอนสามารถลดน้ำหนักจาก 148 เหลือ 98 กิโล ลดไป 50 กิโลเลย ซึ่งมันก็ทำให้ระบบร่างกายของแอนดีขึ้น ตอนนี้ไม่มีอาการหยุดหายใจขณะหลับแล้ว ประจำเดือนก็ปรับสมดุลมาได้ตามปกติ และแอนก็ตั้งใจว่า อยากจะลดน้ำหนักลงไปเรื่อยๆ อีก เพราะนอกจากจะทำให้สุขภาพดีแล้ว สิ่งที่เราได้ยินมาตลอดตั้งแต่เด็กคือ เป็นคนอ้วนที่สวยนะไม่น่าอ้วนเลย ก็เลยคิดว่า ถ้าเราผอมลงกว่านี้ก็น่าจะสวยขึ้นนะ อยากจะผอมเท่าอั้ม พัชราภาไปเลย เผื่อจะผอมเซ็กซี่แบบอั้มบ้าง”(หัวเราะ)