“พิมพ์ พิมพ์มาดา” ยิ้มกว้างพิชิตมะเร็ง ดี๊ด๊าผม-คิ้วเริ่มงอก บอกเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่สุดของการทำคีโม ซึ้งบทเรียนชีวิตอยู่ใกล้ความตาย ขอใช้ชีวิตที่เหลือให้มีประโยชน์ที่สุด เล็งเขียนพ็อกเก็ตบุ๊คเล่าชีวิต
หลังตรวจเจอมะเร็งรังไข่ ต้องทำคีโม 6 ครั้ง และต้องใส่วิกเพราะผมร่วงจนช็อกใจแฟนๆ อยู่ไม่น้อย ล่าสุด “พิมพ์ พิมพ์มาดา บริรักษ์ศุภกร” ได้ออกมาเปิดใจระหว่างมาร่วมรายการเที่ยงรายวัน ณ จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ สตูดิโอ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เผยตนได้รับการคอนเฟิร์มจากแพทย์ ระบุว่า หายป่วยจากโรคมะเร็งรังไข่แต่ยังต้องดูแลสุขภาพตัวเองต่อเนื่อง ขอบคุณทุกำลังใจ ลั่นครอบครัวรอยยิ้มเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
“ดีใจมากค่ะ แต่ในทางการแพทย์โรคภัยไข้เจ็บเดี๋ยวเขาก็มาเดี๋ยวเขาก็ไป ก็ยังมาได้อีก พิมพ์รักษาครบทุกขั้นตอนทุกอย่างที่ควรจะทำผลเลือดในวันนี้ที่ออกมาคุณหมอก็แสดงความยินดีว่าหายเป็นปกติแล้ว ความรู้สึกแรกที่รู้คือดีใจมาก มันบอกเป็นคำพูดไม่ถูก ยิ้มมาตั้งแต่นิ้วเท้าจนขึ้นมาถึงปาก”
“วันนั้นก็ลุ้นมาก ทุกครั้งที่ไปตรวจเลือดจะลุ้นอยู่แล้ว จะลุ้นว่าต้องโดนฉีดยาไหมถ้าเลือดไม่ดีวันนั้นคุณหมอก็บอกว่าพิมพ์หายเป็นปกติแล้ว วันนั้นก็อยู่กับคุณแม่ด้วย พิมพ์ก็เชื่อว่าแม่ก็ยิ้มมาจากนิ้วเท้าเหมือนกัน จะบอกไงดีอ่ะ มันตื่นเต้น มันดีใจเลือดมันสูบฉีดขึ้นมาจนหน้าแดงไปหมดแต่ไม่ร้องไห้นะคะ”
“ต้องบอกแต่ต้นว่าที่ผ่านมาพิมพ์ไม่เคยตรวจสุขภาพเลย แล้วปีนี้อยู่ๆ ก็ลองตรวจ แล้วแจ็กพ็อตเจอเลย มะเร็งรังไข่ระยะเริ่มต้น ซึ่งมันโชคดีมากที่พิมพ์ยังไม่ทันได้มีอาการเจ็บป่วยจากโรคนี้ เพราะบังเอิญเจอเลย ก็รักษาได้ ก็ทำคีโม 6 ครั้ง ตอนแรกเราก็คิดนะเรายังไม่ทันเป็นอะไรเลยทำไมเราต้องรักษาด้วยวิธีรุนแรงขนาดนี้ แต่ด้วยโรคนี้มันก็จะมีวิธีของเขาที่สมควรจะทำ พอโรคเจอชุดใหญ่ขนาดนี้ก็สมควรจะต้องหายค่ะ ซึ่งหลังจากที่เจอก็ใกล้ชิดคุณหมอมาตลอด 6 - 7เดือนที่ผ่านมา”
เผยต้องดูแลตัวเองมากขึ้น เข้าใจชีวิตอยู่ใกล้ความตาย ขอใช้ชีวิตที่เหลือให้มีประโยชน์
“หลังจากนี้คุณหมอก็บอกให้พิมพ์กลับไปใช้ชีวิตปกติ แต่อาจจะต้องดูแลตัวเองในเรื่องอาหารการกิน แต่คุณหมอก็ไม่อยากให้เราสุดโต่ง อยากให้เราเดินสายกลางบาลานซ์ให้ได้ หลังจากนี้พิมพ์เองก็ยังต้องใกล้ชิดคุณหมออยู่ตลอด ยังต้องเข้าออกโรงพยาบาล แต่อาจจะห่างๆ เดือนละครั้ง แล้ว 2 - 3เดือนครั้งก็ว่ากันไป”
“เราก็ได้วิธีคิด วิธีการใช้ชีวิต มุมมองอะไรต่างๆ เปลี่ยนแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะเปลี่ยนเป็นคนดีอะไรขึ้นมาขนาดนั้น เราก็ยังเป็นเรา แต่จะคิดจะทำอะไรมันก็มีวิธีคิดที่แปลกใหม่ขึ้นบ้างเล็กน้อย เท่าที่สังเกตจากตัวเองนะ เราเข้าใจเลยว่าความตายมันเข้าใกล้เรานิดเดียวเอง มันก็ไม่มีใครหนีความเจ็บป่วยได้ ไม่มีใครจะไม่เจอโรคภัย ไม่เจอวันนี้ก็ต้องเจอวันหน้า ไม่เจอน้อยก็เจอมาก มันเป็นเรื่องที่คนธรรมดาต้องเจอ เราเกิดแก่ตอนนี้เริ่มเจ็บแล้ว มันก็จะมีวันที่เราต้องตาย ตอนนี้เราก็เข้าใกล้ความตายเข้าไปทุกวัน”
“เราเลยรู้สึกว่าเราอยากอยู่บนโลกนี้อย่างเป็นประโยชน์ อยากอยู่อย่างมีความสุขในทุกๆ วัน เหมือนทุกวันนี้เราก็เคาท์ดาวน์ชีวิตตัวเอง เมื่อไหร่จะถึงวันที่เราจะตาย วันที่เหลือเราจะไม่ใช้ชีวิตอย่างเปล่าประโยชน์ไปเรื่อยๆ จากวันนี้เราก็คิดมากขึ้นว่าเราจะใช้ชีวิตยังไงให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมมากที่สุด”
ขอมีความสุขในทุกวัน รับได้กำลังใจท่วมท้น
“ขอให้ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บหนักๆ แบบนี้อีกแล้ว ส่วนอื่นๆ ก็ยังไม่ได้วางแผนอะไรไว้มาก ตอนนี้รู้สึกแค่ว่าอยากมีความสุขทุกวันแบบนี้ ทำในสิ่งที่เราแฮปปี้ที่จะทำ ได้ทำประโยชน์อะไรให้สังคมบ้างที่เราสามารถทำได้”
“กำลังใจมากมายจริงๆ ค่ะ พิมพ์เองก็ตกใจมากที่คนให้ความสนใจและเป็นห่วงเป็นใยถามไถ่อาการ พิมพ์พูดเลยว่ากำลังใจนี้เป็นส่วนใหญ่ที่ทำให้พิมพ์ผ่านเรื่องราวตรงนี้มีกำลังใจ และมีแรงใจที่จะมองเห็นโลกนี้ว่ามันน่าอยู่มากขึ้น และมีแรงพอที่จะไปช่วยเหลือคนอื่น เราได้กำลังใจจากทุกคนมาเยอะมากจริงๆ พอเรามีล้นเราก็อยากจะแบ่ง ก็ต้องขอบคุณทุกคนมากๆ สำหรับกำลังใจมันช่วยได้มากจริงๆ ค่ะ”
บอกบนโลกใบนี้มีคนเข้มแข็งและเป็นนักสู้มากกว่าตนอีกเยอะ
“จะเล่าให้ฟังเล่นๆ ว่าพิมพ์มีโอกาสได้ไปเยี่ยมผู้ป่วยพอไปถึงก็เจอคุณป้าคุณแม่คุณน้าคุณน้องหลายๆ วัน ทำให้รู้ว่าเรื่องของเรามันเล็ก จริงๆ มีคนที่เขาเป็นนักสู้กว่าพิมพ์อีกมาก แค่เขาไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้ได้มาออกสื่อ เขาเก่งกว่าพิมพ์เยอะมาก เขาอยู่กับมันมาเป็นสิบๆ ปี ให้คีโมมา 20 - 30 รอบ มีคนบนโลกใบนี้อีกมากที่เข้มแข็งและแข็งแกร่งกว่าพิมพ์ วันนี้พิมพ์แค่เป็นส่วนเล็กๆ ที่มีโอกาสได้เป็นตัวแทนออกมาพูด บอกเล่าสิ่งที่เจอมา ได้มาเป็นกำลังใจให้กับคนอีกหลายๆ คนเท่านี้ก็ถือว่าเป็นประโยชน์แล้ว เป็นบุญแล้วที่เราได้เจ็บได้ป่วยได้เอาเรื่องราวของเรามาบอกเล่ากับคนอื่น หลังจากนี้พิมพ์ก็ยินดีช่วยเหลือทุกอย่างเท่าที่พิมพ์สามารถทำได้ ช่วยเหลือได้และเป็นประโยชน์จริงๆ เราสามารถไปได้เลย”
ดี๊ด๊าผม-คิ้วเริ่มงอก บอกเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่สุดของการทำคีโม
“ตอนนี้เริ่มขึ้นแล้ว น่ารักมาก ผมเริ่มขึ้นเหมือนขนแมวเลย นิ่มมากแล้วคิ้วก็เริ่มฟูแล้ว จับไปมีขนขึ้นมาแล้ว ดีใจมาก ตื่นขึ้นมามันก็ขึ้น มันถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของการทำคีโมที่ผมสามารถขึ้นมาใหม่ได้ แต่เซลล์ที่เราฆ่ามันก็ตายแล้วตายเลย แต่เรื่องใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเราก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง”
“ก็คิดถึงงาน อยากทำงานทุกอย่างเลยเพราะเราหยุดไปนาน อยากทำอะไรก็ได้ที่เราสามารถทำได้ที่ไม่ไปเป็นภาระกับใคร แล้วทีมงานเข้าใจให้ไปทำอะไรพิมพ์ก็อยากจะทำ ตอนนี้ก็พร้อมเริ่มทำงานแล้ว ไฟแรง(ยิ้ม)”
เชื่อปาฏิหาริย์มีจริง
"เชื่อสิ คำว่าปาฏิหาริย์จริงๆ แล้วก็อยู่ที่ตัวเราด้วย พิมพ์รู้สึกว่าทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นมันกำหนดไว้แล้ว ในทางพระพุทธศาสนามันก็คงเป็นกรรมดีและกรรมไม่ดีที่เราเคยทำมา มันก็ส่งผลกับชีวิตเราทั้งหมด ถ้าจะเรียนมันว่าเป็นปาฏิหาริย์ก็คงเป็นคำที่ไม่ได้ขี้เหร่ที่จะใช้ แต่ว่าทุกอย่างมันก็อยู่ที่ตัวเราอยู่ที่การดูแลของเรา อยู่ที่การใช้ชีวิต”
“พิมพ์เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่เป็นมะเร็งนะคะ หลังจากที่พิมพ์เผชิญกับตรงนี้มาพิมพ์ก็รู้ว่ามีคนที่เผชิญเรื่องแบบนี้มากกว่าพิมพ์ น้อยกว่าพิมพ์และมีจำนวนที่เยอะมากๆ อยากให้เป็นตัวแทนว่าตัวพิมพ์เองยังหายได้เลยเพราะว่าหนึ่งพิมพ์มีกำลังใจที่ดี สองพิมพ์ทำตามที่คุณหมอแนะนำทุกอย่าง มีระเบียบวินัยในการดูแลตัวเอง”
“พิมพ์เชื่อว่าถ้าเราสามารถทำตรงนี้ได้มันจะผ่านไป โรคนี้มันไม่เหมือนโรคอื่นๆ มันเป็นโรคที่เราต้องใช้เวลาพอสมควรในการที่จะต้องอยู่กับเขา มันไม่ได้ใช้เวลา 1 - 2 วันกินยาแล้วหาย มันต้องรักษาตามกระบวนการซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควร พิมพ์รู้ว่ามันทรมานมากแต่ว่าสู้ๆ นะคะ ยิ่งเราเข้มแข็งกำลังใจเราดีอะไรก็ไม่สามารถมาทำร้ายร่างกายเราได้ ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ”
ตัดรังไข่ทิ้งหนึ่งข้างไม่กระทบการมีลูก
“ตอนนี้ก็ตัดรังไข่ไปข้างหนึ่งก็ยังเหลืออีกข้างหนึ่ง ก็ไม่มีผลกระทบต่อการมีลูกอะไรเพราะยังเหลืออีกข้างหนึ่งให้มีลูกได้ มดลูกยังมีอยู่”
นอกจากนี้เจ้าตัวยังเผยระหว่างให้สัมภาษณ์ในรายการเพิ่มเติมว่า
“เป็นความรู้สึกที่มีความสุขมาก ตอนนี้สบายใจ ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องเจออะไรอีกไหม เราได้เยอะกว่าเสีย หลังจากเราป่วย เราได้รับความทุกข์ทรมานจากการรักษา พิมพ์ยังไม่รู้สึกว่าตัวเองป่วย เราโชคดีมาเจอซะก่อน แต่มันทรมานที่กระบวนการรักษา พอหายจากการทำคีโม ตอนนี้พิมพ์เข้าใจการใช้ชีวิตมากขึ้น พิมพ์เห็นคุณค่าของชีวิตมากขึ้นทุกๆ วัน พิมพ์ได้เพื่อน ได้รูว่าใครที่อยู่กับเราตอนที่เราแย่ๆ ใครรักเรา ตอนแรกเราไม่ได้มองคุณค่าตรงนั้น ตอนนี้เรามองเห็นทุกอย่างรอบตัว”
“ตอนนี้พิมพ์ติดคุณแม่มาก ใช้ชีวิตด้วยกันแทบจะ 24 ชม. อยากกลับบ้าน รู้สึกคุ้นเคย ปลอดภัย สงกรานต์เราเจอครอบครัว มีความสุขมาก ยอมรับว่าที่บ้านพิมพ์เป็นคนเข้มแข็ง ยกเว้นคุณแม่ที่เซ็นซิทีปที่สุด (หัวเราะ) แต่เขาเข้มแข็งกับเรานะ ทุกอย่างเป็นส่วนประกอบในชีวิตเรา ที่เราต้องขอบคุณทุกอย่างในตอนนั้น ไม่ว่าจะเป็นแฟนคลับ หรือคนที่ไม่ได้เป็นแฟนคลับเรามาก่อน แต่ส่งความปรารถนาดีมาให้เราเยอะมากจริงๆ มันมีกำลังใจ มีพลังชีวิตมากขึ้นจริงๆ”
บอกเกิดแก่เจ็บตายเรื่องธรรมชาติ ต้องรับมืออยู่อย่างไรให้มีความสุข
“จริงๆ ไม่ได้บอกว่าตัวเองศึกษาธรรมะจริงจังแค่มีโอกาสเข้าไปสัมผัสในช่วงที่เราทุกข์ที่สุด ก็เหมือนที่บอกว่าเราไม่เจอทุกข์ก็ไม่รู้ว่าสุขคืออะไร วันหนึ่งเราไปเจอคำสอนพระพุทธศาสนาที่บอกว่าเกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมชาติ เจอมากเจอน้อยสุดแล้วแต่ แต่เมื่อเราเจอแล้วเขาสอนให้เราอยู่อย่างไรให้มีความสุข อยู่อย่างไรให้เข้าใจ”
เข้าใจโรค มองโลกอย่างเข้าใจ ใช้รอยยิ้มเยียวยาใจตัวเอง
“จริงๆ เป็นการไปสัมภาษณ์ในรายการแล้วมีการพูดคุย พิมพ์รู้สึกว่าอาจเป็นประโยชน์ เพราะเป็นจุดที่ผ่านไปได้ยากของคนที่เจอะเจอการทำคีโมแบบนี้ แต่เราต้องเป็นตัวเอง อย่าไปอายต้องยอมรับตัวเอง เป็นประโยชน์ว่าเราใช้ชีวิตเป็นปกติได้ ถ้าเราเข้าใจ และยอมรับโมเมนต์นั้นเราก็มีความสุขเพราะเราเคยเดินผ่านกระจกแล้วไม่กล้ามองหน้าตัวเอง แต่นี่คือเรา เราทำช่วงเวลาตรงนี้ให้มีความสุข มองให้เข้าใจ มันก็ผ่านมาได้จริงๆ ก็อยากให้เช้าใจว่าเป็นแค่ช่วงหนึ่งจริงๆ หาความสุขให้เจอ ตอนนี้ผมเริ่มขึ้นแล้วนะคะ คิ้วเริ่มมา (หัวเราะ)”
“มันจะผ่านไปได้ถ้าเราเข้าใจธรรมชาติของการเจ็บป่วย ร่างกายก็ให้คุณหมอรักษา การแพทย์สมัยนี้มีวิธีการรักษาเรา เป็นมากเป็นน้อยอยู่ที่ใจ อย่าไปกังวลให้เป็นมากกว่าเดิม หรือคนเผชิญช่วงเวลาที่แย่มากๆ เราก็ต้องเผชิญมันให้ได้ ยิ้มสู้ ทำทุกอย่างให้เป็นประโยชน์แก่เรามากที่สุด อย่าท้อ อย่าคิดว่าโลกนี้สลายไปตรงหน้า ยังมีวันข้างหน้ารออยู่ เข้มแข็งทำใจดีๆ สบายๆ รอยยิ้มเป็นสิ่งมหัศจรรย์จริงๆ เรายิ้มจากใจ มีความสุขทุกวัน เดี๋ยวมันจะเยียวยาให้เราเอง เมื่อก่อนเรายังไม่อยากยิ้มให้ตัวเองเลย แต่ถ้ามันมาจากใจ เราจะผ่านมันไปได้จริงๆ”
แนะญาติคนป่วยเป็นมะเร็ง อย่าคุยเรื่องความเจ็บป่วย
“พูดในฐานะคนป่วย พิมพ์ผ่านมาได้เพราะคนรอบข้างไม่มีใครซึมเศร้ากับเราเลย เขาสดใส มาหาเราด้วยความรื่นเริง มาพบปะเราด้วยรอยยิ้ม หัวเราะ หรือแม้แต่คุณแม่เรารู้ว่าเขาทรมานที่เห็นเราเป็นแบบนี้แต่เขาไม่ร้องไห้ เรารู้สึกว่าแวดล้อมต้องสีชมพูกับผู้ป่วย ชวนเขาคุยเรื่องอื่นที่ไม่จมเรื่องทุกข์โรคภัยไข้เจ็บ ออกไปนอกบ้านสูดอากาศบริสุทธิ์ ก็สำคัญเหมือนกัน”
ลุยงานเต็มที่ อยากเขียนพ็อกเกตบุ๊ก
“คิดถึงมาก และพร้อมมาก อยากกลับมาทำแล้วไม่เป็นภาระคนอื่น ก็ยินดีทำจริงๆ ค่ะ ก็มีคิดนะ อยากทำพ็อกเกตบุ๊ก อะไรที่สร้างสรรค์ได้มากน้อยแค่ไหน ขอคิดดูก่อน”