นับเป็นข่าวใหญ่ระดับโลกทิ้งท้ายปลายปี 2015 ชนิดที่เรียกว่าสั่นสะเทือนไปทั้งจักรวาลของวงการขาอ่อนเลยทีเดียว เมื่อเกิดความผิดพลาดเกี่ยวกับการประกาศผลนางงามจักรวาล หรือมิสยูนิเวิร์ส ครั้งที่ 64 ประจำปี 2015 ซึ่งจัดขึ้นที่ "Planet Hollywood Resort & Casino " (พลาเน็ท ฮอลลีวู้ด รีสอร์ต แอนด์คาสิโน) ในนครลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้ “Ariadna Gutierrez” สาวงามจากประเทศโคลัมเบีย สร้างสถิติเป็นมิสยูนิเวิร์สสั้นที่สุดในประวัติศาสตร์ เพียงไม่ถึง 5 นาที ก่อนที่มงกุฎแห่งจักรวาลจะถูกเปลี่ยนมือไปเป็นของนางงามจากประเทศฟิลิปปินส์ “Pia Alonzo Wurtzbach”
แม้ว่าในภายหลังพิธีกรในงาน "สตีฟ ฮาวีย์" จะออกมายอมรับความผิดพลาด และมีการทวีตข้อความขอโทษนางงามทั้ง 2 ประเทศ แสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
"ผมอยากจะขอโทษมิสโคลัมเบียและมิสฟิลิปปินส์อย่างสุดหัวใจ สำหรับความผิดพลาดครั้งใหญ่ของผม ผมรู้สึกแย่มาก"
แต่นั่นก็ใช่ว่าจะยับยั้งกระแสดรามาที่นับวันก็ยิ่งประทุรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะทางฝั่งประเทศโคลัมเบีย ที่ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่อัปยศอดสูเกินกว่าจะรับได้ โดยสำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโบโกตา ประเทศโคลัมเบีย ว่าประธานาธิบดี ฮวน มานูเอล ซานโตส ให้สัมภาษณ์ผ่านสถานีวิทยุแห่งชาติ ว่ารู้สึกผิดหวังต่อการทำหน้าที่ของพิธีกร และขอให้กำลังใจสาวงามของโคลัมเบีย ว่าจะเป็น "มิสยูนิเวิร์ส" ในใจของประชาชนทั้งประเทศตลอดไป
อย่างไรก็ตาม ชาวโคลัมเบียจำนวนมาก ถือว่าความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เสมือนว่าสาวงามของประเทศตนถูกปล้นมงกุฎซึ่งๆ หน้า และเชื่อมั่นว่าจะต้องมีอะไรลับลมคมในมากกว่าแค่การประกาศชื่อผิดตามคำกล่าวอ้างของพิธีกร ถึงขนาดที่ทนายความชาวโคลัมเบียรายหนึ่งประกาศกร้าวว่าจะฟ้องกองประกวดมิสยูนิเวิร์สโทษฐานที่ทำให้ชาวโคลัมเบียได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะในแง่ของจิตใจ โดยผู้ใช้งานทวิตเตอร์ที่เป็นทนายความชื่อ “อาเบลาร์โด เดลา เอสปริเอจา” ได้ทำการทวีตข้อความว่ามงกุฎมิสยูนิเวิร์สเป็นสิทธิ์ของชาวโคลัมเบีย กว่า 40 ล้านคน ซึ่งล้วนได้รับผลกระทบ และความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นมากจนนับไม่ถ้วน ขณะนี้กำลังยื่นฟ้องกองประกวดแล้ว
อีกกระแสหนึ่ง ก็กล่าวโทษว่า อาจจะเป็นเจตนาของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ผู้สมัครเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกัน ที่เตรียมจะสู้ศึกประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในปีหน้า ซึ่งเป็นอดีตเจ้าของลิขสิทธิ์การจัดประกวดมิสยูนิเวิร์สที่ขายลิขสิทธิ์ไปแล้วเมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ทว่ายังไม่ปรากฏหลักฐาน ว่าได้ขายสิทธิ์จริงหรือไม่ หลายคนจึงปักใจว่าอาจจะเป็นเขาที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง อันเนื่องมาจากไม่ต้องการให้สาวงามจากละตินอเมริกาเป็นมิสยูนิเวิร์สอีก
เช่นเดียวกับในโลกออนไลน์ ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้กันอย่างกว้างขวาง โดยวิเคราะห์ว่า หากเป็นการประกาศที่ผิดพลาดจริงๆ นั้น พิธีกรก็น่าจะรู้ตัว และแก้สถานการณ์ได้ทันท่วงที ไม่ใช่ทิ้งเวลาให้ผ่านไปจนมีการมอบมงกุฎ สายสะพายกันเสร็จเรียบร้อยทุกกระบวนการแล้ว กว่าจะมีการออกมาประกาศผลใหม่ ซึ่งชวนให้คิดว่า ช่วงจังหวะนั้นอาจจะมีการเปลี่ยนโผผู้ชนะ โดยมีการงัดหลักฐานเป็นใบประกาศผลในมือของพิธีกรในครั้งแรกออกมาซูมให้เห็นชัดๆ แล้วนำมาเปรียบเทียบกับใบประกาศผลครั้งใหม่ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าผลผู้ชนะนั้นเหมือนว่ามีการถูกแก้ไขจริงๆ ทั้งนี้ยังไม่มีการบ่งชี้ชัดๆ ว่าภาพดังกล่าว มีการ ตัดต่อเพื่อให้เกิดเป็นกระแสดรามาหรือไม่ ? อย่างไร ?
และอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนส่วนใหญ่ปักใจเชื่อว่างานนี้อาจจะมีนอกมีใน ประมาณว่ามี “ใบสั่ง” ที่ระบุให้นางงามฟิลิปปินส์เป็นผู้คว้ามงกุฎแห่งความงามในครั้งนี้ เพราะมีข้อมูลระบุว่าเธอเป็นผู้หญิงข้างกายของประธานาธิบดีเบนิกโน อากีโนที่ 3 แห่งฟิลิปปินส์ ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้ปฏิเสธข่าวนี้ ซ้ำยังยอมรับอย่างหน้าชื่นว่ามีความสุขที่ได้พูดคุยกับเขา โดยมีการแย้มถึงความสัมพันธ์ผ่านคำเปิดเผยของเธอที่ระบุว่า
"ท่านประธานาธิบดีนั้นรายล้อมด้วยผู้คนที่จริงจังตลอดเวลา ดังนั้นเวลาที่ฉันคุยกับท่าน ฉันกล้าที่จะถามคำถามที่หลายคนไม่กล้าที่จะถาม อย่างเช่นมีงานอดิเรกอะไร ชอบฟังเพลงแบบไหน มันเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ฉันคิดว่าท่านคงจะ เซอร์ไพรส์กับคำถามของฉัน ก็เลยทำให้เราเริ่มคุยกันอย่างสนุกสนาน ฉันคิดว่าท่านจะไม่สนใจฉันนะถ้าหากท่านไม่เห็นว่าฉันคุยสนุก"
ทั้งนี้เธอยังเปิดเผยก่อนการรับมงกุฎมิสยูนิเวิร์สว่า เธอรอคำอวยพรจากประธานาธิบดี เพราะมั่นใจว่าคำอวยพของท่านนั้นจะเกิดขึ้นจริงอีกครั้ง เหมือนครั้งที่ท่านอวยพรให้สาวงามจากฟิลิปปินส์ที่เข้าประกวดเวทีมิสอินเทอร์เนชั่นแนล 2013 จนคว้าชัยชนะมาครอง
ไม่เพียงแต่จะถูกจับตามองในเรื่องของความสัมพันธ์เท่านั้น แต่ยังลามไปถึงคำถามที่ได้รับบนเวทีที่ส่อเค้าว่าจะเป็นเรื่องการเอื้อผลประโยชน์ทางการเมือง
"คุณคิดว่าสหรัฐฯ ควรจะตั้งฐานทัพในฟิลิปปินส์หรือไม่"
และเธอก็ตอบคำถามนั้นอย่างฉะฉานว่า "ฉันคิดว่าฟิลิปปินส์และสหรัฐฯ มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันค่ะ ดังนั้นจึงไม่น่ามีปัญหาอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้"
และนั่นยิ่งทำให้หลายคนพากันปักธงว่า เรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำอะไรเป็นพิเศษแน่นอน
ขณะเดียวกัน วงการขาอ่อนที่เมืองไทย ก็ให้ความสนใจกับความผิดพลาดจากเวทีระดับจักรวาลครั้งนี้ไม่แพ้ชาติใดในโลกเหมือนกัน โดยหนึ่งในกูรูนางงามเมืองไทย อย่าง “คุณประเสริฐ เจิมจุติธรรม” ก็ออกมาแสดงความเห็นว่าเป็นความผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัย เพราะทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ล้วนได้รับความเสียหายหมด โดยเฉพาะกองประกวดที่เพิ่งเปลี่ยนมือมาจัดเป็นปีแรก ส่วนนางงามโคลัมเบียนั้น นอกจากจะเสียใจแล้ว ยังต้องเสียหน้า และต้องอับอายไปทั่วโลก เมื่อถูกถอดมงกุฎกลางเวที ทั้งนี้โดยให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า หากผลการประกาศระบุว่าเธอเป็นรองอันดับ 1 ตั้งแต่แรก อาจจะน่าภาคภูมิใจมากกว่านี้
ขณะที่ “ตี๋-ธเนษฐ ลักษณะวิลาส” กูรูนางงามอีกท่าน ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ t-pageant กลับมองว่านี่ไม่ใช่เรื่องของคงวามผิดพลาด หากแต่เป็นความตั้งใจจะให้เป็นกระแสของบริษัท IMG ที่เพิ่งได้รับสิทธิ์ในการจัดเป็นครั้งแรก แทน “โดนัลด์ ทรัมป์” แต่อย่างไรเสีย ก็นับเป็นความอัปยศที่สุดในรอบ 64 ปี ของเวทีมิสยูนิเวิร์ส
ทางด้าน “อ. ศิริปื่น ปิ่นศิริ” ครูสอนร้องเพลงและดนตรี , ผู้ออกแบบควบคุมการแสดงและร้องเพลง ที่ได้รับการยอมรับในวงการบันเทิง มองว่าน่าจะมีการชดเชยความผิดพลาด ด้วยการทำมงกุฎเพิ่ม แบ่งครึ่งของรางวัล และให้ครองตำแหน่งอันทรงเกียรติร่วมกัน
อนึ่ง “Pia Alonzo Wurtzbach” สาวงาม วัย 26 ผู้ครองมงกุฎแห่งจักรวาลท่ามกลางความกังขาของคนทั่วโลกนั้น เป็นชาวฟิลิปปินส์ที่มีเชื้อสายเยอรมัน โดยถือกำเนิดที่เมืองสตุตต์การ์ด ประเทศเยอรมัน จบการศึกษาจาก Center for Asian Culinary Studies ในซานฮวนกรุงมนิโล ก่อนจะขึ้นเวทีประกวดเธอเคยเป็นทั้งนางแบบ และนักแสดงสังกัดเอเยนซีของสถานีโทรทัศน์ ABS-CBN โดยเธอเริ่มเข้าวงการบันเทิงตั้งแต่อายุ 4 ขวบ จึงเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง มีผลงานทั้งทางโทรทัศน์ และภาพยนตร์มากมาย อาทิ ซีรีส์ K2BU, ละครเรื่อง Your Song, ละครซิตคอมเรื่อง Bora, ละครเรื่อง Sa Piling Mo, ภาพยนตร์เรื่อง Kung Ako Na Lang Sana, ภาพยนตร์เรื่อง All My Life, ภาพยนตร์เรื่อง All About Love ฯลฯ อีกทั้งยังมีบทบาทในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านความสวยความงาม โดยเป็นสไตลิสต์ เมคอัพอาร์ทิสต์ และเป็นคอลัมนิสต์ด้านความงามให้กับหนังสือพิมพ์ Inquirer Lifestyle
ส่วน “Ariadna Gutierrez” ที่ครองมงกุฎแห่งจักรวาลสั้นที่สุดในประวัติศาสตร์นั้น แม้จะสวรรค์ล่มในชั่วไม่กี่นาที แต่เธอก็กลายเป็นสาวงามที่โด่งดัง เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ไม่แพ้สาวงามที่มีมงกุฎมิสยูนิเวิร์สการันตีความงาม
ขณะที่ “น้องแนท-อนิพรณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์” มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ตัวแทนสาวงามจากประเทศไทย ไปชิงชัยบนเวทีขาอ่อนระดับโลก แม้จะทำได้เพียงผ่านเข้าสู่รอบ 10 คนสุดท้าย (จริงๆ แล้วได้คะแนนจากคณะกรรมการเป็นอันดับที่ 5 แต่มาพ่ายที่คะแนนโหวต ทำให้ร่วงมาอยู่อันดับที่ 6) แต่ก็สามารถนำความภาคภูมิใจกลับมาสู่พี่น้องชาวไทย ด้วยการคว้ารางวัล Best National Costume (ชุดประจำชาติยอดเยี่ยม) จากชุด “ตุ๊กตุ๊กไทยแลนด์” ไปตามความคาดหมาย
งานนี้เรียกว่าคนไทยได้เฮกันลั่นทั้งประเทศอีกครั้ง แต่ขณะเดียวกันก็เป็นการตบหน้าผู้ที่เคยออกมาวิพากษ์วิจารณ์ชุด “ตุ๊กตุ๊กไทยแลนด์” ฉาดใหญ่เลยทีเดียว
โดยหนึ่งในนั้นก็มีรายนามของอดีตนางสาวไทย “บุ๋ม-ปนัดดา วงษ์ผู้ดี” ที่ออกโรงมาโจมตีชุดดังกล่าวด้วยถ้อยคำที่เผ็ดร้อนตามสไตล์ ในทำนองว่า “อินสไปร์” หรือ “ก็อปปี้” ก่อนจะลุกลามกลายเป็นสงครามนางงามกับนางงามรุ่นน้องอยู่พักหนึ่ง รวมถึงอีกหลากหลายคำวิจารณ์ ในเชิงจิกกัดผู้ออกแบบ บ้างก็ว่าเป็นชุดที่ค้านสายตาคนไทย บ้างก็โจมตีว่าเป็นชุดปัญญาอ่อน สั่นคลอนวงการแฟชั่น ไม่สื่อถึงความเป็นไทย
กระทั่งในเพจดังอย่าง CSI LA ที่เคยโพสต์ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับชุด "ตุ๊กตุ๊ก ไทยแลนด์" ว่าไม่เห็นด้วยกับการออกแบบชุดดังกล่าว และเชื่อว่าผู้ออกแบบนั้นไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ และวัฒนธรรมอเมริกัน เนื่องจากศัพท์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับรถรับจ้างต่างๆ นั้น ล้วนแล้วแต่เป็นคำสแลงที่มีความหมายถึงผู้หญิงสำส่อนหรือผู้หญิงขายตัวทั้งสิ้น
สุดท้ายพอชุด “ตุ๊กตุ๊กไทยแลนด์” ได้รางวัล ประกาศศักดาว่าชุดไทยไม่จำเป็นต้องนุ่งโจง ห่มสไบเฉียง ก็สง่างามบนเวทีโลกได้ เหล่าบรรดาผู้ที่ออกมาโจมตีก็หายเข้ากลีบเมฆ ไม่เว้นแม้แต่ชายเจ้าของเฟซบุ๊ก Supavadee Sittichai ผู้ที่เคยประกาศอย่างท้าทายลั่นโลกโซเชียลฯ ว่าถ้าชุดตุ๊กตุ๊กฯ ได้รางวัล จะกินอุจจาระสุนัขโชว์ และที่รุนแรงกว่านั้น ก็ถือข้อความจากผู้ชายอีกคนที่บอกว่าจะตัดเจ้าโลก พร้อมถ่ายคลิปโชว์ หากชุดนี้ ได้รางวัลชุดประจำชาติยอดเยี่ยม ซึ่งตอนนี้ชาวเน็ตก็ตามไล่ล่าเจ้าของกระทู้ดังกล่าวให้กลับมาทำตามสัญญาลูกผู้ชาย
แต่สุดท้ายเจ้าของเฟซบุ๊ก Supavadee Sittichai ก็ออกมาโพสต์ข้อความขอโทษ
"ใช่ๆ ตามที่เป็นกระแสเลย ผมต้องขอโทษ ที่โพสต์คอมเม้นไปแบบนั้นนะครับ ทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์จริงๆ ต้องขอโทษไปยังคุณแนท มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2015 ด้วยนะครับ และแฟนคลับชาวไทยทุกคน รวมถึงสื่อออนไลน์ต่างๆ ด้วยนะครับ"
แต่ถึงจะชนะเลิศบนเวทีระดับโลกมาแล้ว แต่ชุด “ตุ๊กตุ๊กไทยแลนด์” ก็ยังไม่วายโดยค่อนขอดจาก “สุชาติ สวัสดิ์ศรี” หรือ “สิงห์สนามหลวง” ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ พ.ศ. 2554 และนักเขียนอาวุโส ที่โพสต์คำวิจารณ์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า
“ความเสื่อมของ “กะลาแลนด์” นี่หรือ Best National Costume ของคณะกรรมการ Miss Universe นี่คือรสนิยมห่วยแตก เพราะความเฮฮาเสียมากกว่า อย่างไรก็ตาม ถ้าหากเข้ารอบเป็น Miss Universe นางสาวรถตุ๊กตุ๊กคันนี้ก็อาจจะโดนกรรมการตั้งคำถามให้ตอบ เช่น “หนูคิดอย่างไรกับเรื่องรัฐประหารที่บ้านของหนู ?” หรือเอาที่เบาหน่อยก็อาจเป็น “หนูมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่อง ม.112 ในประเทศของหนู ?” ดีแล้วที่หนู “ตกรอบ” ได้มาแค่ “รสนิยมห่วยแตก” ของคณะกรรมการที่เรียกว่า Best National Costume ถ้าสังเกตให้ดีอาจเห็นนกหวีดอยู่ตรงไหนสักแห่งก็ได้”
แต่อย่างไรก็ตาม ชัยชนะของน้องแนทในครั้งนี้ ก็นับเป็นครั้งที่ 6 ที่สาวงามจากประเทศไทย คว้ารางวัลนี้มาครองได้อย่างสง่างาม
โดยนับย้อนไปตั้งแต่ปี 1969 สาวไทยคนแรก ที่คว้ารางวัลนี้กลับมาฝากคนไทย ก็คือ “แสงเดือน แม้นวงศ์” กับชุดนางรำละคร
ปี 1988 “ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก” หรือ “พี่ปุ๋ย” ของเด็กๆ นางงามจักรวาลคนที่ 2 ของประเทศไทย ก็คว้ารางวัลเดียวกันนี้มาครอง จากชุดไทยที่ดัดแปลงจากฉลองพระองค์ของพระราชินี
ปี 2005 “ชนันภรณ์ รสจันทน์” ได้รับจากชุดที่ได้แรงบันดาลใจจากชุดสตรีในสมัยอยุธยา สวมศิราภรณ์ทองถักบนศีรษะ
ปี 2008 “ แก้ม กวินตรา โพธิจักร” กับชุดไทยประยุกต์ สปิริตออฟไฟติ้ง ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากชุดนักมวยไทย
ปี 2010 ”ปุ๊กลุก-ฝนทิพย์ วัชรตระกูล” กับชุดไทยประยุกต์ "สยามไอยรา" ที่ได้แรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากช้าง ซึ่งเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทย
ก่อนจะถึงชัยชนะอีกครั้ง จากชุด “ตุ๊กตุ๊กไทยแลนด์” ในปี 2015 ของ “น้องแนท-อนิพรณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์”ถือเป็นประเทศที่คว้ารางวัลชุดประจำชาติบนเวทีมิสยูนิเวิร์สได้มากที่สุดในโลก
ในความดรามา ก็ยังมีแง่มุมดีๆ ให้คนไทยได้มีรอยยิ้มต้อนรับปีใหม่ !!
ที่มานิตยสาร ASTV สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 320 26 ธันวาคม 2558- 1 มกราคม 2559