ปรากฏการณ์จากอาการป่วย ของ “ปอ-ทฤษฎี”

กว่า 1 สัปดาห์แล้ว ที่พระเอก “ปอ-ทฤษฎี สหวงษ์” นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี เพราะป่วยด้วยโรค “ไข้เลือดออก” ซึ่ง ณ วันนี้อาการยังคงอยู่ในภาวะวิกฤติ ท่ามกลางแรงใจของคนในครอบครัว คนในวงการบันเทิง แฟนละคร รวมไปถึงคนไทยทั้งประเทศ ที่เฝ้ารอวันที่พระเอก ทั้งในจอ และนอกจอคนนี้ จะหายเป็นปกติ

เรื่องอาการของปอ ทุกท่านคงติดตามได้จากการรายงานความเคลื่อนไหวผ่านทางสื่อ นสพ. , สื่อออนไลน์ และรายการข่าวบันเทิง ที่เกาะติดสถานการณ์รายงานกันแบบแทบจะเรียกว่าวินาทีต่อวินาทีอยู่แล้ว แต่นอกเหนือจากนั้นแล้ว อาการป่วยวิกฤติครั้งนี้ของพระเอกปอ ยังสะท้อนให้เห็นถึงปรากฏการณ์หลายอย่าง

ประการแรก ก็คือทำให้คนทั้งประเทศ “ตื่นตัว” และหันมาให้ความสนใจกับเรื่องของ “ไข้เลือดออก” กันมากขึ้น ในสื่อต่างๆ พร้อมใจกันนำเสนอข้อมูลทั้งเรื่องของประเภท , อาการ และการป้องกันตัวเองไว้อย่างละเอียดลออ ทั้งที่จริงๆ แล้ว เราๆ ท่านๆ คุ้นชินกับชื่อของโรคนี้มานานนม เพียงแต่อาจจะถูก “มองข้าม” หรือละเลยไปบ้าง เพราะที่ผ่านมา ดูเหมือนจะยังไม่มีปรากฏเป็นข่าวว่ามีผู้ป่วยที่มีอาการอยู่ในขั้นวิกฤตขนาดนี้ ซึ่งการได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ก็จะส่งผลให้ทุกคนสามารถระแวดระวังภัยอันตรายจากโรคดังกล่าว หรือรู้จักวิธีที่จะดูแลตนเองให้ห่างไกลจากโรคนี้ได้มากขึ้น

ประการที่ 2 การป่วยของปอ ถูกนำมาโยงเข้ากับเรื่องของดวงชะตา คำทำนายทายทัก และลุกลามบานปลายไปถึงเรื่องของวิญญาณ การแก้กรรม และสิ่งลี้ลับที่ยากแก่การพิสูจน์ ในระยะตลอด 1 สัปดาห์นับแต่วันที่ปอเข้าโรงพยาบาล จึงทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่หมอดูทั้งมีชื่อ และไม่มีชื่อ ออกมาร่วม “มโน-กรรม” กันเป็นทิวแถว

คำทำนายของ”หมอลักษณ์ ฟันธง” ที่เคยทายไว้ในรายการ “ศึก 12 ราศี” ว่าตั้งแต่วันที่ 11 กรกฎาคม 2558 ไปจนถึงกลางปี 2559 ชาวราศีมังกร (ราศีเกิดของปอ ซึ่งเกิดวันที่ 23 มกราคม 2521) มีเกณฑ์เจ็บป่วยช่วงปลายปี ควรระวังเรื่องสุขภาพและอุบัติเหตุ ช่วงปลายปีมีเกณฑ์จะเจ็บไข้ได้ป่วย อาจจะรักษาไม่หาย หรือป่วยเรื้อรัง แนะนำให้ทำบุญและหมั่นดูแลสุขภาพร่างกาย ถูกนำมาเทียบเคียง ว่าสอดคล้องกับกรณีของปอ ที่เจอทั้งอุบัติเหตุตกบันไดเมื่อช่วงต้นปี พอมาปลายปี ก็ต้องมาป่วยหนักอีก
จากคำทำนายของหมอลักษณ์ที่ก็ไม่สามารถฟันธงได้ว่าแม่นยำจริงหรือแค่บังเอิญ ในเวลาต่อมา บรรดาหมอดูจากหลายสำนักก็ออกมาขอมีส่วนร่วมในการทำนายด้วย อย่างเช่น

“แม่หมออารีย์” หมอดูที่ประจำการอยู่เว็บไซต์ hunsa.com ทำนายว่าอาการของปอจะดีขึ้น แต่จะเป็นไปอย่างช้าๆ เพราะตามดวงแวดล้อมไปด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยช่วยเหลือ และยังมีบุญกุศลที่ทำมาหนุนเนื่อง

“หมอดูต๊อกแต๊ก A4” ทำนายว่าปอน่าจะผ่านช่วงนี้ไปได้ และจะกลับมาเปรี้ยงปร้างอีกครั้ง

นอกจากในเรื่องของการทำนายทายทักแล้ว บรรดาหมอดูยังพาเหรดกันออกมาแนะนำสารพัดวิธี “แก้กรรม” ในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งบางทีคำชี้แนะก็ขัดแย้งกันเอง

"ริว จิตสัมผัส" มาแบบขั้นพื้นฐาน ด้วยการให้เหล่าแฟนคลับร่วมกันสวดมนต์ และส่งแรงใจเพื่อให้ปอจากอาการป่วยโดยไว
“หมอกฤษณ์ คอนเฟิร์ม” แนะนำว่าถ้าจะให้หายจริงๆ จะต้อง “บวช” เท่านั้น !!

“หมอแมค ขั้นเทพ” แนะให้คุณพ่อคุณแม่ คุณปอ ไปทำบุญเสริมดวงให้กับลูกชาย ส่วนแฟนคลับ แนะนำให้ร่วมกันสวดบทต่อสืบชะตา ที่ขึ้นว่า อัตถิ อุณหิสสะ ..... และร่วมกันภาวนาจิตส่งให้ทั้งปอ และเจ้ากรรมนายเวรด้วย

สาวใหญ่ชาวภูเก็ต เจ้าของร้านซักรีด-ตัดเย็บเสื้อผ้าวัย 40 ปี ผู้อ้างว่าเห็นพระเอกหนุ่มมาขอความช่วยเหลือ และขอน้ำดื่มขณะกำลังละหมาด แนะนำว่าแนวทางการช่วยเหลือ และยื้อชีวิตพระเอกหนุ่ม นั่นก็คือ "การฆ่าชีวิตเพื่อต่อชีวิต" ซึ่งจะต้องใช้แพะที่มีอายุ 2 ปีขึ้นไป จำนวนเท่าอายุพระเอกหนุ่ม อ้างว่าที่ออกมาช่วยเหลือไม่ได้เพราะอยากดัง แต่เป็นความประสงค์ของพระเจ้า
ส่วนใหญ่หมอดูเหล่านี้ ก็ออกมาพูดครั้งเดียวจบ แต่รายที่ “เล่นไม่เลิก” จนกลายเป็นเรื่องดรามาปาหี่ในโลกออนไลน์ ก็คือกรณีของ "อ. แบงค์ สื่อกรรมสื่อวิญญาณ" ที่ยกเรื่อง “เจ้ากรรมนายเวร” มาพูดซ้ำแล้วซ้ำอีก เริ่มจากผูกเรื่องว่า เจ้ากรรมนายเวรของพระเอกปอเป็นผู้ชาย ซึ่งต่อมาระบุว่าชื่อ “มัด” ในอดีตชาติเคยถูกปอทำร้าย ทรมาน จนถึงแก่ความตาย พร้อมแนะนำให้ครอบครัวของปอไปทำบุญใหญ่ด้วยการไถ่ชีวิตโคกระบือ 1 ตัว ปล่อยปลา 108 ตัว นั่งสมาธิวันละ 30 นาทีข้างเตียง พร้อมทั้งแผ่เมตตาขออโหสิกรรมกับเจ้ากรรมนายเวรของปอแบบระบุเจาะจงทุกวันจนกว่าจะหาย เพื่อให้เปิดทางให้การรักษาของแพทย์ง่ายขึ้น ร่างกายจะได้ตอบสนองกับยาและการรักษาของแพทย์
หนักเข้าถึงขนาดอ้างว่าปอกำลังถูกเจ้ากรรมนายเวรยืนเหยียบอกอยู่ พร้อมทั้งมีการวาดภาพลายเส้นประกอบคำอธิบายดังกล่าว แนะนำให้น้องชายปอบวชอุทิศส่วนกุศลให้ และที่หนักข้อที่สุด ก็เห็นจะเป็นเรื่องที่กล่าวอ้างว่าเจ้ากรรมนายเวรของปอสื่อสารกับตนเอง ว่า“หากอยากให้ปอหายป่วยต้องกราบตีนกู”

สิ้นสุดโพสต์นี้ ดรามาก็บังเกิดทันที ไม่ว่าจะเป็นแฟนคลับของปอ ที่อดรนทนไม่ไหว ต้องออกมาโพสต์ตอบโต้ ยังไม่รวมบรรดาสื่อมวลชน และในสังคมออนไลน์ ที่แคปชั่นโพสต์ดังกล่าว แล้วนำมาวิพากษ์วิจารณ์ว่ารับไม่ได้กับการกระทำของ อ.แบงค์ ที่อยากดังจนไม่สนใจความรู้สึกของคนในครอบครัวของปอ เอาเรื่องความเป็นความตายมาสร้างกระแสให้ตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นความเป็นความตายของพระเอกที่มีคนทั้งประเทศคอยเอาใจช่วยอยู่

และเพียงชั่วข้ามคืน กระแสการต่อต้าน ก็ระบาดไปทั่วโลกโซเชียลฯ ไม่เว้นแม้แต่คนในแวดวงเดียวกัน อย่าง “หมอซัน ราชาไพ่คเณชานี” ที่ออกโรงมาจวกการกระทำของ อ.แบงค์ เพราะไม่เห็นด้วยกับการโหนกระแสอาการป่วยของปอ ที่รังแต่จะทำให้คนตั้งแง่รังเกียจอาชีพหมอดู
ประการที่ 3 ทำให้พวกเราตระหนักถึงความรักของครอบครัว “สหวงษ์” โดยเฉพาะการยอมรับในตัว “โบ-แวนดา สหวงษ์” ในฐานะที่เป็นภรรยาของปอ และเป็นสะใภ้ของครอบครัว ซึ่งที่ผ่านมา มีข่าวลือกระเส็นกระสายมาตลอดว่า ทางครอบครัวของปอ ไม่ยอมรับในตัวโบ เพราะตั้งแง่รังเกียจที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว

โดย “ผศ.สงวน สหวงษ์” บิดาของพระเอกปอยืนยันว่าครอบครัวไม่มีเจตนาจะปิดบัง แต่เคารพในการตัดสินใจของโบ เนื่องจากต้องการอยู่เงียบๆ และอยากใช้ชีวิตเป็นคนธรรมดา

“ต้องชี้แจงว่าก่อนหน้านี้ที่ไม่ได้เปิดตัวเรื่องปอมีครอบครัวและมีลูกนั้น ครอบครัวของเราไม่ได้มีเจตนาจะปิดบังแต่อย่างใด แต่เลือกที่จะเอาความสบายใจของโบเป็นหลัก เขาอยากที่จะอยู่เงียบๆ ไม่เปิดตัว โดยให้เหตุผลว่าอยากให้ลูกและตัวเองเป็นคนธรรมดาที่ใช้ชีวิตปกติ ถ้าเปิดตัวก็จะเป็นที่เอิกเกริก ซึ่งทุกคนในครอบครัวก็เคารพในการตัดสินใจของเขา”

นอกจากจะได้รับการยอมรับจากครอบครัวของปอผู้เป็นสามีแล้ว ณ วันนี้ต้องเรียกว่าโบยังได้รับการยอมรับจากสังคม ในฐานะที่สามารถฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ นานา โดยเฉพาะมรสุมข่าวที่ถาโถมเข้ามาตลอดนับตั้งแต่มีข่าวว่าทั้งคู่คบหากัน ด้วยการทำหน้าที่เป็นภรรยาที่ดี และยืนอยู่เคียงข้างในวันที่สามีเจ็บหนัก

“แวนดา มุททาสุวรรณ” หรือ “แวนด้า สหวงษ์” เป็นชาวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในอดีตเคยเป็นนักกีฬาเทควันโด และเป็นพิธีกรรายการทีวี รวมถึงเคยทำงานเป็นผู้ประกาศข่าวทางช่องทรูวิชั่นส์อีกด้วย

สำหรับความรักของปอกับโบนั้น ทั้งคู่คบหาดูใจกันมานานกว่า 10 ปี ซึ่งปอเคยพยายามขอ โบแต่งงาน แต่ฝ่ายหญิงยังไม่พร้อม ประกอบกับทั้งคู่คิดตรงกันว่าอยากให้ลูกได้อยู่ในงานแต่งด้วย จึงจดทะเบียนสมรสและใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกัน กระทั่งมีพยานรัก 1 คน
ก่อนหน้านั้น ปอเองเคยถูกแฉว่า “แย่งเมียเพื่อน” เพราะฝ่ายหญิงแต่งงานมีลูกกับสามีเก่าแล้ว ชื่อ “น้องออโต้” รวมถึงยังมีการนำภาพการ์ดงานแต่งงานของโบกับเจ้าบ่าวมาโชว์ตามเว็บบันเทิงต่างๆ ครานั้นจึงบังเกิดกระแสการต่อต้าน และตำหนิติเตียนการกระทำของปอแบบเสียๆ หายๆ อยู่พักใหญ่ แต่ปอก็ยืดอกหยัดยืนต่อสู้กับคำติฉินนิทาด้วยความหนักแน่น และยืนยันว่ารับรู้มาตั้งแต่ต้นแล้วว่าโบเคยแต่งงานมาก่อน แต่ก็ไม่เคยนึกรังเกียจอดีตที่ผ่านมา ยืนยันว่าไม่ได้แย่งภรรยาเพื่อน และอยากให้เห็นใจฝ่ายหญิง ย้ำ อายุ 30 ปีแล้ว สามารถตัดสินใจเองได้ว่าจะคบใคร
“ข่าวที่ออกไปว่าโบเขาผ่านการแต่งงานมาแล้ว คิดว่าคงหลุดมาจากคนที่ไม่หวังดีที่หวังจะมาทำลายอะไรสักอย่างรึเปล่า ผมเองก็ไม่แน่ใจ แต่ผมจะบอกทุกๆ คนว่า ถ้าผมจะคบกับผู้หญิงคนหนึ่ง ผมไม่สนว่าใครเคยเป็นอะไร แล้วผมก็เชื่อว่าการที่เราจะมีคนรักหรือจะคบกับใครสักคน เราไม่จำเป็นต้องมองในสิ่งที่มันผ่านมาแล้ว ผมจะอยู่กับปัจจุบันแล้วก็อนาคต ผมคิดว่าทุกๆ คนจะต้องมีสิ่งที่เคยทำพลาด หรือไม่ว่าจะเป็นในสิ่งที่เราไม่อยากจะไปคิดถึงมันอีกแล้ว แล้วเราเองก็พร้อมที่จะเริ่มต้นกับอะไรใหม่ๆ ได้ในทุกๆ ครั้ง ผมรู้มาตั้งแต่แรกแล้ว ซึ่งผมรับได้ จึงตัดสินใจที่จะคบกับเขา ผมรู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่าเป็นยังไง เราแฟร์ๆ กัน เราคุยเปิดใจกันทุกเรื่อง เราพูดความจริงกันทุกเรื่อง ข่าวพวกนี้ไม่มีปัญหาอะไรกับเราเลย”
และประการสุดท้าย ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลย ก็คือการปรากฏตัวของ “น้องมะลิ-เด็กหญิงพาขวัญ สหวงษ์” โซ่ทองคล้องใจของปอกับโบ ซึ่งกลายเป็นขวัญใจมหาชน เป็นเด็กที่คนหลงรักกันทั่วประเทศ เป็นเน็ตไอดอลคนล่าสุดของสังคมไทย สร้างปรากฏการณ์ “มะลิฟีเวอร์” อยู่ในขณะนี้
ไม่แปลกที่ประเด็นเรื่องปอปิดบังเรื่องการมีลูกจะถูกมองข้าม และไม่ถูกยกขึ้นมาเป็นประเด็น เพราะกระแสทั้งหมดเทไปที่ความชื่นชมในความน่ารัก น่าชัง และสดใส เป็นธรรมชาติ ซึ่งทุกครั้งที่น้องมะลิเดินทางมาเยี่ยมพ่อ ก็จะมายิ้มแย้ม โบกไม้โบกมือ ทักทายสื่อมวลชน รวมถึงยังมีเต้นโชว์อีกด้วย

แต่หลายคนก็อดไม่ได้ที่จะน้ำตาซึม เมื่อเห็นภาพในไอจี @portid ที่ปออุ้มลูกสาวอยู่ในอ้อมแขน และน้องมะลิได้ทวงสัญญาจากพ่อ ให้ตื่นขึ้นมาพาไปเที่ยว โดยทันทีที่มีการลงภาพและข้อความ ก็มีแฟนคลับและชาวเน็ตจำนวนมาก แห่เข้ามาเขียนข้อความให้กำลังใจ และภาวนาให้พระเอกปอหายจากอาการป่วยโดยเร็วที่สุด

“อาน้ำอ้อย ศรมนตรา” ผู้จัดการส่วนตัวของปอระบุว่า ภาพดังกล่าวโบเป็นคนลงเอง แต่คนที่เลือกรูป คือน้องมะลิ ที่ระยะนี้ถามหาแต่พ่อปออยู่ตลอด โดยรูปที่ลงไอจี เป็นรูปขณะปอพาลูกสาวไปเที่ยวที่ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี พร้อมกันนั้น ก็ได้เปิดใจกับผู้สื่อข่าวบันเทิง ว่าทางครอบครัวตั้งใจเปิดตัวภรรยาและลูกของปอในเดือน พ.ย.นี้อยู่แล้ว แต่ปอมาป่วยหนักเสียก่อนย้ำ ไม่เคยรังเกียจอดีต

“อดีตทุกคนมีด้วยกันทั้งนั้น ที่บ้านเรา ครอบครัวเราต้อนรับใครก็แล้วแต่ที่มาเป็นเขยสะใภ้ เราก็ต้องดูเลยว่าลูกเราหลานเราเต็มใจ ไม่ว่าจะเป็นทางฝั่งเขยหรือสะใภ้ เราดูแล เราเป็นครอบครัวที่ดี มีความสุข เราไม่เคยคิดแปลกประหลาด ต้อนรับทุกคน ลูกเรารักใครเราก็รักคนนั้น หลานเรารักใคร เราก็รักคนรักของหลาน ยิ่งมีตัวเล็กน่ารักแบบนี้ ใครจะอดใจได้ น้องน่ารักมา

อาคิดว่าที่คนรักน้องมะลิเป็นแรงที่ปอเขาเป็นห่วง อาคิดว่าตอนนี้ปอเขาต้องรู้นะ ว่าลูกมาหาเขาและคนแฮปปี้กับลูกเขา เขาต้องรับรู้ได้ อาคิดว่าเป็นบุญของมะลิและของปอ

ตั้งแต่เปิดตัวมะลิน้อย อาเห็นรอยยิ้ม คลายไปเยอะเลย ทั้งพ่อปอ แม่ปอ และอา น้องทั้งสองคน ญาติผู้ใหญ่ รวมทั้งโบ และพ่อแม่โบ ถือว่ามะลิเป็นโซ่ทองคล้องใจทุกคนหมดเลย”

อีกภาพหนึ่งที่ผู้พบเห็นต่างก็ตื้นตันใจไปกับความรักที่นางฟ้าตัวน้อยมีต่อพ่อ ก็คือภาพที่น้องมะลิกอดขารูปขนาดเท่าตัวจริงของพ่อปอด้วยความคิดถึง

และล่าสุด มีการเปิดอินสตาแกรม @malisahawongofficial, เฟซบุ๊ก มะลิ พาขวัญ สหวงษ์ และทวิตเตอร์ @malisahawong เพี่อเป็นช่องทางในการติดตามเด็กหญิงขวัญใจมหาชนคนนี้เรียบร้อยแล้ว

ถึงวันนี้ได้เพียงหวังใจว่ากำลังใจที่คนทั้งประเทศส่งให้ปอ รวมถึงพลังความรักจากน้องมะลิที่ส่งถึงพ่อ จะบังเกิดปาฏิหาริย์ ทำให้ปอหายป่วยในเร็ววัน ซึ่งจากการแถลงอาการล่าสุดของทีมแพทย์ ที่ระบุว่าหลังการผ่าตัดก้อนเลือดในเยื่อหุ้มปอดด้านซ้าย อาการโดยรวมของปอดีขึ้นในระดับที่น่าพอใจ มีสัญญาณของการรู้สึกตัวมากขึ้น แต่ยังคงต้องอาศัยการติดตามอาการอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง แต่ก็นับว่าเริ่มมองเห็นแสงสว่างรำไร ท่ามกลางการเอาใจช่วยของคนทั้งประเทศที่ภาวนาให้อาการค่อยๆ ดีขึ้นๆ ตามลำดับ กระทั่งหายเป็นปกติในที่สุด และกลับมาเป็นพระเอกที่ดังเปรี้ยงปร้างดังคำทำนายของหมอดู

ที่มานิตยสาร ASTV สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 315 21-27 พฤศจิกายน 2558