xs
xsm
sm
md
lg

เปิดคำทำนาย 5 หมอดูดัง! สืบหาเที่ยวบิน MH 370

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


5 หมอดูดังออกมาทำนายชะตากรรมของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบิน 370 เชื่อจะมีผู้รอดชีวิต!

มาดูกันว่าแต่ละท่านทำนายว่ายังไงบ้าง บอกไว้ก่อนว่าโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน!


หมอกฤษณ์ คอนเฟิร์มเครื่องบินจมน้ำแน่นอน!

หมอกฤษณ์ คอนเฟิร์ม ออกมาคอนเฟิร์มว่าเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์เที่ยวบิน MH 370 ตกน้ำแล้วแน่นอน โดยเขาใช้วิธีทายจากโหราศาสตร์ไทย คือ เลขศาสตร์ ใช้วิธีทายจากตัวเลข เช่น ตัวเลขของไฟลต์บิน MH 370 และตัวเลขเครื่องบินโบอิ้ง 777-200

“หลายคนอาจถามว่าปกติเครื่องบินลำนี้ก็บินตลอด แล้วทำไมไม่เกิดอุบัติเหตุ ทำไมต้องมาเกิดเหตุวันนี้ ผมขอตอบว่ามันเหมือนกับคนที่กำลังจะตายโหง ยกตัวอย่างเวลาคุณขับรถ ไม่ได้หมายความว่าจะตายโหงเลย แต่อาจจะขับรถ 5- 10 ปี แล้วถึงเกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิต ดังนั้นเรื่องแบบนี้จึงเป็นเรื่องเฉพาะตัว เฉพาะเครื่อง เรื่องของจังหวะเวลาและเรื่องของคนขับ อย่างกรณีของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส ผมไม่ทราบหรอกว่าทำไมเป็นวันนั้น แต่ถ้าถามจากศาสตร์ของผม เลขเครื่องบินโบอิ้ง คือ 777 - 200 แล้วเลข 777 เป็นเลขเคราะห์ซ้อนกัน พอมารวมกับเลข 2 จึงชัดเจนว่าต้องเกิดอุบัติเหตุแน่นอนอยู่แล้ว และเป็นอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับน้ำ เช่น ตกน้ำ จมน้ำ ระบบน้ำขัดข้อง นอกจากนั้นเลข 7 กับเลข 2 ก็เป็นเลขพลัดพราก ตามหลักของเลขศาสตร์ เมื่อเลข 2 กับ 7 ชนกัน มันเหมือนขอนน้ำที่ลอยในน้ำ

“แล้ววันที่เกิดเหตุคือ 8 มีนาคม ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างวันที่ 7 และ วันที่ 8 ยิ่งบ่งชัดมากขึ้น เพราะเลข 7 คือ ดาวเสาร์ แถมยังเจอเดือนมีนาคม ซึ่งพอนับเลขวัน เดือนและพ.ศ. ก็จะได้เลขศาสตร์ที่ถือว่าเป็นศัตรูกันและเป็นอุบัติเหตุ นอกจากนั้น หมายเลขไฟลต์ 370 ก็ไม่ดี เพราะเลข 3 และเลข 7 คือ อุบัติเหตุที่รุนแรงหรือคู่แตกหัก

“กระแสข่าวที่บอกว่ามีคนไปจี้เครื่องบิน หรือบังคับให้หันทิศทางบิน ผมบอกได้เลยว่าไม่ใช่ทั้งสิ้น เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการจี้ แต่เป็นลักษณะนักบินทำเองทั้งหมด คือ มีการทะเลาะวิวาทในห้องโดยสาร ผมสันนิษฐานว่ากัปตันกับผู้ช่วยนักบินทะเลาะกัน มีคนใดคนหนึ่งเช่น กัปตันอาจจะรู้ว่าผู้ช่วยนักบินคิดฆ่าตัวตาย หรือกำลังคิดจะหันหัวเครื่องบินไปทางอื่น คิดทำมิดีมิร้าย เลยเกิดการทะเลาะกันขึ้น และเป็นการจงใจให้เกิดอุบัติเหตุ ความรู้สึกผมเชื่อว่า เกิดจากการจ้างวาน และคนทำเขาก็ทำได้เนียนที่สุด เพราะทำใจมานานแล้ว วางแผนมานานแล้ว ไม่เกี่ยวกับการก่อการร้ายเลยครับ

“แล้วตัวเครื่องบินนี้คือ 777-200 บวกกับวันเวลา ผมจึงสันนิษฐานจากดวงชะตาว่า ตอนนี้เครื่องบินจมในทะเลไปแล้ว ไม่มีจอดที่เกาะใดเกาะหนึ่งแน่นอน ไม่รู้จะมีโอกาสเจอซากเครื่องบินไหม แต่จากเซนส์ของผม เชื่อว่าเครื่องบินอยู่ในน้ำแน่นอน แล้วทิศทางที่เครื่องบินตกนั้น ไม่ได้ไปอินเดีย หรือไปอัฟกานิสถาน เพราะตามหลักของโหราศาสตร์ ดาวที่ส่งผลให้เครื่องบินเป็นแบบนี้หรือเกิดเหตุร้ายอะไรก็ตาม จะเกิดอยู่ในทิศที่เป็นดาวจันทร์หรือดาวอังคาร คือ ถ้าเทียบจากประเทศไทย จะออกไปทางตะวันออก หรือตะวันออกเฉียงใต้ หรือเกือบใต้ ไม่มีทางไปทางตะวันตกแน่นอน คิดว่าคงจะมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากนับร้อย แต่จะมีคนรอดไหม ผมตอบไม่ได้จริงๆ ครับ”

นอกจากนั้นหมอกฤษณ์ยังบอกว่า นับจากนี้ไปให้ระวังอุบัติเหตุทางเครื่องบินอีก

“ในแถบเอเชียต้องระวังให้ดี บอกได้ว่าจะกินช่วงไปสามเดือน คือ นับตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. เป็นต้นไป ต้องระวังอุบัติเหตุให้มาก เพราะเป็นอิทธิพลของดาวราหูและดาวเสาร์ ทำให้มีโอกาสเจออุบัติเหตุสูง”

สำหรับคนที่กลัวการขึ้นเครื่องบิน มีวิธีแนะนำไหมว่าควรหลีกเลี่ยงหรือแก้เคล็ดอย่างไรในทางโหราศาสตร์ ?


“ผมเชื่อว่ามันแล้วแต่โชคชะตาของคน แต่ถ้าเป็นผมเอง ผมจะพยายามหลี่กเลี่ยงและระวังอะไรก็ตามที่มีเลข3 กับเลข 7 มาอยู่ด้วยกัน หรือระวังเลข 7 กับ เลข 2 มาอยู่ด้วยกันมากๆ เช่น 777,777333,7722,733" หมอกฤษณ์ตอบ 

ซัน คนเห็นเคราะห์” บอกผู้โดยสารรอดชีวิตอยู่ในพื้นที่แขกหัวดำ!

ด้าน “ซัน คนเห็นเคราะห์” หรือฉายาหมอดูก้ามปู ได้พูดถึงกรณีที่เครื่องบินสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส MH 370 หายไปว่า

“ณ วันนี้ที่ผมรู้คือ เครื่องบินยังไม่ได้จมหายไปไหน ผมไม่เชื่อว่าเครื่องบินจะจมน้ำหรือมีคนตาย เพราะวันที่คุณถามผมอยู่นี้ ( 19 มี.ค.57) ผมยังไม่เห็นว่ามีใครตายนะ ผมเชื่อว่าไม่ใช่อุบัติเหตุ หรือถ้าเป็นอุบัติเหตุ ก็เพราะมีคนจงใจทำให้เกิดขึ้น มันมีการวางแผนมาก่อน ผมเห็นภาพว่าผู้โดยสารทั้งหมดอยู่แถวพื้นที่ของคนแขกหัวดำ ตอนนี้กำลังนั่งรวมกันอยู่ตรงกลางดินกว้างๆ พร้อมกับเครื่องบิน แต่ยังไม่เห็นว่าใครเป็นอะไร หรือมีใครตาย คือ ตอนนี้ผมเห็นภาพเท่านี้ครับ”

นอกจากนั้นซันยังได้แสดงความคิดเห็นถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า

“ผมคิดว่านักบินเป็นตัวกลางเลยแหละ มาคิดดูว่าใครจะปิดเรดาร์การบินได้ นอกจากนักบิน และใช่ว่าใครจะเปิดประตูก็ได้ นอกจากกัปตันหรือนักบินมาเปิดให้เอง เพราะมันต้องเปิดจากข้างในเท่านั้น

“ เชื่อว่าจะมีโอกาสเจอเครื่องบินลำนี้ ไม่เกิน 1 เดือน หรืออาจจะมีใครเจอแล้วด้วยซ้ำ แต่ปิดข่าวไม่ยอมบอกเท่านั้นเอง คนที่รู้ดีคือสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส แต่เขาไม่ยอมพูดเท่านั้นเอง เพราะเขาจะไม่รู้ได้ยังไง เป็นไปไม่ได้ ขนาดสายการบินอื่นเครื่องบินตก เขายังรู้ว่าเครื่องบินอยู่ที่ไหน เครื่องบินคงไม่หายไปจากโลกง่ายๆ หรอก ถ้ามันจมน้ำจริง ก็ควรจะมีอะไรลอยขึ้นมาบ้าง

“เรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้ผมรู้สึกว่าคนเราแย่มาก เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง เลยสามารถทำทุกอย่างให้คนอื่นเดือดร้อน เขาไม่ควรเอาชีวิตคนไปยุ่งเกี่ยวด้วย คนที่ทำแบบนี้กรรมหนักมาก ตายไปพระเจ้าก็ไม่รับขึ้นสวรรค์ ต้องตกนรกอย่างเดียว ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม และคงต้องไปอยู่ในนรกขุมสุดท้ายด้วย”

“เจน ญาณทิพย์” ระบุมีทั้งคนรอดชีวิตและเสียชีวิต

ด้าน “อาจารย์เจน ญาณทิพย์” หมอดูชื่อดังอีกท่านได้ให้สัมภาษณ์เพียงสั้นๆ ว่า

“ลองสื่อดูแล้ว แต่ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ไกลมาก มองเห็นไม่ชัดค่ะ มีทั้งคนรอดและเสียชีวิต รู้แค่นี้ค่ะ เพราะต้องไปสื่อที่เกิดเหตุจริงค่ะ”

เมื่อทีมงานพยายามสอบถามอาจารย์เจนเพิ่มเติม ก็ปรากฏว่าอาจารย์เจนปฎิเสธที่จะตอบคำถามอีก โดยระบุแค่ว่าไม่ขอคุยมากกว่านี้แล้ว นอกจากนั้นนักข่าวได้พยายามติดต่อขอสัมภาษณ์ "ริว จิตสัมผัส" หมอดูดังร่วมรายการเดียวกับอาจารย์เจนด้วย แต่ทางผู้ดูแลริว จิตสัมผัส ให้คำตอบว่าริวไม่สะดวกให้สัมภาษณ์

“อาจารย์หม่อม คนเปิดกรรม” บอกเป็นอุบัติเหตุตกในทะเล

ส่วนอาจารย์หม่อม-มณฑล สายทัศน์ ฉายา “อาจารย์หม่อม คนเปิดกรรม” ได้กล่าวว่า

“สังเกตได้ว่าเลข 370 ไม่ว่าจะเป็นเลขทะเบียนรถ ทะเบียนบ้านที่มีเลข 3 กับเลข 7 ติดกัน และมีเลข 0 มักจะมีการสูญเสียจนถึงกับชีวิตได้ ส่วนตัวเชื่อว่าเครื่องบินไม่ได้หายไปในมิติอะไรเลย จากที่ผมศึกษามาพบว่าเครื่องบินเกิดขัดข้องทางปีกซ้ายตามตัวเครื่อง คิดว่าจะหาเจอภายในปลายเดือนมีนาคมหรือช่วงเข้าเดือนเมษายน

“ไม่อยากให้คนอ่านงมงายมาก เลยจะใช้คำพูดว่าเป็นความเห็นส่วนบุคคลล่ะกันครับ คิดว่าเครื่องบินตกในทะเล เดี๋ยวก็ค้นเจอ ให้ไปค้นหาเครื่องบินทางทิศตะวันตกกับทิศใต้ เรื่องนี้เป็นอุบัติเหตุจริงๆ เกี่ยวกับเครื่องยนต์ ไม่ใช่การจงใจ ไม่ใช่การก่อการร้าย ไม่ใช่การไฮแจ็ก และนักบินไม่ได้ทำ ถ้าถามจากเซนส์ของผม ไม่ใช่จากการนั่งสมาธิ เชื่อว่าน่าจะมีคนรอดชีวิตอยู่ แต่ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมผู้รอดชีวิตถึงไม่ติดต่อกลับมา อาจเป็นเพราะเขาอยู่ในที่สัญญาณไม่ดีก็ได้”

เมื่อถามว่าผู้โดยสารกลุ่มนี้ทำกรรมอะไรร่วมกันมา จึงมาประสบเคราะห์กรรมเช่นนี้ อาจารย์หม่อมตอบว่า

“พวกเขาทำกรรมมา จึงมาเจอวาระหรือเหตุการณ์ร่วมกันและเป็นโศกนาฏกรรมน่าสลดใจ สาเหตุหนึ่งคือ บุคคลนั้นๆ ได้พรากเอาของรักของหวงคนอื่นไป พรากความรัก พรากลูกพรากเมีย หรือพรากอันเป็นที่รักของคนอื่นไปในอดีตชาติหรือชาติปัจจุบันนี้

“อาจารย์อยากฝากบอกว่าให้พิจารณากันมากๆ หน่อย อย่าเพิ่งเชื่ออาจารย์ เพราะทุกอย่างเป็นธรรมะของพระพุทธเจ้าว่า “ไม่แน่นอน” เพราะมันเป็นเรื่องของการทำนายดวง ให้เชื่อการกระทำของตัวเองว่า “ทำดีย่อมได้ดี” ครับ”

“อาจารย์มุ่ย หมอดูหูทิพย์” ชี้ผู้โดยสารยังไม่ตาย แต่มีคนบงการเพราะแย่งของกัน

ด้าน “อาจารย์มุ่ย หมอดูหูทิพย์” (ชวิศ ชื่นเจริญ) ที่สามารถสื่อผ่านจิตกับ “พ่อปู่ฤษีมหาฤษี” ได้แสดงความเห็นถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่าไม่ใช่อุบัติเหตุ

“เมื่อผมได้ทราบข่าวนี้ ก็ได้ลองถามพ่อปู่ฤษีมหาฤษีดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับสายการบินนี้ เสียงที่ได้ยินนั้นบอกว่า “คนยังไม่ตาย” พ่อปู่ฤษีมหาฤษีให้ผมหลับตาและให้เพ่งสมาธิไปที่ธงชาติมาเลเซีย ผมนั่งสมาธิอยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมง ก็พบว่าเป็นจิตที่นิ่งว่างเปล่า จนต้องอาศัยหาข้อมูลธงชาติมาเลเซียจากอินเทอร์เน็ต จึงนั่งจดจำไว้แล้วมานั่งสมาธิต่ออีกครั้ง หลังจากนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นในจิตคือเสียงที่พ่อปู่ฤษีมหาฤษีบรรยายลักษณะของเครื่องบินที่เป็นเหตุทั้งหมดรวมกับธงชาติมาเลย์เซีย เครื่องบินโบอิ้ง เที่ยวบินที่ MH370 ตรงกับวันที่ 8 มีนาคม 2557 ( 8-3-2014 )

3+7+0=10
และ
8+3+2+0+1+4=18  รวมกันได้ 28 

ธงสี่เหลี่ยมผืนผ้า พื้นริ้วแดงสลับขาวรวม 14 ริ้ว ที่มุมบนด้านคันธงมีดาว 14 แฉกและจันทร์เสี้ยวสีเหลือง ในพื้นสี่เหลี่ยมสีน้ำเงิน14+14=28 ซึ่งเลข ที่พ่อปู่ฤษีมหาฤษีบอกให้เห็นอย่างชัดเจนและตรงกันคือเลข 28 ( 2+8=10 ) 10 ก็ตรงกับเลขที่บวกมาจากเที่ยวบิน

เมื่อผมเห็นเลขทั้งหมดแล้วจึงคลายออกจากสมาธิแล้วมานั่งจดคำนวณอีกครั้ง และถามพ่อปู่ฤษีมหาฤษีว่า

เกิดอะไรขึ้นกับสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์สที่หายไป อุบัติเหตุหรือก่อการร้าย?  

หายไปเพราะมีผู้กระทำการวางแผนส่งแผนการปฏิบัติเป็นเลขเพื่อง่ายต่อการสื่อสาร ตามหลักตรวจดวงจากพ่อปู่ฤษีมหาฤษี เลข 28 และ 10 เป็นเลขมงคลมีความสำเร็จและมีชัยชนะ

ตอนนี้เครื่องบินอยู่ที่ไหน มีคนรอดชีวิตไหม?

ผู้คนทั้งหมด 239 คน ( 2+3+9=14 ) ยังมีชีวิตอยู่แต่อยู่ในสภาวะต่างจากคนปกติ ( เลข 14 คือเลขที่พ่อปู่ฤษีมหาฤษี บอกว่าเป็นเลขที่โดยจำกัดอาณาเขต)

เราจะมีโอกาสเห็นซากของเครื่องบินลำนี้ไหม เมื่อไหร่ถึงปรากฏให้เห็น?

เราจะได้เห็นเครื่องบินลำนี้ เมื่อเลขนั้นตรงกับเลข 25 ( เลขแห่งการเปิดเผย )

ใครอยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์นี้ และเพราะอะไรเขาถึงทำ?

ผู้ที่มีอำนาจในแดนไกล ทำเพราะแย่งของกัน

ผู้โดยสารทำกรรมร่วมอะไรกันมา ถึงมาเจอเคราะห์แบบนี้ ?

เป็นตามหลักกลกรรม หลักเลขคือเรื่องของตัวเลข ที่ผู้โดยสารและลูกเรือรวมกันทั้งสิ้น 239 คน บวกแล้วเป็น 14 คือการจำกัดอาณาเขต กรรมที่ทุกคนได้รับเสมือนการติดคุก เป็นผลกรรมเก่า และสร้างกรรมใหม่ ดวงบ่วงกรรมตัวเลขเดียวกันตามผลกลกรรม บางคนอาจจะมีกรรมเพียงเล็กน้อย บางคนอาจมีกรรมกับคนผิว ผิวดำ คนต่างชาติ คนอ้วน เตี้ย ซึ่งลักษณะกรรมนี้เป็นการชดใช้กรรม เมื่อถูกรวมตัวในสถานที่เป็นเคราะห์ทุกคนจึงได้ร่วมกรรมกัน (แต่ทุกคนไม่ตาย อาจมีบาดเจ็บ)

พ่อปู่ฤษีมหาฤษียังบอกให้ผมคำนวณอีก หนึ่งสิ่งคือ “01.00 น. MH370” บินเข้าน่านฟ้าเวียดนาม หอบังคับการบินมาเลเซียจึงส่งต่อหน้าที่ให้กับหอบังคับการบินเวียดนามในเมืองโฮจิมินห์ และสิ่งสุดท้ายที่ได้ยินจากห้องนักบิน คือคำว่า “โอเค ราตรีสวัสดิ์” มันคือสิ่งที่เค้ากำหนดเป็นตัวเลขไว้ 01.00 น. MH370 ( 01 และ 10 ) ซึ่งหมายถึงว่าดวงทุกคนจะถูกปิดและถูกบังคับจากผู้มีอำนาจ

ข้อสมมุติฐานใหม่จาก “ทฤษฎีการสื่อสารไร้สาย”

ส่วนกระแสข่าวอื่นๆ ในต่างประเทศพบว่ามีทฤษฎีที่อาจบ่งบอกได้ว่าเที่ยวบิน MH 370 หายไปไหน โดย Lance Ulanoff ได้เขียนบทความลงใน www.Mashable.com เว็บไซต์ชื่อดังด้านไอทีของอเมริกา กล่าวถึงทฤษฎีการสื่อสารไร้สาย โทรศัพท์มือถือ มาช่วยอธิบายถึงเครื่องบินเที่ยวบิน MH370 ที่หายไปไว้อย่างน่าสนใจ โดยเขาบอกว่ามีความเป็นไปได้สูงที่เครื่องบินจะหายไปในทะเล ซึ่งเราขอหยิบยกมาบอกต่อดังนี้

ผู้โดยสารบนเครื่อง พอจะมีใครเปิดโทรศัพท์มือถือทิ้งไว้หรือไม่ ?

จากผลการศึกษาของสมาคมผู้บริโภคอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ (Consumer Electronics Association) พบว่า 30% ของผู้โดยสารเครื่องบิน ลืมที่จะปิดโทรศัพท์มือถือของตัวเองระหว่างการลงจอด หรือการขึ้นบิน ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้เราพอสรุปได้ว่า จะต้องมีผู้โดยสารจำนวนหนึ่ง เปิดโทรศัพท์มือถือของตัวเองทิ้งไว้ ระหว่างการบิน

ทั้งนี้จากการแสดงความคิดเห็นของผู้ที่บินโดยสารร่วมกับผู้โดยสารจีนเป็นประจำ ให้ความเห็นว่า “ถ้าคุณเดินทางด้วยการบินประจำ และยิ่งคุณบินร่วมกับคนจีนแล้ว คุณสังเกตง่ายๆว่า คนจีน ใครเขาปิดมือถือบนเครื่องบินกัน ? เขาก็เล่นมือถือระหว่างการบินกันหมด คงเว้นเสียแต่มือถือพวกเขาแบตเตอรี่ใกล้หมดถึงจะยอมหยุดเล่น”

ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นแล้ว ยิ่งเกิดข้อสงสัยว่า จะเป็นไปได้อย่างไร ที่ระหว่างเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติบนเครื่อง จะไม่มีใครสักคน ที่คิดจะใช้โทรศัพท์มือถือโทรออกบ้างเลยหรือ รวมถึงข่าวก่อนหน้าที่มีรายงานว่า เครื่องบินมีการหันหัวเครื่องบินกลับ นั่นยิ่งเป็นไปได้ใหญ่ว่าผู้โดยสารส่วนใหญ่จะต้องเปิดโทรศัพท์มือถือ เพื่อทำอะไรซักอย่างเป็นแน่

ข้อจำกัดของเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือ

โทรศัพท์มือถือบนเครื่องบิน สามารถเชื่อมต่อกับเสาสัญญาณโทรศัพท์ บนภาคพื้นดินได้ โดยเสาสัญญาณเหล่านี้ (แล้วแต่ว่าเสาแต่ละเสาใช้เทคโนโลยีใด GSM หรือ CDMA) จะมีระยะสัญญาณส่งขึ้นไปบนอากาศได้หลายกิโลเมตร เสาที่ใช้เทคโนโลยี GSM จะสามารถส่งสัญญาณไปบนอากาศได้ถึง 21 ไมล์ (33.6 กิโลเมตร) และที่สำคัญ เสาเพียงต้นเดียว ก็สามารถเชื่อมโทรศัพท์มือถือให้มีสัญญาณ สามารถโทรออกได้แล้ว

ได้มีการสัมภาษณ์ Jeff Kagan ผู้ชำนาญด้านการวิเคราะห์สัญญาณไร้สาย ถึงข้อสันนิษฐานที่มีคนสงสัยว่าเครื่องบินถูกจี้ โดยกลุ่มผู้ก่อการร้าย และทำการลดเพดานบิน เหลือเพียง 5,000 ฟุต เพื่อหลบหนีจากการตรวจจับของเรดาร์ Kagan ตอบว่า

“มันจะเป็นไปได้ยังไง ถ้าลดเพดานบินเหลือแค่ 5,000 ฟุต เสาสัญญาณโทรศัพท์ภาคพื้นดิน สัญญาณจะต้องส่งถึงโทรศัพท์ผู้โดยสาร และจะต้องมีผู้โดยสารบางคนบ้าง ที่ต้องใช้โทรศัพท์เพื่อติดต่อใครซักคนแล้ว”
ว่ากันว่าอีกสาเหตุนึง ที่ทำให้ผู้โดยสาร ไม่สามารถใช้งานโทรศัพท์มือถือของตนเองได้ ก็คือ “เครื่องบิน บินอยู่กลางทะเล”

“ยังไม่มีผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือรายใดในโลกนี้ ที่ลงทุนปักเสาสัญญาณลงไปที่กลางทะเล” Kagan ผู้อยู่ในอุตสาหกรรมสัญญาณไร้สายมากว่า 30 ปี กล่าว

ดังนั้น ประเด็นน่าสงสัยตอนนี้ คือ ทำไมถึงไม่มีผู้โดยสารคนไหนหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาใช้ ตั้งแต่ที่เครื่องบินหายไปจากจอเรดาร์

แล้วถ้าเทียบกับเหตุการณ์ 9/11 ?

จากเหตุการณ์จี้เครื่องบิน 3 ลำ ชนตึกเวิล์ดเทรดใน 13 ปีก่อน เว็บไซต์สืบสวนกรณีเหตุการณ์ 9/11 Consensus911.org ชี้ให้เห็นถึงความขัดแย้งกันระหว่างหลักฐานกับทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ กล่าวคือ มีหลักฐานว่า ในขณะที่มีการจี้เครื่องบิน เครื่องบินได้บินอยู่ในระดับความสูง 35,000 ฟุต ได้มีการใช้งานโทรศัพท์มือถือ โทรออกได้ ทั้งๆที่จริงแล้วไม่น่าจะเป็นไปได้ และที่ความสูง 35,000 ฟุตนี้เอง ก็เท่ากับระดับเพดานบินของ MH370 ก่อนหายไปจากเรดาร์

จากหลักฐานเกี่ยวกับเหตุการณ์ 9/11 ว่ามีการโทรออก เกิดขึ้นระหว่างเครื่องบินอยู่สูงที่ระดับ 35,000 ฟุต แล้วมันจะเป็นไปได้อย่างไร ที่ผู้โดยสารบนเครื่องบิน เที่ยวบิน MH370 ที่บินที่ความสูง 35,000 ฟุตเช่นกัน จะไม่มีใครทำการใช้โทรศัพท์โทรออก เมื่อมีเหตุการณ์ไม่ปกติบนเครื่อง ?

ดังนั้นเว็บไซต์นี่จึงสรุปว่ามีเพียงเหตุผลเดียว คือ เครื่องบินหายอยู่กลางทะเลที่ไม่มีเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือตลอด ตั้งแต่เครื่องบินลำนี้หายไปจนถึงปัจจุบันนั่นเอง ทำให้ทุกวันนี้ยังไม่มีรายงานการโทรออกของผู้โดยสารบนเที่ยวบิน MH370 เลยแม้แต่ครั้งเดียว

ณ วันนี้ แม้เราจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่กับการสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส MH 370 ผู้โดยสารทั้งหมดยังรอดชีวิตหรือไม่ นี่คือคำถามสำคัญที่ทำให้ทุกฝ่ายช่วยกันเร่งค้นหาเครื่องบินลำนี้

เราได้แต่หวังว่า “ปาฏิหาริย์จะมีจริง” เพื่อนักบินและผู้โดยสารทุกคนจะได้กลับบ้านอย่างปลอดภัยในเร็ววัน...



เรื่องโดย ASTV ผู้จัดการ Live

ขอบคุณข้อมูลข่าวแปลจาก พรรษฤทธิ์ อติวรมันต์
ขอบคุณภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต


ญาติผู้โดยสารร่ำไห้หลังได้ข่าวเครื่องบินเที่ยว MH 370 สูญหาย
ผู้คนพากันภาวนาให้แก่เครื่องบินที่หายไป


หลายฝ่ายช่วยกันระดมหาเครื่องบินลำนี้

หมอกฤษณ์ คอนเฟิร์ม
อาจารย์หม่อม คนเปิดกรรม
อาจารย์มุ่ย หมอดูหูทิพย์
ซัน คนเห็นเคราะห์
เจน ญาณทิพย์

กำลังโหลดความคิดเห็น