จากเหตุการณ์ที่ทางเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ สภ.คูคต นำกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นรถยนต์โตโยต้า รุ่นเวลไฟร์ หมายเลขทะเบียนป้ายแดง ณ 6601 กรุงเทพมหานคร บริเวณทางเข้าหมู่บ้านโฮม ออน กรีน ธัญธานี ภายหลังสืบทราบว่ารถคันดังกล่าว ได้มาโดยไม่ถูกต้องตางกฎหมาย ก่อนจะตรวจพบว่าหนึ่งในผู้ที่อยู่ภายในรถคันดังกล่าว มีลิเกอินเตอร์ “แอน มิตรชัย” รวมอยู่ด้วย
จากนั้นเรื่องราวก็ซับซ้อนซ้อนซ่อนเงื่อนมากยิ่งขึ้น เมื่อ “มิตร มิตรชัย” หรือชื่อจริง “คีรีรัก สมณะบารมี” น้องคนเล็กของไชยา และแอน มิตรชัย ออกมายอมรับว่ารถคันดังกล่าวนั้น ได้รับมาจากสาวใหญ่ ที่ตนคบหาอยู่ ก่อนจะขอคำแนะนำเกี่ยวกับข้อกฎหมาย ในกรณีที่ถูกนายตำรวจท่านหนึ่งขู่กรรโชกทรัพย์ เพราะไม่พอใจที่ตนไปสนิทกับสาวใหญ่คนนั้น ซึ่งเป็นผู้หญิงคนสนิท จึงมีการนัดมาคุยเพื่อเจรจา แต่สุดท้ายกลับพูดจาข่มขู่ และห้ามตนยุ่งเกี่ยวกับสาวใหญ่รายนี้อีก รวมถึงบังคับให้เซ็นยอมรับสภาพหนี้ก้อนโตถึง 35 ล้านบาท หากไม่ยินยอมจะเปิดโปงความสัมพันธ์อื้อฉาวของตน และขู่ว่าจะส่งคนไปทำร้ายบุคคลในครอบครัว ตนจึงจำยอมเซ็นเพื่อความปลอดภัยของตนและคนในครอบครัว ก่อนจะนำเรื่องมาปรึกษากับตำรวจ บก.ป. และลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน โดยได้รับคำแนะนำให้ไปแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจท้องที่เกิดเหตุ เพราะหากเป็นการบังคับข่มขู่ให้เซ็นยอมรับสภาพหนี้ ตามกฏหมายอาญา มาตรา 309 จะถือเป็นโมฆะทันที
และที่ว่าเรื่องราวมันซับซ้อน และกลับตาลปัตร เหมือนดูหนังกันคนละม้วน ก็เมื่อฝ่ายคู่กรณี คือนายตำรวจท่านนั้น ซึ่งปรากฏชื่อในเวลาต่อมา คือ พ.ต.อ.ปจภณ รอดโพธิ์ทอง ผกก.ฝ่ายสวัสดิการบ้านพักตำรวจ พร้อมภรรยา เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.วรพงษ์ ภวเวส พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กก.1 บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีมิตร มิตรชัย ในข้อหาหมิ่นประมาท
โดยปฎิเสธว่าเรื่องที่ถูกมิตรแจ้งความก่อนหน้านั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ก่อนจะอธิบายเพิ่มเติมว่า สาวใหญ่ที่เป็นแฟนของมิตร ได้มาขอให้ตนระดมทุนเพื่อจัดทำโปรเจกต์ลิเกออนทีวี รายการ “มิตรชัยโชว์” ซึ่งจะต้องใช้งบประมาณในราว 25 ล้านบาท ด้วยความที่มีเอกสารที่น่าเชื่อถือ อีกทั้งยังมีสัมพันธภาพที่ดีกับแฟนสาวของมิตรมายาวนานกว่า 10 ปี จึงตอบตกลง และรวบรวมเงินเพื่อร่วมลงทุนกับมิตรและแฟนสาว แต่จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่เคยได้รับค่าตอบแทนตามที่กล่าวอ้าง
จนในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จึงได้มีการนัดเจรจากันอีกครั้ง พร้อมด้วยทนายของแต่ละฝ่าย ซึ่งมิตรก็ยินยอมจะชดใช้หนี้ 35.5 ล้านบาท จึงลงนามในสัญญายอมรับสภาพหนี้ กำหนดชำระคืนเป็นงวดๆ ยืนยันว่าไม่ได้มีการข่มขู่แต่อย่างใด และมีพยานที่ลงนามไว้รับทราบ
ส่วนฝั่งของลิเกมิตร มิตรชัย ภายหลังจากโดนแจ้งความกลับ ก็ยังไม่มีการเข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติม โดยอ้างว่าติดงาน และขอเวลารวบรวมเอกสารเพิ่มเติม 1 สัปดาห์
ข้อสังเกตอย่างหนึ่งจากการติดตามข่าวคราวของครอบครัว “มิตรชัย” ดูเหมือนจะมีคดีดาวเกี่ยวกับเรื่องของเงินๆ ทองๆ มาโดยตลอด คราวก่อนแอน มิตรชัย ก็โดนขุดคุ้ยเรื่องรายได้จากการแสดงภาพยนตร์บอลลีวู้ด ที่อ้างว่าได้ค่าตัว 30 ล้านบาท ว่าไม่น่าจะเป็นเรื่องจริง พร้อมกับงัดข้อมูลเกี่ยวกับค่าตัวของนักแสดงระดับซุปตาร์ของวงการบอลลีวู้ดมาเปรียบเทียบชนิดกะให้จำนนต่อหลักฐานกันเลยทีเดียว มาคราวนี้น้องคนเล็ก ก็ไม่พ้นคดีเกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ แถมถ้าสืบสาวราวเรื่องว่าเป็นฝ่ายฉ้อโกงตามที่ถูกแจ้งความกลับ เผลอๆ อาจจะโดนข้อหาแจ้งความเท็จอีกหนึ่งกระทง
ก็ต้องมาติดตามกันต่อไปว่า สุดท้ายปลายทางคดีนี้จะจบลงยังไง !!??
ที่มานิตยสารASTV สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 308 3-9 ตุลาคม 2558