xs
xsm
sm
md
lg

นางฟ้ามาเฟีย ? สุดท้ายก็แค่เรื่องดรามา !!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แซ่บยิ่งกว่าละคร “เพื่อนรัก เพื่อนริษยา” ที่กำลังตบกันสนั่นจอช่อง 3 อยู่ในตอนนี้

ต่างกันตรงที่ว่า งานนี้ไม่มีบท ไม่มีผู้กำกับ แถมยังแยกไม่ออกว่าสรุปใครเป็นนางเอก ใครเป็นนางร้ายกันแน่ !!??

ปฐมบทแห่งมหากาพย์ “ศึก 2 นางพญา” ระหว่าง "น้ำเพชร- สุณัณณิภาร์ กฤษณสุวรรณ” กับ "ม่านฟ้า- อรปภัตร จันทรสาขา” ต้องเรียกว่าสืบเนื่องมาจาก “มาม่า” แค่ซองเดียวแท้ๆ

ถ้ายังจำกันได้ เมื่อช่วงที่ม่านฟ้าเจอมรสุมข่าวคราว บ้างก็ว่าเป็นไฮโซกำมะลอ บ้างก็ว่ารวยไม่จริง บ้างก็ว่าเมก ประวัติตัวเองขึ้นมา จนเจ้าตัวต้องวิ่งโร่ออกไปแจ้งความเอาผิดคนที่โพสต์ และแสดงความคิดเห็นในเชิงดูหมิ่นเธอ ครานั้นเอง ที่ น้ำเพชรมีการโพสต์ข้อความในเชิงให้กำลังใจฝ่ายแรก ความว่า

#"เพชรแท้ก็คือเพชรแท้ สู้ๆ นะคะพี่ม่านฟ้า # อยู่บ้านตรงข้ามนางมาสองปี นางหิวข้าวก็เดินมาหา กินมาม่าก็ได้ น่ารักจะตาย"

ใครเลยจะนึกว่าแค่เรื่องมาม่า จะลุกลามบานปลายกลายเป็นมหากาพย์ที่ทุกสื่อประโคมข่าวกันอย่างต่อเนื่องมาแรมเดือน นับจากที่ม่านฟ้าออกโรงมาซัดกลับเจ้าของโพสต์ ทำนองว่าไม่เคยสนิทกัน ไม่รู้ว่าไปกินมาม่าร่วมกันตอนไหน ฝั่งน้ำเพชรก็ตอกกลับมาแบบไม่ไว้หน้า ในเชิงว่าถ้ารวยแล้วลืมกำพืดก็ไม่เป็นไร

“ถามว่ารู้จักไหม ก็รู้จักค่ะ แต่ว่าไม่เคยบอกเลยนะคะว่าสนิทกัน คือเราเห็นว่าเขาเป็นคนบ้านใกล้เรือนเคียง บ้านอยู่ตรงข้ามกัน เมื่อก่อนนะคะ ประมาณ 2 ปีที่แล้ว เราก็เลยโพสต์ให้กำลังใจ เราอยากจะสื่อออกไปว่าถึงเขาจะเป็นไฮโซ แต่ว่าเขาก็ติดดินนะ เดินดินกินข้าวแกงกับเราได้นี่แหละ เราจำโมเมนต์ดีๆ ของพี่ม่านได้ พี่ม่านก็มาทานขนมจีน มาทานมาม่าบ้านเรา เราก็ต้มให้พี่ม่านกิน น่ารักดี แต่ว่าพอไปเป็นแบบนี้พี่ม่านเขามาบอกว่าเขาไม่รู้จักเรา คนที่เพชรรู้จัก เขาชื่อพี่ม่าน ไม่ใช่ไฮโซม่านฟ้า ตอนนี้พี่เขาดังแล้ว รวยแล้ว พี่เขาจะไม่รู้จักเราก็ไม่เป็นไรค่ะ เราแค่โพสต์ให้กำลังใจ แต่กลับมีการต่อว่าเราอย่างนี้ ให้คนอื่นมาด่าเราอย่างนี้ เราก็คิดว่าคนคนนี้ เราต้องเอาตัวออกห่างแล้วล่ะ เหมือนกับว่าเราแสดงเจตนาดีๆ ไปแล้ว เราเป็นห่วงนะ แล้วเราก็ไม่ได้มีเจตนาอะไรที่มันร้ายแรง หนูถึงได้บอกว่าถ้าคนคิดดีทำดี คนคิดบวกก็จะตีความหมายไปอีกแบบหนึ่ง แต่ถ้าคนคิดลบ คิดแต่คนอื่นจะไปทำร้าย หรือหวาดระแวงมันก็ขึ้นอยู่กับตัวเขา ทำอะไรไม่ได้ หนูเองก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นข่าวขึ้นมา เป็นแค่เรื่องเล็กๆ ผู้จัดการเขาก็บอกว่าช่วงนี้พี่ม่านเขาสับสนนะเพราะว่าโดนรุมไปหมดเลย ไม่รู้ว่าใครมาดี มาไม่ดี

จากนั้นต่างฝ่ายต่างก็แลกหมัดซัดกันผ่านสื่อชนิดไม่มีใครยอมใคร ในฐานะที่ต่างก็มีดีกรีเป็นเจ้าแม่ข่าวด้วยกันทั้งคู่
กระทั่งถึงวาทะเด็ดที่ต่างฝ่ายต่างฝากให้แก่กัน !!

เมื่อน้ำเพชรก็ประกาศลั่น “รำคาญผู้หญิงคนนี้” ภายหลังตกเป็นข่าวว่าถูกคู่กรณีปาดหน้าเค้กแย่งงาน

ฟากม่านฟ้า ก็ซัดกลับทันควัน “กล้าตอบมากค่ะ เขาตอบว่ารำคาญ แต่ม่านขยะแขยงค่ะ ไม่เหมือนกันนะคะ”

จากที่ทะเลาะกันผ่านสื่อแบบไม่เคยประจันหน้ากันตรงๆ มาหลายวาระ ล่าสุดลุกลามถึงขนาดที่มีเรื่องของกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง เมื่อฝั่งน้ำเพชรวิ่งโร่ขึ้น สน. ทองหล่อ เพื่อแจ้งความในข้อหาทำร้ายร่างกาย กักขังหน่วงเหนี่ยว ก่อนจะให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า ถูกคู่กรณียกพวกรุมตบ โดยเหตุเกิดภายในห้องน้ำศูนย์การค้าดริว ในซอยทองหล่อ 13

“โดนตบคืนวันที่ 4 ที่ร้านดริวที่ทองหล่อซอย 13 ในห้องน้ำสาธารณะ วันนั้นน้ำเพชรไปนั่งกับเพื่อน จู่ๆ เขาก็ให้เพื่อนผู้ชายที่นั่งโต๊ะเดียวกับเขามาขู่เราว่าจะจบมั้ย แล้วก็มาพูดคำสบถใส่ไอ้เ_ีย ไอ้สัตว์ที่โต๊ะเรา เราก็รู้สึกว่าท่าไม่ดีแล้ว ก็คิดว่าเดี๋ยวจะกลับ แต่ยังไม่ทันกลับ เขาก็ให้ผู้จัดการร้านมาขู่เราอีกรอบ ว่าคุณม่านฟ้าฝากมาบอกว่าไม่ชอบในการให้สัมภาษณ์ จะจบมั้ย หนูก็บอกเลยว่าเขาไปว่าขอบคุณมากค่ะ เชิญกลับไปได้แล้วค่ะ

ผ่านไป 5 นาทีก็มาอีกแล้ว ตอนนั้นก็เลยจะกลับบ้านดีกว่า ก่อนกลับก็เลยเข้าห้องน้ำปกติ พอออกมาก็เจอเขา แล้วเขาก็เรียกหนูอีน้ำเพชร มึงให้สัมภาษณ์ได้เ_ียมาก แล้วหลังจากนั้นทั้ง 3 คนก็มารุมตบหนู คนนึงล็อกมือหนูไว้ข้างหลัง อีกคนถ่ายคลิป อีกคนนึงตบ คนที่ตบคือคุณม่านฟ้า เขาตบหลายทีค่ะแล้วเลขาเขาก็ตบด้วย มีการถ่ายคลิปด้วย เขาบอกว่าจะถ่ายคลิปตบเราเอาไปประจาน แล้วก็ใช้อำนาจข่มขู่ให้หนูพูดขอโทษเขา หนูก็อยากให้จบๆ ไป ถ้าอยากให้ขอโทษก็ขอโทษ ก็ขอเขาว่าขอออกไปข้างนอกได้มั้ย เขาก็ผลักแล้วก็ตบเราอีกที ตอนแรกในห้องน้ำก็มีคนอื่น แต่เขาไล่ออกไปหมดเลย เขากักขังหน่วงเหนี่ยวเราด้วย เราก็ร้องให้คนข้างนอกมาช่วย แต่เขาก็ปิดไม่ให้คนเข้า เหมือนในละครเลยค่ะ

ช่วงเวลาที่มีเรื่องกันในห้องน้ำก็ประมาณ 20-30 นาที แต่ช่วงคุยเจรจากันจะนาน เรื่องที่คุยกัน เขาก็บอกว่ามึงไม่มีสิทธิ์มารำคาญกู ขนาดกูขยะแขยงมึง กูยังไม่พูดกับสื่อเลย เขาก็ด่าว่าหนูตอแหล คำพูดของหนูมีผลทำให้เขาบันดาลโทสะขนาดนี้เลยเหรอ หนูไปมีความสำคัญอะไรกับชีวิตเขาหรือเปล่า ทำไมเขาถึงต้องมาลงมือทำร้ายกันขนาดนี้ แล้วมีช่วงที่มีคนจะเข้าห้องน้ำเขาก็บอกไม่มีอะไรค่ะๆ

หนูก็มีปัดป้องกลับไปบ้าง ส่วนที่ถามว่าเรียนมวยมาทำไมไม่ใช้ ก็อยากจะบอกว่าถ้าเป็นสถานการณ์นั้นจริงๆ อยากจะลองให้จินตนาการดูว่าจะใช้ได้มั้ย เหตุการณ์วันนั้นจบด้วยการที่หนูขอเขาออกไปข้างนอก เพราะรู้สึกว่าถ้าอยู่ตรงนี้ ตัวเราจะต้องแย่แน่ๆ เลย หนูก็พยายามพูดให้เขาลดโทสะลง บอกว่าพี่หนูขอโทษนะคะ ถ้าเกิดพี่ไม่พอใจคำสัมภาษณ์ แล้วก็อ้อนวอนขอออกไปจากห้องน้ำดีๆ แล้วเขาก็ตบเรา แล้วก็เดินออกไปเลย หนูเดินออกจากห้องน้ำทีหลังเขานะคะ พอเขาออกไปก็มีเด็กเสิร์ฟและพนักงานในร้านเข้ามาดูเรา แล้วเลขาเขาก็เข้ามาอีกทีนึง ผลักประตูเข้ามาแล้วก็ชนน้ำเพชรแล้วก็ตบตวัดหน้าเราทีนึง แล้วก็เดินออกไป เขาไม่มีอาวุธ ถ้ามีอาวุธหน้าหนูคงเสียโฉมไปแล้ว แต่ที่มันไม่มีร่องรอยเอาแบบชีวิตจริงไม่ใช่ละคร ถ้าร่องรอยฟกช้ำบอบช้ำมันจะต้องของแข็งชน แต่นี่แค่มือตบ ถ้าจะให้มันเขียวช้ำหนูต้องตบตัวเองก่อนแล้วล่ะ”

พอออกมาจากห้องน้ำหนูก็กลับมาที่โต๊ะเพราะกระเป๋าอยู่ที่โต๊ะ หนูออกมาเพื่อนก็ถามว่าหนูเป็นอะไรมั้ย จริงๆ เพื่อนก็จะโทร.แจ้งตำรวจค่ะแต่เราก็ออกมาทันเวลา แล้วเพื่อนก็เป็นเพื่อนผู้ชายไม่สามารถที่จะเข้าห้องน้ำผู้หญิงได้ แล้วพอออกมาจากห้องน้ำ ก็ไม่เจอเขาแล้ว หนูก็กลับบ้านปกติ กว่าจะได้นอนก็ตีสี่ตีห้า พอตื่นเช้าหนูก็ยังไม่มีเวลาที่จะไปแจ้งความเพราะเรารับงานพิธีกรไว้ที่นครปฐมก็ต้องรีบไปทำงาน พอเสร็จงานถึงกลับมาแจ้งความ ข้อหาโดนทำร้ายร่างกายกักขังหน่วงเหนี่ยว และมีการข่มขู่ แต่ก็คงไม่ถึงขั้นพยายามฆ่าหรอกค่ะ ตำรวจบอกว่าหลังจากนี้ก็ต้องติดตามดู เพราะว่ารู้ตัวคนทำอยู่แล้วว่าเป็นใคร

หนูไม่ได้เป็นคนสำออย ก็ไม่ได้ให้สัมภาษณ์เลยว่าหนูมีแผลฉกรรจ์ แค่ให้สัมภาษณ์ว่ามีอาการเจ็บ โดยที่เขาใช้มือตบ ไม่ได้ใช้อาวุธ ไม่ได้ใช้ของแข็งตบ เพราะฉะนั้นร่องรอยเหมือนในหนังก็คงไม่มี แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่าเขามายกพวกรุมเราแบบนี้ มันก็เป็นคดีอาญาแล้ว หลักฐานที่หนูไปแจ้งความ ก็มีรอยโดนเล็บข่วนและรอยตบแดงๆ บนหน้า หนูถ่ายรูปไว้และเอาไปให้ตำรวจแล้ว

หนูก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะว่าเขาต้องการอะไร เพราะถ้าต้องการคำขอโทษ ก็ให้ไปในห้องน้ำแล้ว ก็น่าจะจบ อารมณ์ตอนนั้นกลัวค่ะ กลัวว่าเขาจะทำอะไรมากกว่านี้ ที่หนูไปแจ้งความไว้ เพราะเขามีการข่มขู่ไว้ว่าคนอย่างกูสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่มึงคิดอีก เขาน่ากลัวนะ หนูก็ไม่รู้หรอกว่าเขาอาจจะมีผู้ใหญ่คอยช่วยเหลือเขาได้ดี แต่หนูเชื่อในเรื่องของกระบวนการยุติธรรม เพราะที่ร้านมีกล้องวงจรปิด ตอนนี้หลักฐานอยู่ที่ตำรวจ ก็ให้กฎหมายจัดการไป”

พร้อมกันนั้นก็มีการโพสต์ภาพรอยแผลที่ใบหน้าและลำตัวมาให้ได้เห็นกันแบบชัดๆ พร้อมข้อความระบุเอาไว้ว่า

"รูปบาดแผลน้ำเพชรได้ส่งให้ตำรวจตั้งแต่วันที่ไปแจ้งความแล้วค่ะ แต่วันนี้จะโพสต์ให้คนที่ยังส่งสัยใน IG ดูอีกทีนะคะ บาดแผลก็มีรอยเล็บและรอบแดงๆ จากการโดนตบค่ะ ตอนโดนก็เจ็บ แต่ไม่สาหัสเท่าไหร่ เขาก็ใช้แค่มือตบ น้ำเพชรก็ไม่ใช่คนสำออย โดนเท่าไหร่ก็บอกเท่านั้น พอยนต์อยู่ที่ว่า น้ำเพชรโดนรุมทำร้ายจริง และโดนขู่ว่าจะทำมากกว่านี้ด้วย #ถ้าเขามาคนเดียว น้ำเพชรก็กล้าสู้ แต่เค้ามา 3 น้ำเพชรจึงไม่กล้าสู้ 2 มือ2 ขา มันจะสู้ 6 มือ 6 เท้าได้ไหม ตอนอยู่ในห้องน้ำ หนูกล้วเขามากจริงๆ เพราะเขาเข้ามาหาด้วยโทสะ และความโมโห อยากให้ทุกคนเข้าใจและเห็นใจน้ำเพชรด้วยนะคะ หนูโดนกระทำจริง แต่ก็ไม่รู้ว่าหนูจะได้รับความเป็นธรรมมากน้อยแค่ไหน เพราะหนูก็ไม่มีอิทธิพลไปสู้อะไรกับเขาได้หรอก #เป็นกำลังใจให้หนูด้วยนะคะ"

นอกจากนั้นก็ยังโพสต์รูปการ์ตูนล้อเลียนว่า “โค้งหมาหมู่” โดยเป็นภาพของผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ในวงล้อมของสุนัขหลายตัวที่จ้องจะเข้ามาทำร้าย พร้อมกับข้อความในเชิงวอนขอความเห็นใจ ที่ตกเป็นเหยื่อถูกรุมทำร้ายในครั้งนี้

แต่เหมือนดูหนังคนละม้วน ดูละครคนละเรื่อง เมื่อฝ่ายม่านฟ้าสวนกลับ ว่าไม่ได้ยกพวกรุมตบตามที่ถูกกว่าวหา

“คืนนั้นก็ไปเจอกันที่ร้านอาหารแถวทองหล่อ เพื่อนๆ ของม่านเห็นเขาก่อน ก็เลยชี้ให้ดู แล้วก็บังเอิญไปเจอกันในห้องน้ำ นางก็เหมือนเดินมาชนเรา ก็มีการคุยกันเคลียร์กันจริง ว่าทำไมถึงให้ข่าวเกี่ยวกับม่านไปแบบนั้น แต่ไม่มีการตบ ไม่มีการแตะเนื้อตัวกัน ไม่มีล็อกตัวกันเลย ไม่มีการปิดห้องน้ำล็อกเพื่อที่จะตบ ไม่มีการถ่ายคลิปด้วย ตลกมากงงมาก ทำไมเขาให้ข่าวไปแบบนั้น ในห้องน้ำมีพยานเห็นเยอะแยะ คนเดินเข้าเดินออกตลอดเวลา ไม่มีทีท่าจะตบกันเลย เขายังบอกเลยว่า พี่ม่านหนูขอโทษที่สร้างกระแส ม่านก็บอกไปว่า อย่าทำแบบนี้กับใครอีก

น้ำเพชรจะเอื้อมมือมาจับมือ แต่ม่านไม่ให้จับและสะบัดมือออกแค่นั้น แต่มีการเถียงกันเสียงดัง จนคนของห้างเข้ามาดู จึงแยกย้าย ม่านก็ออกมาก่อน สักพักงงว่าทำไมน้ำเพชรไม่ออกมาสักที เลยให้ลูกน้องเข้าไปดู เจอน้ำเพชรนั่งลงไปกองที่พื้น และกำลังถ่ายภาพอยู่ ก็งงแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร ถ้ามีการล็อกตัว 3 รุม 1 เพื่อตบ อย่างที่เขาให้ข่าว สภาพต้องเละกว่านี้ค่ะ กล้องวงจรปิดก็มีทุกอย่าง ม่านไม่ได้โกหกอยู่แล้ว มันหนีไม่ได้หรอกค่ะ ว่าใครพูดจริงใครพูดเท็จ คิดดูนะคะ ม่านเป็นนักธุรกิจขนาดนี้ เรื่องอะไรจะลดตัวเองไปทำกับเด็กแบบนั้น ม่านไม่อยากจะพูดอะไรเยอะค่ะ กลัวจะเสียรูปคดี ตอนนี้กำลังรวบรวมหลักฐาน จะไปแจ้งความ มันต้องมีหลักฐานมายัน ถ้าม่านไม่ผิดม่านไม่ยอมอยู่แล้วค่ะ"

โดยล่าสุดทาง ร.ต.ท.วีระพงศ์ พลไชย พงส.สน.ทองหล่อ ก็ได้เปิดเผยว่า จะไปรับผลการตรวจร่างกายของ น้ำเพชร พร้อมทั้งนัดฝ่ายอาคารของศูนย์การค้าดังกล่าว เพื่อขอตรวจสอบกล้องวงจรปิดในช่วงเกิดเหตุ หลังจากนั้นก็จะเรียกตัวคู่กรณีมาชี้แจงข้อเท็จจริงในลำดับถัดไป ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายก่อนจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

งานนี้ก็ยังตัดสินไม่ได้ว่าใครผิด ใครถูก !!?? คงต้องดูจากหลักฐานกล้องวงจรปิดกันอีกครั้ง แต่มองในมุมของ น้ำเพชรแล้ว แม้ที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าเธอจะมีเรื่องให้ “ตกเป็นข่าว” จนหลายคนมองว่าเธอพยายามสร้างกระแสให้ตัวเองอยู่ตลอดเวลา แต่บังเอิญว่ากรณีนี้ มีเรื่องของกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง ถ้าเธอไม่ได้ถูกรุมทำร้ายจริง ก็เท่ากับว่าจะต้องเจอข้อหาแจ้งความเท็จแน่นอน

ในมุมของม่านฟ้า ในฐานะนักธุรกิจหญิงที่มีธุรกิจมูลค่านับพันล้านอยู่ในมือ และจำเป็นต้องมีภาพลักษณ์ที่ดี น่าเชื่อถือ แม้จะบันดาลโทสะจากการให้สัมภาษณ์ของคู่กรณีที่สร้างความไม่พอใจให้อย่างรุนแรง แต่วุฒิภาวะระดับนี้ ก็น่าจะมีการยับยั้งชั่งใจมากพอ ที่จะไม่กระทำการอันสุ่มเสี่ยงต่อภาพลักษณ์ที่จะเสียหายได้ คนระดับม่านฟ้า ถ้าจะลุกขึ้นมาตบตีกับใครสักคน คงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลงมือทำเองให้เปลืองตัวเปล่าๆ

แต่ที่แน่ๆ หลังจากที่มีกระแสข่าวต่อเนื่องมาเป็นแรมเดือน นับตั้งแต่เรื่องไลน์หลุดกับพระเอก “สน-ยุกต์ ส่งไพศาล” มาจนถึงการเป็นคู่กรณีกับน้ำเพชร ก็ทำให้ชื่อของม่านฟ้าโดดเด่นดังเด้งขึ้นมาทันตาเห็น ล่าสุดก็เตรียมขึ้นแท่นเป็นนางเอกภาพยนตร์ป้ายแดง ในหนัง “โกยเถอะ ผีมาแว้ว” ของ บริษัทรักกันดี รวมไปถึงยังได้รับการทาบทามจาก “หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย” เตรียมดึงมาลงละครอีกต่างหาก

ส่วนคู่กรณีอย่างน้ำเพชร ก็หยิบชิ้นปลามัน คว้าพรีเซ็นเตอร์น้ำดื่มยี่ห้อ “โลโซ” ไปครองสบายใจเฉิบ

สุดท้ายเรื่องดรามา “นางฟ้ามาเฟีย ?” ก็ดูเหมือนจะ Win-Win ตามๆ กันไปหมด ทั้งม่านฟ้า ทั้งน้ำเพชร รวมถึง “พี่เสก โลโซ” เจ้าของผลิตภัณฑ์น้ำดื่ม ที่ได้พื้นที่ประชาสัมพันธ์สินค้าฟรีๆ โดยไม่ต้องเสียสะตุ้งสตางค์แม้แต่บาทเดียวอีกแล้วครับทั่น

สุดท้ายของสุดท้าย (อีกที) เผลอๆ บทสรุปของเรื่องนี้ ก็อาจจะจบลงที่คู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายจับมือยอมความกันตามฟอร์ม !!
ที่มานิตยสารASTV สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 305 12-18 กันยายน 2558










กำลังโหลดความคิดเห็น