"เวลาแกไม่มีตังค์แกก็โทรหาว่า แสบลูกรัก สายัณห์ลูกพ่อ พระบิดาไม่มีตังค์แล้ว ราชโอรสเอาสตางค์มาให้พ่อใช้..."
...
เรียกว่าเป็นการสูญเสียคนระดับ "ตำนาน" อีกคนของบ้านเราก็ว่าได้กับการจากไปของอดีตลิเกชื่อดัง "บรรหาร ศิษย์หอมหวล" เจ้าของฉายา "ลิเก(คนจน)เงินล้าน" ด้วยวัย 68 ปีเมื่อช่วงค่ำของคืนวันที่ 16 สิงหาคม ก่อนจะได้รับพระราชทานเพลิงศพไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา
วันนี้ทีมข่าว "Super บันเทิง" ขอพาย้อนไปดูเรื่องราวชีวิตอดีตลิเกคนดังคนยากที่ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้พลิกประวัติศาสตร์วงการลิเกไทยจากปากของ "แสบ สามชุก" เจ้าของฉายา "สายัณห์ สัญญา 2" ซึ่งมีความใกล้ชิดผูกพันกับอดีตลิเกคนดังถึงขนาดเรียกอีกฝ่ายว่าพ่อ...
"แต่ก่อนพ่อก็เป็นคนรับจ้างขึ้นตาล ซึ่งพ่อก็มีพี่น้องหลายคน แต่พ่อเป็นลูกคนที่สาม โดยมีคนโตเป็นผู้หญิง คนที่สองเป็นผู้ชาย แล้วก็มาพ่อบรรหาร"
"เดิมทีแล้วตระกูลพ่อเป็นลิเกมาก่อน คือพ่อเป็นลิเกเล่นเป็นตัวตลก อยู่กับเครือเทวราช บุญเหลือ เทวราช, สำอาง เทวราช น้องชายเขาเป็นพระเอก ส่วนตัวปู่เองเป็นตลก แล้วก็น้องชายของปู่สำอาง เทวราช เป็นพระเอก ก็เป็นลิเก พ่อก็เลยไปหัดเล่นบ้างอะไรบ้าง ก็เป็นงูๆ ปลาๆ"
"พ่อก็เคยเล่าให้ผมฟังว่า มีกระเป๋าใบหนึ่ง มีเสื้อผ้ามาไม่กี่ชุด เดินทางเข้ากรุงเทพมาสมัครกับลิเกที่ใหญ่ที่สุดในพระนคร คือคณะ "หอมหวล นาคศิริ" ก็มาสมัครเป็นลิเก แล้วหลังจากนั้นก็ได้ทำการแสดง ด้วยการหัดร้องกับอาจารย์หอมหวล ก็เล่นจากเสนา มาเป็นตัวโกง และมาเป็นพระเอก คือหอมหวลยุคพ่อเขาจะมีหลายรุ่นนะ"
พอจะลำกับได้มั้ยว่าเป็นศิษย์ที่เท่าไหร่ของคณะ "หอมหวล"?
"ไม่แน่ใจนะ หอมหวลตั้งคือรุ่นพิเศษ จะมีสาริกา หอมหวล, ไก่แก้ว ที่จำไม่ได้เพราะมันมีหลายคน คือสมัยก่อนหอมหวลจะรับลิเกแยก รุ่นพิเศษ หอมหวลรุ่นใหญ่ พ่อบุญเลิศเขาจะเป็นรุ่นใหญ่ ส่วนพ่อบรรหารจะเป็นรุ่นพิเศษ"
"คือพ่อก็มีโอกาสได้มาตรงนั้น แล้วหลังจากนั้นมาก็เล่นลิเกประชันกับสมศักดิ์ ก็เลยมีชื่อเสียงขึ้นมา ซึ่งตอนนี้ถามว่ายังมีคณะหอมหวลอยู่ไหม ก็มีอยู่นะ แต่เหลือไม่เยอะแล้ว ก็มีพวกบัญชา หอมหวล ถ้าหากไม่เล่นลิเกก็มีพ่อบุญเลิศที่ยังคอยฝึกลิเกให้หลานๆ ต่อไป"
ผู้พลิกประวัติศาสตร์วงการลิเกไทยเปลี่ยนเครื่องแต่งกายลิเกจากเสื้อกั๊กมาเป็นเสื้อประดับด้วยเพชร
"พ่อเป็นลิเกคณะแรกที่พลิกประวัติศาสตร์ของโลกลิเก ทำให้ลิเกรุ่นหลังๆ มีคุณค่ามาถึงทุกวันนี้ พ่อดังก็ดึงตั้งแต่สมศักดิ์, พงษ์ศักดิ์ อะไรหลายๆ คณะที่ไม่ได้เอ่ยนาม จนมาถึงคณะไชยา, กุ้งสุธิราช นั้นคือต้นตำหรับมาจากเขาหมดเลย จากลิเกที่ใส่เสื้อกั๊ก แล้วหลังจากนั้นมาพ่อก็ผลิกประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นคนแรกที่ใส่เสื้อเพชร"
"ก็ด้วยความคิดของท่านว่าลิเกสมควรที่จะทำแบบนี้ ทำเสื้อเพชรดูบ้าง มันจะได้หลากหลาย ทำให้คนได้มีโอกาสไม่ดูภาพจำเจ แต่นับจากนี้ไปก็คงไม่มีแล้วชุดเสื้อกั๊ก เดี๋ยวนี้ชุดลิเกก็เป็นแสนนะ ใส่คริสตัลเม็ดละ 60 บาท แล้วตัวหนึ่งก็ใช้ 500-700 เม็ด"
ดังสุดขีด!
เรียกว่านาทีนั้นไม่มีใครไม่รู้จักเจ้าของฉายา "ลิเกคนจนเงินล้าน" ผู้ที่พลิกประวัติศาสตร์วงการลิเกไทย บอก "สายัณห์ สัญญา" ดังยังไง "บรรหาร ศิษย์หอมหวล" ก็ดังอย่างนั้น รับงานแต่ละคืนต้องมีถึง 5,000 บาท
"คือเขาจะมาคู่กัน แต่มันเป็นคนละเวอร์ชั่น อย่างสายัณห์ สัญญา เขาดังเพลง อย่างคุณพ่อบรรหาร เขาดังลิเก แล้วหลังจากนั้นเขาก็มาทำเพลง จากการแต่งของอาจารย์ ชลธี ธารทอง โดยหลังจากนั้นก็มีชื่อเสียงดังไปทั่วฟ้าเมืองไทย ก็มีคนรู้จักคณะศิษย์หอมหวล"
"แต่พักหลังๆ คุณพ่อจะหยุดทำการแสดง โดยให้น้องชายหรือผม ทำการแสดง ซึ่งผมเองก็ทำการแสดงบ้างอะไรบ้างก็จะเป็นป้ายของผม ถ้าไม่ใช่ป้ายผม ผมก็ไม่ค่อยได้ไปเล่น แต่โดยส่วนมากผมจะทำรำวงย้อนยุค สายัณห์ 2 คือสายัณ ปัญญา ทำรำวงลูกทุ่งด้วย"
"ตอนนั้นที่ช่วงคุณพ่อดังมาก รับงานที่หนึ่งคืนละประมาณ 5000-6000 บาท ถ้างานสว่าง 80000 -90000 บาท ขึ้นอยู่ที่ว่าใกล้หรือไกล คือลิเกก็ได้ 50 พระเอกก็ได้ 100 อย่างผมไม่ได้เป็นลิเกก็ได้คนละ 20 แล้วก็เป็นลิเกคณะแรกที่ใช้รถบัส แล้วก็ลองมาก็สมศักดิ์ เหมือนว่าคุณพ่อเป็นคนที่พลิกประวัติศาสตร์วงการลิเก"
"แล้วตอนนี้มันจบตำนานคนที่ยิ่งใหญ่คือพระเอกบรรหาร ศิษย์หอมหวล ลงแล้ว แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ลูกหลานก็เสียใจ พยายามจะกลั้นน้ำตากันไว้เพื่อไม่ให้บรรยากาศภายในงานนั้นโศกเศร้า"
“มีดังก็ต้องมีดับ"
ดาวเด่นวาววับ อยู่ฟ้ายังร่วง ลิเกจะดังอยู่ที่ดวงและวาสนา "บรรหาร ศิษย์หอมหวล" ในวัย 67 ปี อดีดพระเอกลิเกชื่อดังในวันนี้ที่เคยพูดจาฉะฉาน โผงผาง กลับต้องไร้การไร้งาน เพราะเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ จนเกิดความผิดปกติป่วยสมองฝ่อ
"มันก็หลายอย่างนะ มีเมียก็เลิก คนเราก็ไม่สามารถรู้ได้ความคิดของเขา ความคิดของคุณพ่ออาจจะคิดไปบ้างว่าครอบครัวมันไม่ได้เป็นครอบครัว ลูกอยู่ทาง เมียอยู่ทาง รวยๆ แล้วก็กลับมาจน ซึ่งคุณพ่อบอกว่า ลูกรักพ่อมาจากบ้านนอก พ่อมีร้องเท้าแตะมาอันนึง แล้วก็มีเสื้อผ้าเก่าๆ ของพ่อมาตัวนึง พ่อมาอยู่กรุงเทพฯ พ่อรวยแบบพอกินพอใช้ ไม่ลำบากอะไรเหมือนเมื่อก่อน"
"ซึ่งของพวกนี้พ่อไม่เคยยึดติด เมื่อพ่อมาแต่ตัวพ่อก็ต้องกลับแต่ตัว เขาก็พูดกับผมแบบนี้ พูดกับผมตลอดสอนผมตลอด และต่อจากนี้ก็ขอฝากตำนานลิเกคนจนผู้ผลิกประวัติศาสตร์โลกลิเก ไม่ว่าจะเป็นเพลงใหม่เพลงเก่าของคุณพ่อด้วยครับ"
"คือตอนนั้นคุณพ่อไปเล่นลิเกแถวนนทบุรีแล้วจอดรถ ซึ่งทีนี้รถมันจูงกันมาแล้วรถดันหลุดก็ไถลออกมาชนพ่อ ตอนนั้นพ่อก็ขาหัก โดยหลังจากนั้นก็ไม่ได้ออกงาน พักฟื้นบวกกับพ่อมีอายุแล้วก็ไม่ได้ทำการแสดงไม่ได้เล่นไม่ได้ทำอะไร พ่อก็เข้าโรงบาลด้วยความที่กระทบกระเทือนเลือดคลั่งในสมอง ซึ่งหมอก็ไม่ได้ผ่าเพราะมันอันตรายต่อคนที่อายุเยอะ ซึ่งหมอก็ให้ยาละลายลิ่มเลือด ก็ละลายไปเรื่อยแต่คนแก่เขาจะไม่ปกติ หรืออาจจะมีอะไรภายในที่หมอเขาตรวจที่ไม่สามารถเหมือนเดิมได้"
"หลังจากนั้นผมก็พาไปรักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จ ทั้งนั้นทั้งนี้ก็ต้องขอขอบคุณคุณหมอที่ให้การดูแลคุณพ่อมาตลอด พี่สาวอรอนงค์ก็คอยดูแลคุณพ่อมาตลอด ก็ยังเหมือนคนไข้พิเศษนะ ตอนนั้นคุณพ่อเดินได้ จำได้ปกติทุกอย่าง แต่ว่าพอเวลาที่เขาเครียดก็จะมีเพี้ยนนิดหน่อย มีตะหวาด เหมือนโรคคนแก่ ดุว่าลูกหลาน แล้วสุดท้ายแกมีแต่ให้นะ พอแกได้ค่าตัวมาก็พาเพื่อนฝูงแกไปกินไปเลี้ยงอย่างสมบูรณ์"
อาศัยอยู่เพียงลำพังในกระต๊อบซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าของบ้านชั้นเดียวของน้องสาวที่ อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี
"คือตอนที่คุณพ่ออยู่กรุงเทพฯ เราจะเป็นคนดูแลแก คนก็จะแวะมาหาบ้าง ส่วนบางคนที่รังเกียจเขาก็จะโทรมาหาว่าพ่อแกอยู่เนี่ย เราก็ไปรับกลับ คือสติไม่ค่อยดีบ้างทีก็จำได้บ้างทีก็จำไม่ได้ บางครั้งเราก็เลยฝากน้องๆ ว่าถ้าเจอก็ให้ความดูแลให้ความอนุเคราะห์แกด้วย"
"ตอนที่คุณพ่อไปอยู่กระต๊อบ อันนั้นกลับไปอยู่บ้านนอกแล้ว คือ อาใจเป็นคนดูแล ก็ดีกว่ามาเดินในกรุงเทพ เราก็เป็นห่วงรถรา หลายๆ อย่างก็เลยพาแกกลับไปอยู่ที่บ้านครับ"
ปิดฉาก "ลิเกคนจนเงินล้าน"
ถือเป็นอีกข่าวเศร้าสำหรับวงการศิลปวัฒนธรรมไทยเลยก็ว่าได้ สำหรับข่าวการเสียชีวิตของปูชนียบุคคลอย่าง ครูบรรหาร ศิษย์หอมหวล อดีตลิเกชื่อดัง เจ้าของฉายาลิเกคนจนเงินล้านแห่ง จ.ลพบุรี
"สรุปแล้วพ่อก็มาเข้าโรงพยาบาลจนวินาทีสุดท้ายผมก็ดูแล คือผมได้เงินมาทั้งหลายทั้งปวงผมก็เอามาดูแล เวลาแกไม่มีตังค์แกก็โทรหาว่า แสบลูกรัก สายัณห์ลูกพ่อ พระบิดาไม่มีตังค์แล้ว ราชโอรสเอาสตางค์มาให้พ่อใช้ (หัวเราะ) คือเขาเป็นคนที่ร่าเริงมาตลอด สรุปแล้วตั้งแต่แกเจ็บป่วยมาผมก็ดูแลท่านมาตลอด คือไม่ได้มีงานก็ไปดูแลกัน นาทีสุดท้ายผมกลับมาจากพิษณุโลก ผมไปทำงานก็เลยตีรถกลับมาบ้านเพื่อนสิงห์บุรีลูกเขารับปริญญา"
"แล้วมีคนโทรหาผมถามว่าพี่อยู่ไหน แล้วผมตอบไปว่าทำไม เขาก็บอกว่าพ่อพี่เสียแล้วนะ ผมก็บอกว่าเดี๋ยวผมไปไม่เกิน 25 นาที แล้วจนเช้าคืออาใจเขาไม่มีรถนะ ผมก็เลยไปเอาประวัติ คัดสำเนาอะไรทั้งหลายทั้งปวงเพื่อไปแจ้งการตาย แล้วก็นำศพจากโรงพยาบาลลพบุรีมากรุงเทพ"
หลังจากนี้ต่อไปวงการลิเกไทย ก็ต้องให้ลูกหลานสืบทอดกันต่อไป......"ก็ยังมีวงการลิเก ลูกๆ หลานๆ น้องๆ พี่ๆ ก็ยังทำอยู่ เฉพาะลูกหลานก็ยังมาเล่นเป็นนางโกง คือเวลามีงานเข้าก็จะมารวมกัน และนับจากวันนี้ถ้ามีโอกาสผมขอฝากว่าผมจะขึ้นป้ายคุณพ่อแล้วจะเอาป้ายผมลง"
"คือเหมือนไม่อยากให้ตำนานจางหายไปเหมือนกับพี่เป้า สายัณห์ ผมก็เลยทำตัวเหมือนที่เป้า เพราะเคยฝากตัวเป็นลูกศิษย์หลายครั้งหลายสมัย ก็อยากให้ภาพตรงนั้นแฟนเพลงได้จำจดไว้ตราบนานเท่านาน ก็เหมือนคุณพ่อบรรหาร เราจะขึ้นชื่อป้ายไว้ว่า สืบสานตำนาน ลิเกไทย มรดกลิเกยันลูกหลาน อันนี้คือสิ่งที่คิดไว้"
หลังจากนี้จะไม่มีคนที่ชื่อ "บรรหาร ศิษย์หอมหวล" พระเอกที่โด่งดังค้างฟ้าผู้พลิกประวัติศาสตร์ของโลกลิเก ทำให้สืบสานลิเกไทยนั้นมีค่า แม้แต่ต่างชาติก็ยังนิยมคำว่าศิลป์ของไทย
"คำว่าลิเกไม่ใช่เรื่องที่ตกต่ำ แต่บางคนก็ดูถูกว่ามันไม่มีอะไร มันเต้นกินรำกิน บางคนอาจจะดูถูก แต่หารู้ไม่ว่านั้นคืออาหารตาและอาหารใจที่คุณพ่อหยิบยืนให้กับเหล่าบรรดาท่านผู้ชม ที่มานั่งดูลิเกเล่นกันไปมามันเคลิ้มตามที่เป็นท้องเรื่อง เหมือนสมัยก่อนที่ยังไม่มีอะไร"
"ก็อยากขอฝากเอาไว้ด้วย คงจะไม่ปิดตำนานนะ อาจจะมีสืบสานตำนานลิเกไทย ซึ่งคุณพ่อเป็นลิเกลูกทุ่งเพราะเขาทำเพลงด้วย ก็จะด้วยลูกด้วยหลานพร้อมด้วยตัวผมเองก็จะทำจุดนี้ และผมพร้อมที่จะสืบสานเจตนารมณ์ของคุณพ่อต่อไป จะเอาป้ายผมออกแล้วจะเอาป้ายพ่อขึ้นแทน"
"ก็ขอฝากเอาไว้ด้วย ยังไงก็อย่ามองว่าลิเกเป็นค่าที่ตกต่ำ ศิลปินจะดูหมิ่นอะไรศิลปะ แม้จะกองขยะดูดีก็มีศิลป์ อันนี้คำพังเพยผมก็ไม่รู้ว่ามันมาจากไหน แต่ก็ขอฝากเอาไว้ด้วย เราก็จะทำเหมือนพ่อจะทำแต่สิ่งที่ดีที่พ่อสร้างไว้ ไอสิ่งที่ไม่ดีผมจะไม่จำ"