ยันหลายคนเข้าใจแต่มีบางคนทำเบลอ ลั่นไม่เคยเปลี่ยนขั้วทั้งที่นักเขียนหลายคนขัดแย้งเพราะมีสีการเมือง ด้านเกจินู้ด "นิวัติ กองเพียร" ซัดโกงแล้วไม่ยอมรับความจริงแถมด่ากระทบเพื่อน ขณะที่ "ชาติ กอบจิตติ" บอกโกงไม่โกงไม่รู้ แต่เปรียบดั่งเจ้าอาวาสเรี่ยไรเงินบอกจะสร้างโบสถ์ทว่ากลับเอาไปใช้หนี้วัด สุดท้ายเงินหายหมด
กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาเลยทีเดียว หลังเมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมาทางนักเขียนรุ่นใหญ่เจ้าของนามปากกา "สิงห์สนามหลวง" ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์(2554) "สุชาติ สวัสดิ์ศรี" ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่าเป็นการชี้แจงเรื่องที่ตนถูกกล่าวหาจากเพื่อนๆ นักเขียนว่าคอร์รัปชั่นเงินที่มีวัตถุประสงค์ในการก่อตั้ง "มูลนิธิช่างวรรณกรรม" เมื่อหลายปีก่อนไปทำอย่างอื่นแทน
โดยเจ้าตัวได้ระบุทำนองว่าที่ผ่านมาเรื่องนี้ตนเคยมีจดหมายปิดผนึกไปยังนักเขียนที่เกี่ยวข้องทุกคนซึ่งก็มีนักเขียน "เกินครึ่ง" ที่ตอบกลับมา อาทิ วานิช จรุงกิจอนันต์, วินทร์ เลียววาริณ, กนกพงศ์ สงสมพันธ์ ฯ ยืนยันว่าไม่ติดใจและไม่มีเงื่อนไขเกี่ยวกับเรื่องของการใช้เงินที่ได้มา โดยมี "ชาติ กอบจิตติ" ที่ยังคง "ทำเนียน" ผสม ทำ "เบลอ" ไม่ตอบจดหมายมาจนถึงปัจจุบันแต่กลับอ้างคำว่า "เพื่อน" มาตลอด
ผมได้เขียน"จดหมายเปิดผนึก" ให้ทุกคนในฐานะนักเขียนเรื่องสั้นในหนังสือ"สนามหลวง"ได้เปิดใจตอบมาเป็นลายลักษณ์อักษรว่า มีความเห็นอย่างไร บางคนตอบ บางคนไม่ตอบ แม้จะต้องเสี่ยงกับการผิดใจกับพี่ชายในแวดวงคนหนึ่ง ผมก็พร้อมที่จะชัดเจน ไปพูดคุยก็หลายครั้ง เขียนจดหมายเป็นส่วนตัวก็หลายครั้ง จดหมายที่เป็นหลักฐานเหล่านั้นยังเก็บไว้เป็นกรณีศึกษาเกี่ยวกับนักเขียนเรื่องสั้นในหนังสือ"สนามหลวง" ที่ร่วมกันบริจาคเงินเป็นค่าพิมพ์คนละ 4,000 บาท เพื่อช่วยเป็นทุน"ต่ออายุ"การจัดพิมพ์เรื่องสั้น"ช่อการะเกด"ของ"สำนักช่างวรรณกรรม"ในเวลานั้นให้เดินหน้าต่อไป"
มีนักเขียนที่เขียนเรื่องมาลงหนังสือ"สนามหลวง"เกินครึ่งที่มีลายลักษณ์อักษรตอบกลับมาว่า "ไม่ติดใจและไม่มีเงื่อนไขใด" นักเขียนเหล่านี้ที่ผมยังจำได้ก็เช่น วานิช จรุงกิจอนันต์ วินทร์ เลียววาริณ และแม้แต่ กนกพงศ์ สงสมพันธ์ ที่แม้จะดูไม่ออกในระยะแรก แต่ก่อนเขาเสียชีวิตไม่นานก็เคยมีจดหมายเป็นลายมือมาทำให้ผมชื่นใจว่า "ผมเข้าใจพี่สุชาติ" ส่วนนักเขียนที่ชื่อ ชาติ กอบจิตติ ที่มีเจตนาดีและเป็นต้นคิดเกี่ยวกับเรื่องหนังสือ"สนามหลวง"กลับ"ทำเนียน"ไม่ตอบจดหมายเรื่องนี้ และในปัจจุบันก็ยัง"ทำเนียน" ผสมกับการ"ทำเบลอ" โดยอ้างคำว่า"เพื่อน"มาตลอด
จดหมายตอบในกรณีหนังสือ "สนามหลวง" ของทุกคนผมยังเก็บไว้ และน่าจะถึงเวลารำลึกย้อนหลังกันได้แล้วกระมังว่า มีใครบ้างที่"ทำเมิน"ไม่ตอบจดหมาย แต่ผมก็ยังมองในแง่ดีและให้ความเป็นมิตรมาตลอด แม้ในใจนั้นจะยังรอจดหมายตอบของพวกเขา ว่าคิดเช่นนั้นจริงๆหรือที่ผมกับเรืองเดช จันทรคีรี สมควรได้รับข้อกล่าวหาว่า "คอร์รับชั่น" เนื่องจากเอาเงินจากการจำหน่ายหนังสือ"สนามหลวง"ไปใช้เงินผิดประเภท คือเอาไปพิมพ์"ช่อการะเกด"และจัดกิจกรรม"งานชุมนุมช่างวรรณกรรม"ประจำปี แทนที่จะเอาไปก่อตั้งเป็น"มูลนิธิช่างวรรณกรรม"
เวลาจะผ่านไป แม้จะมีบางคน "ทำเนียน" "ทำเบลอ" เปลี่ยนขั้ว เปลี่ยนข้าง ไปแล้วเพราะความเห็นทางการเมืองในเวลาต่อมา แต่ผมก็ยังอยู่ ณ ที่เดิมในฐานะของผู้ก่อตั้ง "สำนักช่างวรรณกรรม ที่ยังหาทางทำกิจกรรมทางวรรณกรรมมาตลอด และไม่ได้คิดว่าจะต้องรอให้เป็นมูลนิธิเสียก่อนจึงจะกิจกรรมทางวรรณกรรมได้ เรื่องกรณีหนังสือ"สนามหลวง"ที่เป็นเรื่องเป็นราวกันมาเมื่อประมาณ 20 ปีก่อนนั้นผมไม่เคยลืม และคงจะไม่ลืมตลอดไป ..จนกว่าดาวหางชนโลก
นักเขียนรุ่นใหญ่ยังบอกด้วยว่าตนเองรู้ดีว่าใครหน้าไหว้หลังหลอก ซึ่งที่ผ่านมาตนเชื่อว่าเวลาจะช่วยเยียวยาเรื่องเหล่านี้แต่เรื่องทำนองนี้กลับย้อนกลับมาหา พร้อมยกตัวอย่างการการถูกใส่ร้ายจากนสพ. พ์ "ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์" ว่าไม่ต่างอะไรไปจากเรื่องที่ตนเคยถูกกล่าวหาว่าคอร์รัปชั่น
ผมรู้ทั้งนั้นว่าใครจริงใจ ใครหน้าไหว้หลังหลอก และผมคิดว่าตัวเองได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพราะต้องปกป้ององค์กรในฐานะนามธรรมให้มีความชัดเจน และปกป้อง"เพื่อน" ที่ถูกมองในแง่ลบให้มีความชัดเจนไปพร้อมกันด้วย แม้ว่าอาจจะต้องเสี่ยงที่จะบาดหมางกับ"พี่ชายทางวรรณกรรม" และผู้คนในแวดวงที่เหมือนเริ่มแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันมาตั้งแต่นั้น ผมก็ต้องชัดเจนในหลักการก่อน ถ้าไม่ชัดเจนเสียแล้วตั้งแต่ต้นก็คงจะทำงานร่วมกันต่อไปได้ยาก
ผมเชื่อว่าบางที "เวลา" อาจช่วยรักษาเรื่องนี้ได้ แต่แล้ว"เวลา"ก็กลับย้อนแย้งหาเป็นเช่นอย่างที่คิดไม่ กรณีเรื่องที่ผมถูกกล่าวหาเมื่อเร็วๆนี้ว่า "ถูกทักษิณซื้อตัว" และเรื่องเลวร้ายอื่นๆจากหนังสือพืมพ์ "ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์" ว่าไปแล้วก็ไม่ต่างจากที่ครั้งหนึ่งเคยถูกแวดวงบางส่วนมองไปในทางลบว่า ".. ก็มึงกับเรืองเดชคอร์รับชั่นเรื่องเงินที่มาจากการจำหน่ายหนังสือ "สนามหลวง" ทำไมมึงจึงไม่เอาเงินมาทำมูลนิธิ " และจากกรณีปวดร้าวดังกล่าวก็เหมือนทำให้ผมได้มองเห็นด้านกลับบางอย่างของคำว่า"เพื่อน"ที่กระโจนเข้ามาหาพร้อมกับความหน้าไหว้หลังหลอกและการแบ่งขั้วของการเมืองเรื่อง "สี" ในปัจจุบัน"
ทั้งนี้หลังจากที่ข้อความดังกล่าวถูกโพสต์ขึ้นไป ทางด้านของผู้ที่ใช้เฟซบุ๊กว่า Book Intep ก็ได้นำเอาข้อความที่ว่าไปโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กซึ่งปรากฏว่าทางด้านของ "นิวัติ กองเพียร" อดีตคอลัมน์นิสต์เกี่ยวกับภาพนู้ดชื่อดังก็ได้เข้ามาแสดงความเห็นโดยบอกว่าเรื่องนี้ ทางด้าน "ชาติ กอบจิตติ" ที่ถูกพาดพิงน่าจะเข้ามาตอบ พร้อมกับที่เจ้าตัวได้ย้อนถามไปยังนักเขียนเจ้าของนามปากกาสิงห์สนามหลวงด้วยว่าทำไมต้องเขียนหนังสือห้คนเข้าใจยากด้วย
ไม่นานหลังจากนั้นทางด้านของเจ้าของเฟซบุ๊ก chart Korbjitti ซึ่งเป็นของ "ชาติ กอบจิตติ" ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ปี 2547ก็ได้เข้ามาแสดงความเห็นโดยระบุว่า...
"โกงหรือไม่โกงผมไม่ทราบ ยกตัวอย่างให้พี่ฟังว่า ตอนจัดทอดกฐิน บอกญาติโยมว่าจะสร้างโบสถ์ ให้คณะกรรมการวัดหาเงินมา ได้เงินมาแล้วสร้างโบสถ์ได้ เจ้าอาวาสไม่สร้าง บอกว่า จะเอาเงินไปสะสางหนี้สินของวัดก่อน เสร็จแล้ว ไม่รู้ว่าเงินห้าแสนเจ็ดหมื่น(ในสมัยนั้น) หายไปไหน มีเจ้าหนี้ยืนยันว่า หนี้สินก็ไม่ได้ชำระ (สืบได้) แต่เจ้าอาวาสวัดไม่เคยชี้แจง ว่านำไปใช้จ่ายอะไร ทั้งๆที่เป็นเงินบริจาค แต่กลับไปขอความชอบธรรมจากญาติโยมที่บริจาคมาว่า เงินที่บริจาคกันมานี้อาตมาขอสงวนสิทธิ์ไว้ใช้ตามประสงค์ของอาตมานะ ผมขี้เกียจพี่ ผมทุกวันนี้ผมเบื่อพวกปัญญาชน ผมเป็นอาแปะขายเสื้อยืดสบายใจกว่า เรื่องพี่วาฯของเรา ผมมีเรื่องเล่า ถึงหนังสือเล่มนี้(สนามหลวง) แต่เอาไว้วันที่จำเป็นจริงๆ (ผมถึงจะอ้างพี่วาฯของผม) ผมไม่อยากอ้างคนเสียชีวิตพร่ำเพื่อ เพื่อให้ตัวเองรอดตัวไปวันๆ"
พร้อมกันนี้เจ้าตัวยังบอกด้วยว่าตนเองก็ไม่ได้มีส่วนด้วยส่นเสียกับเรื่องนี้เลยและที่ผ่านมาตนก็ไม่เคยคิดที่จะพูดถึงเรื่องนี้แม้แต่น้อย..."ผมเองก็ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรด้วย หาเงินให้ครบตามจำนวนที่อยากได้แล้วก็จบ ที่ผ่านมา ไม่เคยพูดเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย แต่คราวนี้จำเป็นต้องพูด เพราะพี่นิวัติบอกว่าผมจำเป็นต้องตอบ และผมคงจะตอบได้เท่านี้ ตามความเป็นจริง"
โดยนอกจากทั้งสองแล้วก็ยังมีคนอื่นเข้ามาแสดงความเห็นถึงนักเขียนรุ่นใหญ่ด้วยเช่นกัน นอกจานี้ยังมีรายงานด้วยว่าทางด้านของ "เสือเตี้ย" สนานจิตต์ บางสพาน นักวิจารณ์รุ่นเดอะก็ได้โดดเข้ามาร่วมเช่นกันโดยได้ซัดกลับไปยังเกจินู้ดชื่อดังทำนองว่าถ้าบอกว่า "สุชาติ สวัสดิ์ศรี" โกงแล้ว ทางด้านของ "นิวัติ กองเพียร" โกงมากกว่าอีก