“ซี ศิวัฒน์” น้ำตาคลอตั้งโต๊ะแถลงข่าวหลังอัดคลิปซัดแหลกคนวิจารณ์กรณีบัตรคอนเสิร์ต “มารูน ไฟว์” เจ้าตัวขอโทษทำไปเพราะใช้อารมณ์ เผยซื้อบัตรมาในราคาพิเศษแต่คงไม่ไปดูเพราะแอบหวั่นโดนเท้า ก่อนบอกเข็ดและอาจจะไม่ดูคอนเสิร์ตนอกอีกเลย
เรียกว่ากลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาเลยทีเดียวกรณีที่นักแสดงสาว “เอมมี่ มรกต กิตติสาระ” ได้ออกมาโพสต์โชว์ภาพบัตรคอนเสิร์ตของศิลปินระดับโลก “มารูน ไฟว์” ที่จะเข้ามาทำการแสดงในประเทศไทยจำนวน 25 ใบ แถมเป็นที่น่าติดกันรวด ซึ่งแม้เจ้าตัวจะยืนยันว่าเป็นการได้มาด้วยการเข้าคิวจองตามปกติ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีคนเชื่อสักเท่าไหร่
โดยหลังจากที่ถูกวิจารณ์อย่างหนัก ทางฟากของดาราที่เกี่ยวข้องในฐานะเจ้าของบัตรต่างก็ออกมาพยายามชี้แจงถึงที่มาแต่ก็ดูเหมือนจะไปคนละทิศคนละทาง เช่น ในรายของ “เอมี่ กลิ่นประทุม” รวมถึงแฟนหนุ่ม “ซี ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์”
ซึ่งในรายหลังนั้นได้อัดคลิประบายความในใจพร้อมซัดไปยังคนที่เข้ามาวิจารณ์เรื่องนี้ทำนองที่ว่าไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาด่าพวกตนด้วย และการที่นักแสดงสาวโพสต์อวดก็ไม่ได้ไปฆ่าใครตาย ซึ่งการได้มาของบัตรคอนเสิร์ตนั้นก็เพราะพวกตนไปขวนขวายหามา แถมยังต้องจ่ายในราคาแพงกว่าปกติ ก่อนประกาศชัดใครจะตาย-ขี้ไม่ออก ถ้าไม่ได้ดูคอนเสิร์ตให้ติดต่อมา พร้อมวอนใช้หัวคิดอย่าใช้หัวนม
หลังกลายเป็นที่วิจารณ์ไปทั่วถึงการกระทำของนักแสดงหนุ่ม ล่าสุด หนุ่มซี ศิวัฒน์ ได้ตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าวในเวลา 11.00 น. ของวันนี้ (6 ก.ค.) โดยเจ้าตัวสำนึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น ก่อนกราบขอโทษทุกคนที่ทำให้เดือดร้อน ทั้งครอบครัว แฟนคลับ แฟนมารูน ไฟว์ ที่ตนใช้อารมณ์ในการโพสต์ ใช้คำพูดไม่สุภาพ ทำให้ทุกคนกระทบหมด ยืนยันตนกับเอมมี่ ภรรยาไม่ไปดูคอนเสิร์ตแน่นอน ถ้าไปคงต้องเอาปี๊บคลุมหัว แล้วต้องมานั่งระวังว่าจะมีเท้าใครลงมาหรือเปล่า รับได้บัตรมาในราคาพิเศษ แต่ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วติดกันหรือไม่ แต่รู้ว่าน่าจะโซนเดียวกัน แอบหวั่นกับการดูคอนเสิร์ตในครั้งหน้า บอกอาจจะไปดูต่างประเทศ หรือไม่ดูเลยก็ได้
“วันนี้ก็ต้องกราบขออภัยทุกท่านด้วย เดิมทีตอนแรกคุณเอมี่เขาจะมาด้วยจากที่ได้แจ้งทุกๆ ท่านไป แต่เนื่องด้วยวันนี้มีการฟิตติ้งของละครเรื่องใหม่จริงๆ และอีกอย่างคือเขาก็บอกผมว่าเขาคงจะยังไม่พร้อมที่จะมาพูด เพราะเขาก็ยังคงเจ็บช้ำอยู่ เขาไม่อยากจะมานั่งร้องไห้ต่อหน้าสื่อ เอาไว้เขาพร้อมกว่านี้ผมคิดว่าให้คุณเอมี่ออกมากล่าวอะไรกับพี่ๆ น้องๆ สื่อมวลชนเองนะครับ ฉะนั้นวันนี้ผมขอพูดในส่วนของผมก่อนนะครับ ในความรู้สึกของผม ได้ชี้แจงว่าทำไมผมได้โพสต์คลิปเหล่านั้นลงไป หลังจากนั้นผมยินดีตอบทุกคำถามเท่าที่ผมจะตอบได้ วันนี้ผมขออนุญาตพูดในส่วนของผมเท่านั้น ไม่อยากจะดึงใครเข้ามาเกี่ยวข้องอีก เพราะว่าตอนนี้มันก็เสียหายไปถึงคนที่ไม่เกี่ยวข้องค่อนข้างเยอะแล้ว”
“วันนี้ผมอยากจะกราบขอโทษนะครับ (ยกมือไหว้) กับสิ่งที่ผมได้ทำลงไป ในการที่ได้โพสต์คลิปวิดีโอแสดงกิริยาที่มันไม่เหมาะสม ใช้คำพูดที่ไม่สุภาพ ใช้คำหยาบคาย แสดงกิริยาประชดประชัน ยียวน โดยที่ไม่ได้คิดหน้าคิดหลัง ไม่ได้คิดถึงผลที่มันจะตามมา แต่ตั้งแต่ผมอยู่ในวงการมาผมก็ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน ถ้าทุกท่านได้ติดตามข่าวที่มันเกิดขึ้นไม่ว่าจะเหตุการณ์อะไรก็ตาม เวลามีคนเข้ามาตำหนิติเตียนผมในไอจีหรืออะไรก็ตาม ผมไม่เคยคิดที่จะออกไปตอบโต้ ไม่เคยคิดที่จะไปต่อว่าใคร ผมไม่เคยมองว่าคนที่มีความคิดเห็นแตกต่างจากผมนั้นจะต้องเป็นศัตรู ผมไม่เคย”
“แต่ในวันนั้นมันเป็นเหตุการณ์ที่ผมก็ไม่เคยเจอเหมือนกัน และผมก็ไม่ได้ตั้งใจและไม่ได้เตรียมใจเอาไว้ก่อน เนื่องจากว่ามันมีข้อความอินบ็อกเข้ามาในเฟซบุ๊กของผม ซึ่งจริงๆ ในไอจีผมก็เข้าใจดีอยู่แล้วว่ามีคนว่าผม แต่ผมไม่ได้คิดจริงๆ ที่มีอินบ็อกเข้ามา และบังเอิญผมได้อ่านข้อความนั้นว่ามีการตำหนิถึงการอบรมของคุณพ่อคุณแม่ผม ใช้คำหยาบคายที่ผมไม่ได้เตรียมตัวเอาไว้ก่อน พูดถึงขนาดที่ว่าคุณแม่ผมเป็นโสเภณี (น้ำตาปริ่ม) พูดถึงขนาดที่ว่าคุณพ่อผมเป็นแมงดา บอกว่าผมมีความคิดแบบนี้เพราะการอบรมบ่มนิสัย สอนลูกดี๊ดี และให้ลูกมาหากินกับประชาชน พวกโกงชาติ ซึ่งจริงๆ คำพูดมันหยาบคายกว่านี้มาก ใช้คำพูดใต้เข็มขัดตลอด”
“เท่านั้นยังไม่พอยังพูดถึงภรรยาผม พูดถึงครอบครัวของผม พูดถึงคุณพ่อของคุณเอมี่ ซึ่งคุณพ่อของคุณเอมี่ก็เปรียบเสมือนคุณพ่อของผม ผมไม่ได้แก้ตัวนะครับ แต่ในจังหวะนั้นผมคงคิดน้อยเกินไป ในเวลานั้นผมสุภาพไม่ไหวจริงๆ ผมไม่มีสติ ผมปล่อยให้ความโกรธของผมอยู่เหนือเหตุผล ไม่ได้มีอะไรทั้งนั้น ไม่ได้มีสคริปต์ไว้ก่อน แต่ถามว่ามีการกลั่นกรองในมุมของนักแสดงและอยู่ในวงการมานานไหม มีครับ แต่มันไม่พอ มันยังคงมีคำหยาบคายอยู่ ความโกรธที่ผมแสดงออกไปผมก็แสดงได้แค่นั้น ผมไม่สามารถแสดงได้มากกว่านั้น”
บอกพ่อใครแม่ใคร ใครก็รัก ย้ำให้ด่าตนแค่คนเดียว อย่าตำหนิถึงบุพการีเพราะไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว
“ในตลอดเวลาที่ผมได้พูดในคลิปผมก็ยังกราบขอโทษอยู่ตลอดเวลา ทั้งๆ ที่ผมโกรธมาก และผมก็ยอมรับว่าผมยั้งอารมณ์ตัวเองไว้ไม่อยู่ พ่อใครแม่ใคร ใครก็รัก พ่อผมแม่ผมคือฮีโร่ของผม คือคนที่บ่มเพาะผม คนที่สอนผม ทำให้ผมเป็นผู้เป็นคนได้ทุกวันนี้ และยิ่งวันนี้ท่านไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว ผมไม่มีโอกาสที่จะได้ชี้แจงว่าทำไมคนทั้งประเทศถึงเกลียดผม ว่าผมได้ครับ ผมยินดีน้อมรับเสมอ ผมยินดีปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงทัศนคติที่ไม่ตรงกัน แต่ผมขออย่างเดียว อย่าว่าพ่อว่าแม่ผม อย่าตำหนิท่าน ท่านอบรมสั่งสอนผมมาดีแล้ว ผมมันไม่ดีเอง ผมยอมรับ และกราบขอโทษไว้ ณ โอกาสนี้นะครับ (ยกมือไหว้)”
“คือในวันนั้นผมกับคุณเอมี่เพิ่งกลับจากงานแต่ง คิดว่าคงไม่มีใครทราบหรอกครับว่าเราสองคนต้องเจออะไร ผมเห็นคนที่ผมรักนั้นร้องไห้มาตลอดทาง และมาบวกกับเจอแมสเซสเข้ามาในขณะตอนนั้นก่อนที่ผมจะโพสต์คลิปนะครับ ส่วนหลังจากนั้นผมก็เข้าใจหมดแล้วนะครับใครจะว่าครอบครัวผม ก็ค่อนข้างเข้าใจ คุณเอมี่ก็ได้ห้ามปรามแหละครับ แต่ว่าผมเป็นคนที่ยืนกรานว่าจะลงคลิปวิดีโอเอง เพราะฉะนั้นผมขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียว ผมผิดผมยอมรับและผมก็ขอโทษ”
ยอมรับความผิด ยึดติดกับคำว่าโกงชาติเกินไป พ้อทำดีมา 10 ปี ถูกทำลายเพียงแค่ 10 นาที
“หลังจากที่โพสต์คลิปไปคุณอาของคุณเอมี่ก็ได้โทร.มาอบรมผม หลังจากนั้นผมก็ได้มีโอกาสอยู่กับตัวเอง ได้คิด ได้วิเคราะห์ว่าเรามาถึงจุดนี้ได้ยังไง จุดที่คนทั้งประเทศเกลียดชังผม ความเชื่อมั่นและสิ่งดีๆ ที่ผมทำตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมามันได้ถูกทำลายเพียงแค่สิบนาที เมื่อความโกรธผมหายผมก็มีสติมากขึ้น ผมก็ได้เรียนรู้ว่าจริงๆ แล้วผมไม่มีสิทธิไปโกรธคนเหล่านั้นเลย เพราะว่าถ้าผมทำถูกต้องตั้งแต่แรกทุกสิ่งทุกอย่างก็คงไม่เกิดขึ้น เขาก็คงจะไม่ตำหนิผม เขาก็คงจะไม่ตำหนิภรรยาผม ไม่ตำหนิบุพการีผม เพราะฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างมันได้ถูกย้อนมาที่ตัวผมว่าผมคือคนที่ผิดเอง ผมคือคนที่ทำให้มันเกิดขึ้นตั้งแต่แรก ผมปล่อยให้ความโกรธนั้นไปยึดติดกับคำว่าโกงชาติ กับการว่าบุพการีซะจนลืมมองว่าสิ่งที่ประชาชนต้องการจะบอกผมนั่นก็คือวิธีการ หรือต้องการปรับทัศนคติในความเชื่อของผม”
“ผมยอมรับผิดที่ผมใช้ชีวิตแบบนี้ซะจนชินในความอยากได้อยากมี ทำในสิ่งที่ผิดซะจนมีความเชื่อว่ามันถูก เมื่อก่อนอยากได้ไอโฟนที่มันยังไม่เข้ามาในประเทศไทย มีคนหิ้วเข้ามาขายในราคาที่แพงกว่า ผมอยากได้ผมก็ซื้อ เฟอร์บี้ผมอยากได้ผมก็ซื้อ ครั้งนี้ผมก็คิดอย่างนั้นเช่นเดียวกันโดยที่ไม่ได้คิดหรอกครับว่าผมได้ไปเบียดเบียนใคร ต่อให้มันมีการล็อกบัตรจริงๆ เกิดขึ้น ผมไม่ได้เป็นคนล็อก ผมแค่เป็นคนหนึ่งที่อยากดูคอนเสิร์ตและผมก็ซื้อบัตรไป เชื่ออย่างนั้นมาตลอด แต่จริงๆ แล้วหลังจากที่ผมได้อ่านคอมเมนต์หลายๆ คอมเมนต์ ก็ขอขอบคุณมากนะครับมีหลายๆ คอมเมนต์ที่ไม่ได้ใช้คำหยาบคายและเตือนสติผม อยากให้ผมปรับปรุงทัศนคติตัวเองว่าถึงแม้ผมจะไม่ได้เป็นล็อกบัตรหรือว่าล็อกบัตรก็ตาม แต่ผมเป็นคนซื้อ มันก็อยู่ในวงจรนี้อยู่ดี”
“มันก็เหมือนกับการทำบุญปล่อยนก แล้วผมไปซื้อนกที่วัด แม้ว่าผมจะไม่ใช่คนที่จับนก แต่ผมก็ทำให้กระบวนการนี้เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นอีกครั้งผมขอยอมรับผิดในความคิดที่ผิดของผมมาโดยตลอด ผมกราบขอโทษทุกๆ ท่านผ่านสื่อมวลชน (ยกมือไหว้) ขอกราบขอโทษไปยังแฟนคลับมารูน ไฟว์ กราบขอโทษไปยังแฟนคลับของผม และไม่ใช่แฟนคลับของผม กราบขอโทษไปยังครอบครัวของผมที่ทำให้ทุกท่านเสียใจและผิดหวังในตัวผม ขอโทษไปยังครอบครัวของคุณเอมี่ทุกๆ คน ขอโทษไปยังน้องๆ ที่เห็นผมเป็นไอดอล และเห็นผมเป็นแบบอย่างแต่ผมกลับแสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสมออกไป ขอโทษแฟนๆ ที่เคยเชื่อมั่นในตัวผมว่าผมน่าจะเป็นคนที่เข้าใจ และควรจะมีสติมากกว่านี้”
บอกเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ในชีวิตของตนอย่าเชื่อมั่นตัวเองมากเกินไป พ้อการที่ตนซื้อบัตรราคาพิเศษก็เหมือนโกงหัวใจคนไทยทั้งประเทศ เพราะได้บัตรมาอย่างไม่ถูกต้อง
“วันนี้ผมได้เรียนรู้แล้วครับว่าในเมื่อผมเลือกเส้นทางที่อยู่ในวงการบันเทิง สิ่งไหนที่ผมทนไม่ได้ผมต้องทนให้ได้ เพราะผมเลือกแล้วว่าผมจะเป็นสื่อ เป็นดารานักแสดง ขอขอบคุณทุกๆ คอมเมนต์ที่ได้เตือนสติผมว่าต่อไปนี้ผมไม่ได้ยืนอยู่เพียงคนเดียว ผมยังมีครอบครัวอยู่ข้างๆ ยังมีหน้าของคนที่ผมรักอยู่ข้างๆ เมื่อผมทำอะไรผิดนั่นหมายถึงครอบครัวผมโดนด้วย ผมขอสัญญากับทุกๆ ท่านว่าเหตุการณ์แบบนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้นอีก และหลังจากนี้ถ้าทุกๆ ท่านจะยังคงตำหนิติเตียนอะไรผม ผมขอน้อมรับแต่เพียงผู้เดียว ผมกราบขอโทษทุกๆ ท่านครับ (ยกมือไหว้)”
“ที่ตัดสินใจมาพูดวันนี้ไม่ได้มีใครแนะนำหรอกครับ จริงๆ คือทุกคนให้กำลังใจผมซะมากกว่า บางท่านบอกให้ผมอยู่เฉยๆ ซะด้วยซ้ำ เพราะว่าเรื่องทั้งหมดที่มันเกิดขึ้นก็เพราะปากผมเอง เรื่องที่มันไม่น่าจะใหญ่ขนาดนี้มันก็เกิดขึ้นจากอารมณ์ของตัวเราเอง มีหลายคอมเมนต์ที่เชื่อว่าสุดท้ายแล้วผมก็ต้องออกมาขอโทษแน่ๆ จริงของท่านครับที่ผมจะต้องออกมาขอโทษ เมื่อผมผิด ผมเรียนรู้ ผมก็ต้องออกมาขอโทษ เพราะว่าผมไม่สามารถย้อนอดีตกลับไปแก้ไขมันได้แล้ว สิ่งที่ผมทำผมน้อมรับสิ่งที่ตามมา แต่วันนี้สิ่งที่ผมแก้ไขได้คือแก้ไขความเชื่อและทัศนคติที่ผิดมาโดยตลอดให้มันเปลี่ยนไปครับ”
“ถามว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะมีผลกระทบกับภาพลักษณ์ไหม มันกระทบแน่นอนอยู่แล้วครับ แต่วันนี้มันเป็นบทเรียนครั้งสำคัญที่ผมได้เรียนรู้จากคนทั้งประเทศ คือเหตุการณ์ครั้งนี้จริงๆ แล้วมันก็ไม่ใช่เหตุการณ์ร้ายซะทีเดียว มันมีเรื่องดีๆ อยู่นั่นก็คือเป็นการเตือนสติผม บอกให้ผมได้รู้ว่าอย่าเชื่อมั่นในตัวเองจนเกินไป ให้มองในมุมมองของคนอื่นดูบ้าง การที่ผมไปซื้อบัตรในราคาพิเศษมา ถึงแม้ผมจะมีความเชื่อว่าผมใช้เงินในการที่ผมหามาโดยสุจริตแล้ว แต่มันเหมือนเป็นการโกงหัวใจของคนที่เขาก็พร้อมที่จะต่อแถวเพื่อดูคอนเสิร์ตเช่นเดียวกัน”
“ผมเพิ่งเข้าใจวันนี้ว่าจริงๆ มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับบัตร 25 ใบเลย มันอยู่ที่วิธีการมากกว่าว่าผมได้มันมายังไง ผมเพิ่งเข้าใจวันนี้ว่าเมื่อตัดคำหยาบคายที่วิพากษ์วิจารณ์ในตอนแรกที่ว่าโกงชาติ ด่าบุพการีผมซะจนผมเข้าไปไม่ถึงตรงที่ประชาชนต้องการจะบอกผมว่าไม่ใช่นะ ไอ้ 25 ใบได้ก็แล้วแต่ แต่วิธีการที่ได้มามันไม่ถูกต้อง อย่างที่ผมบอกว่าผมทำผิดซะจนชิน ซะจนคิดว่ามันถูก วันนี้ผมได้เรียนรู้ว่าคนไทยได้ออกมารณรงค์กับการที่ไม่โกง ผมขอบคุณคอมเมนต์หนึ่งที่เตือนสติผมได้อย่างชัดเจนมาก พี่ชายผมเอามาให้ผ่าน เขาบอกว่าคนเราจะโกงมากโกงน้อยมันก็โกง เหมือนคนขโมย 1 บาท หรือขโมย 100 บาท หรือขโมย 100 ล้านบาทก็ขโมยเหมือนกัน ฉะนั้นผมไม่ได้ไปมีสิทธิอะไรมากกว่าคนอื่นเขา สิ่งที่ผมทำคือผมขโมยความรู้สึกของคนทั้งประเทศแค่นั้น”
“ฉะนั้นผมขอบคุณและดีใจนะครับ ผมไม่ได้ดีใจที่คนมาด่า ที่คนมาตำหนิผมนะ ผมก็น้อมรับ แต่ผมดีใจที่คนไทยใน ณ ปัจจุบันนี้ให้ความสำคัญกับเรื่องการโกง และผมอยากให้คนกลุ่มนี้เกาะกลุ่มกันเอาไว้ครับ ดี แต่สิ่งที่ผมขออย่างเดียว ขอให้ออกกันมาด้วยสติ ออกมาแสดงตัวด้วยอุดมการณ์และความเชื่อ มากกว่าที่จะมาสาดคำพูดแรงๆ ใส่กัน เพราะประเทศไทยเราประสบปัญหาแบบนี้มาโดยตลอด ในกรณีของผมกว่าผมจะรู้ตัว กว่าผมจะเข้าใจ ผมก็ไปทำในสิ่งที่มันไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ เสียหายถึงขนาดที่ว่าชื่อเสียงที่ผมสร้างมา ความเชื่อมั่น ความเชื่อใจจากแฟนๆ ที่ผมได้ทำรายการมา มันได้ถูกทำลายลงไปเพียงเวลาแค่ 10 นาที แค่นั้นไม่พอผมยังลากครอบครัวผมเข้ามา เอาดาราและเซเลบที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาโดนหางเลขไปด้วย”
“การกระทำของผมในวันนี้ผมน้อมรับครับว่ามันยากที่จะให้อภัยในเรื่องของทัศนคติ แต่วันนี้ผมหวังว่าทุกๆ ท่านจะเข้าใจผมมากขึ้น อย่างที่ผมบอกว่าครอบครัวผมคือฮีโร่ของผม ถ้าวันนี้มีใครอยากจะตำหนิผมไม่ว่าจะเป็นเรื่องการออกมากล่าวขอโทษ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำผิดใดๆ ก็ตามที่ก่อนหน้านี้เคยทำมา ผมยินดีน้อมรับ และพร้อมที่จะปรับปรุงตัวถ้าทุกท่านให้โอกาส”
บอกถ้าไปดูคอนเสิร์ตครั้งนี้คงต้องเอาปี๊บคลุมหัว ยันไม่ได้ด่าแฟนคลับปัญญาอ่อน ส่วนคำว่าใช้หัวนมคิดตนแค่ระบายความโกรธเท่านั้น
“กับคอนเสิร์ตครั้งนี้ผมคงไม่ไปดูแน่นอน เพราะว่าผมคงต้องเอาปี๊บคลุมไปด้วย และดูคอนเสิร์ตก็คงจะไม่สนุก คงกลัวว่าจะมีเท้า มีใครมาโห่ผม ผมขออนุญาตชี้แจงคอมเมนต์หนึ่งแล้วกันนะครับ ที่บอกว่าผมว่าแฟนคลับปัญญาอ่อน อันนี้จริงๆ แล้วถ้าทุกท่านได้เปิดใจและเข้าไปดูคลิป คือผมลบไปแล้วนะครับ แต่ผมเชื่อว่ายังอยู่ในโซเชียล ผมไม่ได้ว่าแฟนคลับนะครับ ผมอาจจะผิดที่ไม่ได้พูดชัดเจน เพราะผมพูดด้วยอารมณ์ ฉะนั้นผมเลยเข้าใจคนเดียว ด้วยความที่มีคอมเมนต์ผมอ่านแล้วเอามารวมกันทีเดียวว่า เดี๋ยวถ้าพวกแกไปดูคอนเสิร์ต ฉันจะเอาป้ายไฟไปชู แล้วไปโห่พวกแกทุกคน ผมจึงพูดว่ามันการกระทำและกิจกรรมที่ปัญญาอ่อนที่สุดที่เคยได้ยินมา ขออภัยนะครับ (ยกมือไหว้) นั่นคือผมพูดด้วยอารมณ์ อันนี้ผมชี้แจงนะครับ ผมไม่ได้แก้ตัวนะครับ ผมแค่ชี้แจงเท่านั้นเองว่าจริงๆ แล้วไม่ใช่ ผมไม่ได้ว่าแฟนคลับ”
“ที่ผมพูดว่าใช้หัวนมคิด อันนั้นผมก็ใช้อารมณ์ประชดครับ มันคือการระบายความโกรธที่ผมไม่สามารถพูดได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ ไม่ได้มีการยั้งคิดใดๆ เลย ในโมเมนต์ที่คุณเอมี่เขาร้องไห้มา แล้วมันมีป๊อบอัพเด้งขึ้นมา คือผมเปิดเป็นพับบลิค แล้วมันมีอินบ็อกมา พอเห็นปุ๊บมันโกรธมาก ไม่รู้จะทำยังไง ถ้าวินาทีนั้นมีใครสักคนมาบอกว่าใจเย็น มันเกิดขึ้นเพราะเรานะ ไม่งั้นไม่มีคนมาด่าหรอก ไม่มีคนมาตำหนิเราหรอก มันก็คงดีกว่านี้ แต่มันสายเกินไป บอกแล้วว่าคุณพ่อคุณแม่ท่านคือฮีโร่ในใจผม ผมอยู่บนโลกใบนี้ได้เพราะคุณพ่อคุณแม่ผม และยิ่งวันนี้ท่านไม่ได้มีชีวิตอยู่บนโลกนี้แล้ว ผมไม่รู้จะบอกถึงความเจ็บปวดของผมยังไง ลองเข้าไปดูคอมเมนต์ในไอจีของผม ไม่ต้องรวมกระทู้อื่นๆ นะครับ แค่ในไอจีก็พอ นี่ยังไม่พูดถึงคำตำหนิถึงวิธีการอบรมสั่งสอนของครอบครัว ของบุพการีว่าความเจ็บปวดมันทุกข์ทรมานมาก มันยากจริงๆ ที่ผมจะมีสติด้วยตัวของผมเอง ถึงแม้ว่าผมจะอยู่ในวงการมานาน แต่ผมก็น้อมรับและยอมรับผิดอย่างที่ไม่มีเงื่อนไขอะไรทั้งนั้นครับ”
บอกคงไม่ไปดูคอนเสิร์ต เตรียมหาวิธีจัดการกับตั๋วคอนเสิร์ต 2 ใบ เข้าใจทุกคนอยากรู้คำตอบว่าตั๋ว 25 ใบได้มาได้อย่างไร แต่ถึงตอนนี้ทุกคนช้ำกันไปหมดแล้ว
“แต่ผมก็ไม่ทราบว่าท่านอื่นจะเป็นอย่างไรนะครับ แต่ที่แน่ๆ ตั๋วในส่วนของผมคือ 5 ใบ ผมขอพูดในส่วนของผมกับคุณเอมี่แล้วกัน 2 ใบแน่ๆ คือผมกับคุณเอมี่ไม่ไปแน่นอนครับ ก็ไม่อยากให้ตั๋ว 2 ใบนี้มันไม่มีความหมาย ด้วยความที่ผมได้มามันอาจจะไม่ถูกต้อง แต่ถ้าคืนไปก็คงจะลำบาก และคงไม่มีใครกล้าที่จะมาซื้อต่อจากผมแน่ๆ แต่เดี๋ยวก็คงจะหาวิธีแหละครับ เพราะ ณ ตอนนี้ก็ค่อนข้างที่จะหาบัตรกันพอสมควร เดี๋ยวต้องกลับไปคุยกับคุณเอมี่ก่อน ตอนแรกก็คิดว่าหรือจะโพสต์ในเฟซบุ๊กดี แต่ผมว่าคงจะยิ่งไม่ดีแน่ๆ ก็เดี๋ยวคงจะหาวิธีคืนๆ ไป แล้วเอาเงินตรงนั้นมาทำประโยชน์ดีกว่า ก็น่าจะดี”
“ถ้าจะให้ผมอธิบายในการที่ได้บัตรมา ผมขอพูดในส่วนของผมแล้วกันนะครับ เพราะ ณ วันนี้ความจริงหรือเท็จมันไม่สำคัญอีกต่อไป ในส่วนของผมคือผมได้บัตรมาโดยที่ผมซื้อในราคาพิเศษ ผมเชื่อว่าวันนี้ทุกๆ คนคงจะเข้าใจว่าราคาพิเศษมันหมายความว่ายังไง นั่นคือในส่วนของผม วิธีการผมไม่ขอพูดแทนใคร ผมพูดในมุมมองของผมที่จะตอบได้แล้วกันนะครับ ตั๋ว 25 ใบ 1 คนมีสิทธิ 6 ใบ มันใช้คนเพียงแค่ 5 คนเท่านั้นในการหา แต่ทุกคนคงจะสงสัยว่ายังไงก็ไม่มีทางได้ติดกัน ทีนี้วิธีการในการที่เขาจะหาตั๋วมาอยู่ใกล้ๆ กัน หรือติดกันไหมผมไม่ทราบ เพราะผมยังไม่เห็นบัตร แต่จะมีการล็อกหรือไม่ผมเองก็ตอบไม่ได้เช่นเดียวกัน”
“แต่อย่างที่คุณเอมี่ได้พูดไปในไอจี ทุกๆ คอนเสิร์ตที่เคยมีมาในเมืองไทย มันก็เป็นสิทธิร้อยเปอร์เซ็นต์ของสังกัด ว่าเขาจะมีวิธีทำการตลาดหรือทำกำไรอย่างไร อันนี้เป็นสิทธิของเขา เขาจะมีตั๋วพีอาร์ ตั๋วล็อกไว้ให้กับสปอนเซอร์ หรือเขาจะไปแจกใครนั้นในมุมของผมก็เป็นสิทธิของทางต้นสังกัด แต่จะถูกใจใครหรือเปล่าอันนี้ก็ต้องไปว่ากันอีกเรื่อง เพราะต้องแยกประเด็น ทีนี้อย่างที่ผมบอกว่าตั๋วที่ผมได้มาไม่แฟร์แน่นอน เพราะว่าผมไม่ได้เป็นคนไปคลิกเองแน่นอน”
“แต่ในส่วนของคุณเอมมี่ มรกตจะมีทีมงานช่วยคลิก หรือใครจะคลิกเองหรือไม่ อันนี้ผมไม่ทราบจริงๆ เพราะว่าหลังจากเกิดเหตุการณ์มามันเลยความรู้สึกที่จะต้องไปนั่งคุยเรื่องวิธีการแล้ว เพราะว่ามันช้ำกันทุกคน มันตกใจ มันเตรียมตัวกันไม่ทัน มันเป็นเรื่องที่ควรจะถกกันมากกว่าเรื่องตั๋ว 25 ใบซะด้วยซ้ำ แต่ก็เข้าใจในประเด็นสังคมตอนนี้ว่าเขาต้องการคำตอบจริงๆ แต่ถามว่ามันติดกันหรือห่างกันขนาดไหนใน 25 ใบนี้ ผมไม่ทราบจริงๆ ครับ ผมว่าน่าจะโซนเดียวกัน คือผมไม่กล้าให้คำตอบ แต่ 5 ใบของผม ผมว่าติดครับ”
“ถามว่าติดต่อกับผู้จัดงานเองเลยไหม อันนี้ผมไม่ขอพาดพิงถึงใครแล้วกันนะครับ แต่เมื่อเราหาบัตรไม่ได้เราก็ต้องเข้าไปในอินเตอร์เน็ต คือทำยังไงก็ได้ คือผมน้อมรับแต่เพียงผู้เดียวนะครับ อาจจะเป็นคนรู้จัก ด้วยความที่เราเป็นดารานักแสดงโทร.หาว่ามีใครสามารถหาได้ไหม แล้วก็หายไป สุดท้ายก็หาได้จริงๆ ผมยอมจ่ายครับเพียงแค่นั้น ณ ขณะนั้นมุมมองของเรามันไม่ได้เป็นเหมือนทุกวันนี้ ผมแค่มองง่ายๆ ว่าผมอยากได้ ผมก็ลงทุนซื้อ โดยที่ไม่ได้คิดถึงเลยว่าแฟนคลับมารูน ไฟว์อีกเป็นหมื่นๆ ชีวิตนั้นเขาตั้งใจ ตั้งตาคอย และโอกาสที่เขาจะมาในเมืองไทยมันไม่ใช่ง่ายๆ เลย มันก็ไม่แฟร์กับเขา พอผมได้มีเวลาตั้งสติ ถ้าผมตั้งหน้าตั้งตารอด้วยความหวังที่เราจะได้ไปดูเขาสักครั้งหนึ่งในชีวิต และเราได้กลับมาที่เหมือนเป็นการโกงหัวใจเขาแค่นั้นเอง”
เผย “เอมมี่ มรกต” เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมาก โทษตัวเองปากพาจน ขอน้อมรับความผิด
“ปลอบใจคุณเอมมี่ มรกตไหมเหรอ คือต่างคนต่างก็ต้องปลอบใจตัวเอง ตอนนี้คุณเอมมี่เขาก็เสียใจมากกับสิ่งที่มันเกิดขึ้น เหมือนเขาโทษตัวเองที่เป็นเพราะเขา แต่ผมว่าเรื่องทั้งหมดที่มันเกิดขึ้น ที่มันเป็นเรื่องใหญ่มาถึงขนาดนี้มันไม่ใช่เพราะใคร แต่มันคือตัวผมเองคนเดียวที่ใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล และใช้คำพูดที่มันไม่สุภาพออกไป จนทำให้เรื่องราวมันใหญ่โต ส่งผลกระทบไปถึงดารานักแสดงและเซเลบคนอื่นๆ”
“การที่มีคนออกมาแฉวิธีการได้บัตร และคนมองว่าเป็นเพราะผมเลยทำให้ทุกคนเดือดร้อนกันหมด ซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริงครับ เพราะว่าผมก็น้อมรับเลยว่ามันเป็นอย่างนั้น ล่าสุดมีคนส่งมาให้ผมดูว่าปากพาจน ซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริงครับ แต่มันมีเหตุผลในตัวของมันอยู่ ซึ่งผมก็ได้ชี้แจงไปแล้ว แต่จะเข้าใจหรือไม่ผมก็น้อมรับครับ”
“ถามว่ากลัวจะกระทบเพื่อนๆ ดาราที่จะไปดูคอนเสิร์ตอื่นๆ ไหม ตอนนี้กระทบแล้วแน่นอนครับ ผมกราบขอโทษแฟนๆ มารูน ไฟว์ (ยกมือไหว้) ผมกราบขอโทษไปยังพี่ๆ น้องๆ ศิลปิน ดารา เซเลบทุกคนที่อยู่ในวงการบันเทิงนี้ที่ผมทำให้ทุกท่านเดือดร้อน ด้วยความคิดน้อยของตัวผมเอง ด้วยอารมณ์ส่วนตัวของผมเอง ก็อย่างที่ผมได้สัญญาไปว่าผมจะมีสติมากกว่านี้ ผมได้เลือกเส้นทางนี้แล้ว ผมจะอดทนให้ได้มากกว่านี้ ผมจะไม่ให้มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นอีกครับ ขอโทษครับ (ยกมือไหว้)”
มั่นใจเรื่องยังไม่จบ แต่ถ้าไม่ขอโทษไม่รู้จะอยู่บนโลกนี้อย่างไร
“แต่ถึงออกมาพูดวันนี้ผมก็คิดว่าทุกอย่างคงไม่จบหรอกครับ แต่ถ้าผิดแล้วไม่ขอโทษก็ไม่รู้จะใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างไรเหมือนกัน มันไม่ใช่วิธีการดำเนินชีวิตของผมอยู่แล้ว อย่างที่ผมบอกว่าทุกครั้งไม่ว่าจะมีเหตุการณ์อะไรก่อนหน้านี้ มีคนตำหนิเข้ามาในไอจีผม หรือต้องการให้ผมปรับปรุงพฤติกรรม ผมยินดีน้อมรับเสมอ ฉะนั้นสิ่งที่ผมทำไปมันแก้ไขไม่ได้ ผมทำได้เพียงแต่ขอโทษและน้อมรับกับสิ่งที่มันจะตามมาแค่นั้นเอง”
“เข็ดกับการใช้โซเชียลไหม มันคงเข็ดไม่ได้หรอกครับ เพราะว่าโลกอินเตอร์เน็ตมันไม่ได้เกี่ยวกับโซเชียล มันเกี่ยวที่ตัวบุคคล มันคือตัวผมเองมากกว่า ฉะนั้นแล้วอย่างที่ผมบอกว่าเหตุการณ์ครั้งนี้มันไม่ใช่เป็นเรื่องที่เลวร้ายซะทีเดียว จริงๆ แล้วโลกโซเชียลถ้าเรามองให้ถูกที่ มองข้ามคำหยาบคายต่างๆ ถ้าเราช่วยกันมันก็จะปรับทัศนคติคนอย่างผมให้ดียิ่งขึ้นไปอีก มันก็ได้มีมุมมองที่ไม่ได้เอาแต่ได้ เอาแต่ตัวเองเป็นหลัก แล้วมองข้ามคนอื่นไป ผมว่ามันก็ดีแล้ว เพียงแต่ขอให้แสดงตัวออกมาด้วยอุดมการณ์ ด้วยความเชื่อ ด้วยอยากที่จะพัฒนาให้สังคมนี้มันดีขึ้นไป มีหลายคน หลายท่านกับคอมเมนต์ที่ดีมากๆ คือผมมองตัวเองซะจนชิน จนลืมมองคนอื่น มันเลยทำให้วันนี้ผมก็มีมุมมองที่ดีขึ้น เป็นคนที่ดีขึ้นครับ”
ย้ำไม่กล้าใช้วิธีการซื้อบัตรคอนเสิร์ตแบบเดิมอีก
“ถามว่าในอนาคตกับคอนเสิร์ตครั้งหน้าผมจะยังกลัวไหม ผมก็ได้คุยกับคุณเอมี่จริงๆ นะครับ กลัวมากจริงๆ (ยิ้ม) มันก็ต้องเป็นบทเรียนที่สำคัญนะครับ ที่ง่ายๆ คือถ้าไม่ทำก็ไม่ผิด ฉะนั้นแล้วถ้าคิดในแง่ดีถ้าอยากดูจริงๆ ก็ลองทำแบบที่คนอื่นเขาทำดู ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็หาดูในยูทูปก็ได้ หรือไปตามดูที่ต่างประเทศก็ได้ประมาณนั้นครับ ไม่กล้าใช้วิธีการเดิมซื้อบัตรแล้วครับ (ยิ้ม) ไม่กล้าแล้วจริงๆ”
“วันนี้ก็ขอกราบขอโทษนะครับ (ยกมือไหว้) กับสิ่งที่ผมได้ทำลงไป การที่ไม่มีสติ พูดด้วยอารมณ์ ขาดการยั้งคิด แสดงสีหน้าท่าทางประชดประชัน กระแหนะกระแหน ใช้คำพูดที่หยาบคาย ทำเพื่อความสะใจ คุณด่ามา ผมด่าไป ผมผิด ผมน้อมรับ และหวังว่าทุกๆ ท่านจะเข้าใจผมมากขึ้น ผมไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องให้ทุกท่านอภัยให้กับผมในวันนี้ แต่ถ้าจะเป็นไปได้ ถ้าวันข้างหน้า ถ้าความโกรธเหล่านี้ของทุกๆ ท่านนั้นน้อยลง จะเป็นพระคุณกับผมมากๆ ว่าจะให้โอกาสผม ที่ผมจะยังคงทำหน้าที่ของผมต่อไปในสังคม ในวงการบันเทิง ในอุตสาหกรรมนี้ ได้ทำงานศิลปะผ่านตัวละคร ไม่ว่าจะเป็นบทละครหรือภาพยนตร์หรืออะไรก็ตามต่อไปครับ ผมกราบขอโทษผ่านพี่ๆ สื่อมวลชนไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ ขอบคุณครับ”
[ชมคลิป] “ซี” จวกชาวเน็ตให้ใช้หัวคิดอย่าใช้หัวนม ลั่นถ้าใครจะตาย ขี้ไม่ออก ให้ติดต่อมารับบัตร “มารูน ไฟว์”
“เอมี่” ดับดราม่า #เอมมี่ยี่สิบห้าตั๋ว ขอโทษแทนเพื่อน อ้างคิดน้อย
จวกเละ “เอมมี่” ผิดคิวโพสต์อวดบัตร “มารูน ไฟฟ์” ที่นั่งติด 25 ใบรวด!
ASTVผู้จัดการออนไลน์ เพิ่มหมวดข่าว “โต๊ะญี่ปุ่น” นำเสนอความเคลื่อนไหวของข้อมูลข่าวสาร ตอบสนองผู้อ่านที่สนใจในประเทศญี่ปุ่น รวมทั้ง สรรสาระ เกร็ดความรู้ต่างๆ ที่ผู้อ่านควรรู้ และ ต้องรู้อีกมากมาย ติดตามเราได้นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ติดตามรับชมช่อง “Super บันเทิง” ได้ที่ Super บันเทิง live
ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th
ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม
เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ “ซ้อ 7” ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540 ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก ระบบ True Move เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000 *ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก |